ระเห็ดเตร็ดเตร่

Stone Free 4

  • Writer: Montipa Virojpan / cookieshoutt / Widthawat Intrasungkha

15 มกราคม 2559

ตามปกติแล้วเราตั้งใจว่าจะไม่พลาดงาน Stone Free เพราะยังคงจำความประทับใจในครั้งที่ 2 และ 3 ได้ แต่อย่างที่หลาย ๆ คนทราบว่าในครั้งที่ 4 นี้ ทางผู้จัดงานต้องประสบกับปัญหาหลายประการจึงทำให้ต้องเปลี่ยนวันจัดงาน รวมถึงวงดนตรี และสถานที่จัด ซึ่งทำให้ผู้ชมหลายคนไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่งานก็ยังคงจัดต่อไปและได้รับการสนับสนุนจากผู้ชมคอนเสิร์ตท่านอื่น ๆ ที่ยังคิดถึงบรรยากาศอบอุ่นของเทศกาลดนตรี และทำให้รู้สึกเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเสมอมา หลังจากเห็นภาพควันหลงของงานเราบอกได้คำเดียวว่าเสียดายที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ แต่เราก็ได้ฝากทีมงานฟังใจอย่าง เค้ก พีอาร์สาวของเรา ไปรับหน้าที่ระเห็ดเตร็ดเตร่แทน

 

“เค้กไปถึงวันแรกก็ดึกแล้ว เพราะต้องไปตอนหลังเลิกงาน ซึ่งก็ไปถึงที่งานประมาณ 3 ทุ่มยังไม่ได้ดูเพราะต้องกางเตนท์ก่อน ส่วนวงแรกที่ได้ดูจริง ๆ คือ Summer Dress ซึ่งในตอนนั้นคนดูก็เมามันเต้นยับกันไปเรียบร้อยแล้วระดับนึง ยิ่งเพลง แพ้ทอม ที่เล่นเป็นเพลงสุดท้ายนี่เรียกว่า คนดูถึงกับวิ่งเข้าหาศิลปินอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างนั้นเองที่เห็นว่าต้องไปซื้อเบียร์มา boost เพื่อจะตามคนอื่นได้ทัน พร้อมกับไปหาอะไรกินในงาน ปีนี้มีประมาณ 5-6 ซุ้มได้ ข้าวไข่เจียวอะไรมีหมด พออิ่มท้องและกึ่ม ๆ ได้ที่ก็กลับมานั่งดูวง ตอนนั้นเองที่ฝนก็ตกอีก งานจึงต้องหยุดไปพักนึงเพราะต้องจัดการเครื่องเสียง เลยตัดสินใจไปนอนก่อน แต่ก็จำได้อีกว่านอนฟัง Stylish Nonsense ก่อนที่จะหลับไป

ช่วงเช้ามืดของวันที่สองคือฝนตกหนักมาก ดินเฉอะแฉะเป็นดินเหนียว ชนิดที่ว่าน้ำท่วมเตนท์เค้ก และยุงเยอะมากเพราะบริเวณที่จัดมีบึงด้วย แล้วพอฝนตกหนักมากเลยทำให้งานตอนเช้าเลทไปหมด ตื่นมา 10 โมงวงแรกยังไม่เล่น ทั้งที่ตามตารางต้องเล่นตั้งแต่ 7.30 แล้วแดดร้อนมาก เลยต้องออกไปข้างนอกกัน ซึ่งตอนนั้นคือเป็นคิวของวง Morg กลับมาได้ดู Noppakorn Lertlak เป็นวงแรก ช่วงนั้นฟ้าเริ่มไม่มีแดดแล้ว อากาศกำลังโอเค

มารู้สึกประทับใจตอน Yena เพราะเพลงเข้ากับบรรยากาศ ก็นั่งชิว ๆ คนยังไม่ดิ้น แต่พอ Monomania เท่านั้นแหละ เป็นช่วงที่ฟ้าเปลี่ยนสีพอดี พีคมากที่บรรยากาศโดยรอบกับวงเข้ากันมาก เล่นตั้งแต่ฟ้าส้ม ๆ จนฟ้ามืด เพลงเดือดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็เป็น My Life as Ali Thomas ด้วยความที่ขี้เกียจลุกไปมา เลยนั่งอยู่ที่เดิม คือเวทีมันมีสองฝั่งแบบตอนปีที่ 2 เพื่อที่จะให้ไม่เสียเวลา set up ระหว่างวง แล้วก็นั่งดู Basement Tape ต่อ แต่ตอนนี้คนก็เริ่มลุกขึ้นมาเต้นกันแล้ว ส่วน Cyndi Seui นี่ก็แดนซ์ฟลอร์กันเลย มีแขกรับเชิญคือ เบียร์ สรณัฐ กับ เมย์ ชูชีวา แห่งวง Fwends มาร้องแจมด้วย พอคนกำลังเต้นกันได้ที่ ฝนก็ลงเม็ดกันอีกรอบ ทำให้ต้องเบรคด้วยแล้วค่อยเล่นต่อ แล้วทีนี้ฝนก็ตกอีก เค้กก็เลยตัดสินใจกลับบ้านเลย

อย่างไรก็ดี space ตรงนั้นดีมาก บรรยากาศดี สวย ยกเว้นแค่ร้อน ไม่มีต้นไม้ ตอนกลางคืนยังร้อน ต้องให้ฝนตกก่อนถึงจะหนาว แล้วมีวงหลายวงมากที่ไม่ได้เล่นเพราะฝนตก เดี๋ยวไฟดูด”

สิ้นคำให้การของน้องเค้กของเรา มาฟังความคิดเห็นจากผู้ร่วมงานท่านอื่น ๆ บ้าง นี่คือพี่นิว ผู้ร่วมชะตากรรมในการตามติดชีวิตวงต่างประเทศมากับเราที่เคยเล่าไว้ในเห็ดหลังบ้านตอน White Shoes & the Couple Company ซึ่งได้มาร่วมงานครั้งนี้ เขาเป็นอีกคนที่มา Stone Free เป็นประจำทุกปี โดยให้เหตุผลว่า “กูต้องเก็บสถิติ”

“บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาสำหรับการกางเตนท์ เพราะคนไม่ได้ชุกเท่าปีก่อน ๆ น่าจะมีประมาณ 300 คนและอาจเป็นเพราะสถานที่ใหญ่กว่าทุก ๆ ปี แต่ข้อดีปีนี้คือ เครื่องเสียงค่อนข้างดีกว่าที่ผ่านมา วงส่วนใหญ่ที่เล่นก็มักจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนดู วงที่ดีมาก ๆ ขอยกให้ศรีราชาร๊อคเกอร์ กับ The Photo Sticker Machine ที่มี เล็ก T-Bone กับ ริค วชิรปิลันธิ์ มาแจมด้วย ทั้งสองคนพีคมาก ๆ ที่น่าเสียดาย คงเปนเรื่องการประชาสัมพันธ์ภายในงานค่อนข้างด้อย คือวงช่วงเช้าถูกเลี่อนไปเล่นตอนเที่ยงแล้วยิงยาวไปทั้งวันแทน ตอนออกไปกินข้าวข้างนอกเลยทำให้พลาดหลายวง ที่ต้องออกไปข้างนอกเพราะสถานที่ไม่ค่อยมีที่หลบร้อนเท่าไหร่ แต่อากาศก็ไม่ได้ร้อนจนถึงขั้นทนไม่ไหวเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากคืนแรกฝนตกตอนตี 5 น้ำรั่วเข้าเต้นเลยตื่นมานั่งทำใจ จนฝนซาถึงหลับได้ วันเสาร์เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่วงตอนเช้าไม่เล่นตามเวลา เลยตัดสินใจไปกินข้าว กลับมาก็เปน Youth Brush เล่นแล้ว ทำให้พลาดไปหลายวงอยู่เหมือนกัน

โดยรวมแล้วคิดว่าแม้ว่าปีนี้จะไม่พีคเท่าปีก่อน ๆ แต่สำหรับเรา เราตั้งใจไปเสพบรรยากาศงานมากกว่าฟังดนตรี เลยนั่งฟังหน้าเตนท์เป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนทีมงานปีนี้จะเยอะมากเป็นพิเศษ ข้อดีของงานนี้คงมีเรื่องสถานที่ที่ไม่ไกลจากตัวเมือง เลยทำให้เดินทางง่ายและประหยัด แต่ก็กลายเป็นข้อเสียตรงที่ทำให้คนกางเตนท์น้อย บางคนเลือกขับรถกลับไปพักที่อื่น อีกเรื่องคือห้องน้ำปีนี้ดีกว่าทุก ๆ ปีนะ ส่วนเรื่องดนตรี ก็รู้สึกว่าทุกวงก็พยายามใส่กันเต็มที่เหมือนกันนะ แต่อาจจะด้วยจำนวนคนที่มาฟังน้อย เลยทำให้ดูกร่อย ๆ กว่าปีก่อน ๆ และการขายหายไปของวงหลาย ๆ วงก็เลยส่งผลให้คนที่ตัดสินใจคืนบัตรกันเป็นจำนวนมาก แต่งานนี้ก็ฝาก hashtag #มีนบุรีไม่ใช่กรุงเทพ เพราะเป็นโซนที่ไม่เคยเดินทางมาจริง ๆ และไม่รู้สึกว่าอยู่ในกรุงเทพเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเรา งานสเกลใหญ่กว่าก่อนมาก ๆ แต่คนมาแค่ประมาน 30% เลยแอบเสียดาย ถ้าคนมาเยอะกว่านี้เชื่อว่าจะเป็นงานที่ดีตามความคาดหวังแน่ ๆ ”

ได้ฟังจากที่ทั้งสองคนเล่าก็ชั่งน้ำหนักความฟินและสามารถจินตนาการภาพเหตุการณ์ในงานได้ราง ๆ แต่ก็คงสู้คนที่ได้ไปสัมผัสประสบการณ์จริงไม่ได้แน่นอน ถือว่าครั้งนี้พลาดไป แต่ก็ขอแสดงความยินดีกับคนที่ได้ไปงานและได้เก็บความทรงจำดี ๆ กันไปอีกปี ไว้หนหน้าจะพยายามไม่พลาดแล้ว TT

Facebook Comments

Next:


Suthavee Thanombooncharoen

เค้ก สุธาวี ถนอมบูรณ์เจริญ ตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งประจำฟังใจ