อัดแน่น 19 เพลงเท่ ในโชว์สุดประทับใจจาก Sticky Fingers ครั้งแรกที่กรุงเทพ ฯ
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Tas Suwanasang
ตอนที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Sticky Fingers จะมาเล่นที่บ้านเรา หลาย ๆ คนคงทั้งประหลาดใจและดีใจดีจะได้ดูวงเร็กเก้ อัลเทอร์เนทิฟร็อกจากซิดนีย์วงนี้สด ๆ เพราะก็ได้ฟังเพลงของวงนี้กันมาพักใหญ่แล้ว ดังนั้นการจะได้ดูสดก็เหมือนฝันที่เป็นจริงของแฟนเพลงแหละนะ แล้วเมื่อวันก่อนพวกเขาก็เพิ่งปล่อยสตูอัลบั้มชุดที่สี่ออกมาให้ได้ฟังกันแบบเต็ม ๆ แม้ส่วนตัวจะชอบงานยุคก่อนหน้ามากกว่า แต่ก็อยากไปลองฟังเขาเล่นสดเหมือนกันว่าจะสื่อสารออกมาแบบไหน
(ขออภัย สนุกไปหน่อยแทบไม่ได้หยิบขึ้นมาถ่ายเลยได้ภาพปลากรอบน้อยมาก แง)
9 กุมภาพันธ์ 2562
เรามาถึงงานตอนประมาณทุ่มครึ่งก็ได้เจอกับบรรยากาศคึกคักตามสไตล์ของคอนเสิร์ตที่ sold out แต่นั่นก็แปลว่าเราจะต้องประสบกับผู้ชมแน่นขนัด แถมแถวที่ให้ต่อแลกริสต์แบนด์และบัตรแข็ง รวมถึงต่อแถวเข้าฮอลก็ยาวมาก กว่าจะได้เข้าไปดูเวลาก็เลยไปประมาณสองทุ่มนิด ๆ ทำให้เราเข้าไปไม่ทันฟัง Srirajah Rockers เพลงแรก ซึ่งได้ข่าวมาว่าเป็นเพลงที่ชื่อ ตากแดด ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกเพราะก็เป็นแฟนเพลงสีชาที่ปีนี้พวกเขาจะมีเพลงใหม่ ๆ ให้ได้ฟังก็แล้ว และในโชว์นี้พวกเขาก็มาแบบฟูลแบนด์เพิ่มคอรัส มีการดีไซน์โชว์และรีอะเรนจ์หลาย ๆ เพลง เลยรู้สึกว่าเป็นโชว์ที่คราฟต์ขึ้นมาก ๆ ตอนที่เราเข้ามาพวกเขากำลังเล่นเพลง เติม อยู่พอดี ซึ่งผู้ชมรอบ ๆ ตัวเราก็สามารถร้องเพลงนี้ได้แทบทุกคน เรียกว่าแฟนเพลงเหนียวแน่นจริง ๆ จากนั้นตามด้วยเพลงใหม่ ดงกัญชาบาน เป็นเพลงที่ทำให้นึกถึงเพลงเร็กเก้ยุคเก่า ๆ ที่เป็นจังหวะสนุก น่ารัก และคลาสสิก มีเสียงผู้หญิงหวาน ๆ คอรัส ต่อด้วย การแชร์ ที่ทุกคนพร้อมใจกันโยกย้าย และ Karma Soundsystem ที่ให้ได้ย่ำเท้ากันแบบคึกคักกันบ้าง จบเพลงนี้ วินก็ทักทายแฟนเพลงว่า ‘สวัสดี พวกเรา Sticker Pinky’ ทำเอาคนดูเฮกันไปทั้งฮอล แล้วก็ชวนกันมาร้อง ‘เพลงสีชมพู’ นั่นคือ พันลำพัง ที่เปิดตัวด้วยไฟฉาบเวทีสีช็อกกิ้งพิงค์ มีอินโทรเป็นซาวด์อิเล็กทรอนิกกับดั๊บหนา ๆ ชวนหลุดลอย ซึ่งคนดูก็ร้องเพลงนี้กันดังมาก ในท่อนที่ร้องว่า ‘จะปรับปรุงตัวใหม่’ วินบอกว่าตัวหน้าจะผสมบุหรี่ให้น้อยลง เนี่ย ชี้นำตลอดเลย ฮ่า ตามด้วยเพลง แล้วแต่…เอ็ง เพลงใหม่ที่มีเมโลดี้โหด ๆ ดุดัน จังหวะเท่มาก และเป็นเพลงที่เพอร์คัสชันค่อนข้างเด่น การร้องของวินยังทรงพลังและบิลด์อารมณ์ร่วมให้เกิดขึ้นได้เสมอ ก่อนจะจากกันไปในเพลง Destroy Babylon ที่ระหว่างกำลังเล่นเพลงนี้เชื่อว่ามีหลายคนรู้สึกอินกับเนื้อหาของเพลงนี้ไม่น้อยหลังจากที่ได้ติดตามข่าวการเมืองในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลังจากโชว์ของสีชาจบไป จุดนี้ต้องบอกเลยว่าให้ติดตามเพลงใหม่ของพวกเขา และ full show รอบต่อ ๆ ไปให้ดี เพราะเขาให้ความสำคัญกับซาวด์ดีไซน์ขึ้นเยอะมาก ๆ จนเราทึ่งไปเลย
ระหว่างที่รอให้วงเฮดไลเนอร์ของวันนี้ขึ้นเวที เราก็รีบไปกดเหล้าเลย คือเขาได้ Jack Daniel’s มาเป็นสปอนเซอร์ค้าาาาา โอ้ย มาให้เลือกทั้ง original, Honey และ Fire ใครใคร่ดื่มคลาสสิก ก็แจ็กโค้ก ใครดื่มสายหวานปานน้ำผึ้งก็ตัวสอง ส่วนตัวไฟร์นี่ดีมาก เหมือนเป็นเหล้าใส่น้ำเชื่อมซินนาม่อน เพื่อนบอกว่ารสเหมือน fireball cocktail อีฉันยังไม่เคยลอง แต่ของแจ็กมันเวิร์ลมากค่ะ แล้วก็ช่วงนั้นก็ไปรมควันมานิดนึงเพื่อความพร้อม จนพอเวลาใกล้ ๆ สามทุ่มครึ่งก็ต้องมาจับจองพื้นที่กันแล้ว
อินโทรแอมเบียนต์ขึ้นมาพร้อมกับการดิมลงของไฟเฮาส์ เสียงเครื่องเป่าในดนตรีดิสโก้ที่กำลังบรรเลงอย่างยาวนานทำให้เราต้องภวังค์ จนทุกคนเฮเมื่อเสียง ‘ตึ่งดึงดือดึ๊ง’ ของ เพลง Land of Pleasure ดังขึ้น โอ้โห เพลงแรกมาก็โยกหนักแล้วครับ ดั๊บกับรีเวิร์บสนั่นทรวงมาก เสียงตา Dylan Frost คือสะกดทุกคนอยู่จริง ๆ แล้วต้องเหวอหนักไปอีกเมื่อ Paddy Cornwall มือเบส ทักทายแฟนเพลงหลังจบเพลงนี้ว่า ‘สวัสดีครับ’ ไทยมาก ชัดมาก ไอ้บ้า สะดุ้งหายเมาไปแปปนึงเลย เหตุนึงก็อาจเพราะว่าพวกเขาเคยมีอัดเพลงกันที่ Karma Studios ที่บางเสร่ก็เลยได้ฝึกฝนภาษาไทยกันมาบ้างแล้ว ต่อกันที่ Sad Songs ให้ได้หูพร่า ฟัซ ๆ เบสวิ่ง ๆ สไตล์บริตกันบ้าง แอบมีคนแซวว่า Sticky Fingers เป็นวง shoegazer เพราะซาวด์ที่งานเมื่อวานทีความทู่ ๆ ซู่ซ่าเสียเหลือเกิน
จนเพลงต่อไปที่แค่อินโทร คนดูก็ช่วยกันนับ 1 2 3 แล้วฮัมอินโทรของ Gold Snafu เพลงจังหวะสนุกน่ารักสุดฮิตเพลงนี้แบบไม่ได้นัดหมายกัน พลังแฟนเพลงวงนี้เขาเหนียวแน่นจริงฮะ ต่อกันเลยกับ Flight 101 ให้ได้ฟังซาวด์โอเรียลทัลกับเปียโนพริ้ว ๆ ในเพลงช้าเพลงนี้ ตามด้วย Outcast At Last กับเบสสุดหนึบ เสียงแตก ๆ เท่ระเบิดระเบ้อ ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุดกันเลย Loose Ends จังหวะยก ๆ เบสดีดดิ้น กับเสียงซินธ์ ตึ๊งตึ่งตึ๊งตึ่ง ในเพลงนี้มันทำเอาต้องโดดตามแบบห้ามตัวเองไม่ได้ แล้วพวกเขาก็ให้เราได้พักหายใจกันนิดนึงในเพลง Cool & Calm ด้วยเสียงซินธ์ดึกดึ๋ยจั๊กจี้หู แต่ผ่อนคลายด้วยเสียงเปียโนและการแร็ปเพลิน ๆ ส่วนท่อนท้ายของเพลงคือฟังสดแล้วฟินกว่าในอัลบั้มอีกสิบสต๊อป แล้วจึงเล่น Kick On ได้ฟีลวัยรุ่นเมกันในงานพรอม ก่อนที่พวกเขาจะเล่นอีกงานเท่ ๆ สุดย้วย Everybody’s Talkin’ Bout It โอ้โห ความไซคีเดเลียมาเต็มเลยในเพลงนี้ ไลน์ลีดกีตาร์อย่างหล่อ และเป็น Velvet Skies ที่มาช่วยรีเฟรชหูกับเพลงเร็กเก้ที่ใช้ซาวด์กีตาร์ใส ๆ เพลงนี้ จบแล้วแพดดี้ก็หลอนเราอีกรอบกับการ ‘ขอบคุณครับ’ เป็นภาษาไทยที่ชัดเกินไปแล้วววว จนวงกลับมาเล่นเพลงจากอัลบั้มแรกที่ความเร็กเก้ยังจัดจ้าน คนดูร้องเฮกับท่อนร้องรัว ๆ ของเขาในเพลง Bootleg Rascal ที่ทั้งเก่งทั้งเท่ ร้องทันได้ไงเนี่ย กีตาร์โซโล่ท้ายเพลงยังกะวงร็อก 70s มาเอง แล้วจึงเป็น One By One ชอบเสียงแทมบูรินกับริฟฟ์กีตาร์ในเพลงนี้จริง ๆ ท่อนบริดจ์ท้ายเพลงเขียนเมโลดี้ร้องออกมาได้เท่มาก ตามด้วย Rum Rage และ Liquorlip Loaded Gun ที่ทุกคนร้องกันดังลั่นฮอล ก่อนที่จะทิ้งท้ายเพื่อส่งเข้าช่วงอังกอร์ด้วย Australia Street
หลังจากแฟน ๆ ตะโกนเรียกพวกเขาให้กลับขึ้นมาพักใหญ่ วงก็จัด Cyclone เป็นอะคูสติกขลัง ๆ เพราะ ๆ ให้ได้ฟังเป็นบุญหู และเพลงที่เราขอยกให้เป็นพระเอกของค่ำคืนนี้เลยคือ Freddy Crabs คือฟังในอัลบั้มแล้วไม่เหมือนในโชว์ที่เขาดึงเพลงให้หนืดขึ้น เล่นนานขึ้นด้วยหรือเปล่านะ แต่ไวบ์ทุกอย่างมันหน่วง มันหนึบ มันพุ่งพล่านไปหมด ถูกต้องตั้งแต่ต้นจนจบในความดั๊บที่ฉันต้องการ แล้วจึงเป็นเพลงที่หลายคนรอคอยอย่าง How To Fly และปิดท้ายไปด้วยอีกงานโคตะระเท่กับ Lazerhead เมโลดี้กีตาร์ยังก้องกังวานอยู่ในหัว ท่อนกลองเร้า ๆ ทำให้หัวใจพองโตตลอดทั้งเพลง และ outro สุดไพเราะทรงพลังก็เป็นบทสรุปที่ทิ้งท้ายให้โชว์นี้จบไปอย่างสวยงาม
นี่ขนาดเล่นไปตั้ง 19 เพลงยังรู้สึกว่าเวลาในคอนเสิร์ตผ่านไปไวมาก แม้ซาวด์จะไม่ได้เพอร์เฟกต์แต่ทุกอย่างในงานก็ค่อนข้างมีความถูกที่ถูกทาง ในที่นี้หมายถึงวงที่เก่งมาก คือเราต้องชมว่า performance ของพวกเขาไร้ที่ติและสามารถเอาคนดูอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ (กลับไปฟังเวอร์ชันออดิโอก็จะไม่ฟินเท่าดูสดแล้ว แง) แฟนเพลงที่ร้องและเต้นไปกับเพลงของพวกเขาแบบไม่เหนียมอาย ยิ่งทำให้บรรยากาศเมื่อคืนสนุกมาก ๆ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้นะ 🙂