Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

คืนสุดพิเศษของ Solitude Is Bliss กับ Acoustic Set แรกในชีวิต ร่วมด้วย Stoic ที่ Mutual Bar

Solitude is Bliss ลงมากรุงเทพ ฯ รอบนี้ถือเป็นรอบที่ยาวนานที่สุดของพวกเขา กับการทัวร์ไปยังร้านต่าง ๆ เทศกาลดนตรี และสื่อดนตรีชั้นนำ ที่สำคัญวงก็ลงมาพร้อมกับอัลบั้มเต็มชุดที่สอง Please Verify That You Are Not A Robot ที่ได้ฟังกันไปบ้างแล้ว

แต่เมื่อคืนวันพุธที่ Mutual Bar พวกเขาจะเล่น acoustic set แบบที่ไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อน เป็นการอุ่นเครื่องก่อนงานเปิดอัลบั้มที่ Black Cabin กับ Stoic  ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับทั้งวงเองและแฟนเพลง กับการจะได้ฟังบรรเลงเพลงโปรดทั้งเก่าใหม่ในแบบที่ต่างออกไปในค่ำคืนนี้

27 พฤศจิกายน 2562

เป็นธรรมดาที่ Mutual Bar จะคนแน่นเมื่อมีอีเวนต์ แต่หน้าตาของแขกเหรื่อในคืนนี้ค่อนข้างต่างไปจากขาประจำของร้านหรือ theme concerts ที่ผ่าน ๆ มา (คือร้านนี้เขาชอบจัดงานตามธีมหนัง ซีรีส์ วงดนตรี) และคืนนี้พวกเราจองโต๊ะที่ใกล้กับบริเวณที่วงเล่นมากที่สุด แต่ความที่ที่นั่งเป็นแบบ diner เลยต้องหันหลังฟัง

ก่อนเริ่มโชว์ประมาณสามทุ่มครึ่ง ผู้จัดหน้าไม่คุ้น (ทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าของเว็บไซต์ online shopping เจ้าหนึ่งที่เป็นแฟนเพลงของทั้งสองวงและอยากสนับสนุนผนักดันให้คนรู้จักวงมาก ๆ ขอบคุณนะคะ) ขึ้นมากล่าวทักทายคนในงาน รวมถึงแนะนำวง บอกว่าเห็นว่าทั้ง Stoic และ Solitude Is Bliss ป็นวงที่มี potential หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับโชว์ของพวกเขา

เมื่อเสียงจอแจในร้านเงียบลงด้วยทุกคนตั้งใจฟังเพลงของ Stoic ที่ขึ้นชื่อในความหม่น หนักแน่นในอารมณ์ และอาศัยความเงียบในการเงี่ยฟังรายละเอียดทางดนตรี วงขนเพลงในอัลบั้มมาบรรเลงทั้ง คร่ำครวญ, วิวรณ์ เพลงที่แต่งให้เพื่อนที่เสียชีวิตไปอย่าง DI(C)E และตอนที่ขึ้นเพลง My Ghost ขึ้นมาทุกคนในร้านปรบมือขึ้นมาอย่างรู้แกว ต่อด้วย EYE, LOST, SOM แล้วมาถึงเพลงสุดท้ายซึ่งไม่พ้นเพลง วัฏจักร ที่หลายคนรอคอย ฝีมือของพวกเขายังไร้ที่ติเช่นเคย แต่ปกติแล้วเวลาวงเล่น full band หรือเล่นที่ใหญ่ ๆ ซาวด์จะเต็ม อลังการมาก ๆ แต่พอมาอยู่ในร้านขนาดเท่านี้ก็ทำซาวด์ออกมาได้กลมกล่อม ไม่ดังจนเกินไป และแม้เป็นกระจกรอบร้านซาวด์ไม่ได้ก้องอย่างที่กังวลไว้

เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง Solitude Is Bliss ก็มาเซ็ตข้าวของนั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง และเริ่มบรรเลงบีตคุ้นหู นั่นคือ Rich Man’s War, Poor Man’s Blood เป็นเพลงแรก ความน่าตื่นเต้นมาก ๆ คือตรงที่เรานั่งมันได้ยินอะคูสติกของทุกเครื่องดนตรีแบบครบถ้วน ได้ยินเสียง resonant ของเปียโนหลังเล็กในร้านที่ปกติปอนด์ มือคีย์บอร์ด จะเล่นกับเครื่องไฟฟ้า มันทำให้อารมณ์ในเพลงขลังขึ้นอีกหลายสต๊อป ไดนามิกอะไรที่เล่นดัง เบา มันมีผลไปหมด กลายเป็นเหมือนโชว์แจ๊สที่เราจะรู้สึกได้เวลาเขาอิมโพรไวส์กันแล้วจะมีความเหมือนเล่าเรื่องอยู่กลาย ๆ ดนตรีของ Solitude Is Bliss ในคืนนี้เป็นแบบนั้นเลย

พอเล่น ๆ ไปก็มีท่อนหยุด แล้วกลับมาบรรเลงต่อให้ดูเป็นท่อนรับส่งยึกยักเท่ ๆ ส่วนโซโล่ก็ใส่ความเป็นไซเคเดลิก ท้ายเพลงยังเร่งจังหวะเร้า ๆ จนได้ฟีลแบบร็อก late 60s แล้วมาสังเกตจริง ๆ ว่าดนตรีของพวกเขาได้อิทธิพลมาจากยุคนั้นเต็ม ๆ คือเวลาเล่นเป็นอะคูสติกแล้วมันได้อารมณ์ไซเคเดลิกโฟล์กถอดกันออกมาเลย เท่มาก ๆ

จากนั้นพวกเขาก็เล่น เพียงสิ่งเดียว งานชุดใหม่ขึ้นมาเชื่อมต่อกันอย่างแนบเนียน การประสานเสียงในเพลงนี้ยิ่งทำให้เพลงยิ่งเพราะขึ้นไปกว่าแค่เมโลดี้ที่มันดีอยู่แล้ว ตามด้วย Show Time เพลงสัดส่วนประหลาดที่ทำเอาหลายคนอ้าปากค้างกับไลน์กีตาร์สุดเท่ที่โชว์ร็อกแอนด์โรล อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนห้องมาเล่นเป็นแจ๊สไล่สเกลพริ้ว ๆ ท้ายเพลงมีแทมบูรีนเคาะคลอไปกับท่อนร้องชวนฮึกเหิม

วงจัดเพลงชุดใหม่ให้รัว ๆ เช่นกันกับเพลงต่อไป ทิ้ง ที่ความการาจร็อก 2000s ชัดมาก ได้ nostalgic กันเข้าไปอีกที่ซาวด์ดนตรีเป็น guitar band ชวนโดดขนาดนี้ ไลน์กีตาร์สุดเท่กับเปียโนหวาน ๆ เข้ากันไปหมด แล้วก็เป็นเพลง สตรี ที่เริ่มต้นมาแบบนิ่ม ๆ ยิ่งท่อนบริดจ์ยิ่งนุ่ม ก่อนที่ท้ายเพลงจะสาดความ trippy ดุ ๆ นัว ๆ ให้เราตะโกนร้องว่า ‘ความรักมีจริง ๆ’ ให้ลั่นร้าน

แล้วเสียงเปียโนอันแสนคุ้นเคยก็ทำให้เราที่นั่งบิดเอี้ยวตัวเอียง ๆ ฟังพวกเขาอยู่ ต้องกลับตัวมานั่งเกาะขอบพนักกันเลยเมื่อวงเล่น Lost In Jane โห ความขนลุกเกรียวมีจริงไม่ต่างจากความรักค่ะ เพลงที่ปกติว่าลอยแล้ว เอามาเล่นแบบนี้ยิ่งตัวเหลวเลย จากนั้นวงก็ขออัพบีตขึ้นมานิดนึงใน Apple อีกเพลงที่ให้บรรยากาศโฟล์กปลายยุค 60s ขอยืนยันอีกครั้งจากที่เขียนรีวิวไปไม่นานมานี้ว่าดนตรีเพราะมากโดยแทบไม่ต้องมีลูกเล่นอะไร

Solitude Is Bliss Acoustic

เฟนเดอร์บอกว่าเพลงต่อไปเป็นเพลงแรก ๆ ของพวกเขา นั่นคือเพลง ฝัน เพลงจาก EP ที่เป็นสไตล์โฟล์กไทยแบบที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยได้ฟัง Solitude Is Bliss ในพาร์ตนี้มานานแล้ว และเพลงนี้ก็เป็นอีกของ rare ที่นาน ๆ จะเล่นสักที

คนดูทั้งร้านส่งเสียงเฮเมื่อได้ยินอีกเมโลดี้เปียโนที่ดังขึ้นมาแล้วต้องขนลุก ทุกคนรู้ดีว่านี่คือเพลง 4.00 AM ที่พอได้ฟังกับเปียโนไม้แล้วมันเพราะเกินบรรยาย น้อง ๆ ที่นั่งโต๊ะเดียวกับอิฉันมีคนเพิ่งอกหักสองคนกอดคอร้องไห้โฮลั่นไปกับเพลงนี้ อยากปลอบมั้ยก็อยาก แต่พี่ขอดื่มด่ำกับเพลงแปปนะแง

อินโทรเนิบช้าของเพลงต่อไปดังขึ้นนั่นคือเพลง กระดาษ โอ้โหอยากจะลุกยืนเลยเมื่อเขาเริ่มเร่งจังหวะ ยิ่งเวิร์สสองคือเท่มาก นี่เป็นเพลงที่ปกติในคอนเสิร์ตคนจะยืนโดดกันแล้ว แต่อันนี้ทุกคนนั่งเสงี่ยมในร้าน ไอเราก็เกรงใจ อีกเพลงที่ทำเอาเหวอเพราะไม่คิดว่าจะเล่นอะคูสติกได้คือ ระบายกับเสียงเพรียก จ้าาาา บ้าไปแล้ว ท่อนเงียบ ท่อนดัง ท่อนทริป ท่อนบ้า เก็บมาหมด แล้วคนดูก็บ้าร้องแม้กระทั่งเมโลดี้ดนตรี ฮัมตามเสียงกีตาร์ ร้องท่อน ‘จึ้ดจึดจื้อ’ เงี้ย เออสนุก

แล้วก็ได้เวลาของเพลงสุดท้าย เห็นจะไม่พ้น Vintage Pic ภาพตอนนั้นคือทุกคนพร้อมใจกันร้องเสียงดังมาก ๆ จนเมื่อจบเพลง เสียงตบมือเกรียวกราวทำให้เขาต้องลุกขึ้นยืนขอบคุณ แต่ไม่ทันสิ้นเสียงชื่นมื่นก็มีคนตะโกนขอเอาอีก จนพวกเขาต้องเล่นเพลง 3.00 AM ให้เป็นเพลงอังกอร์ก่อนจะต้องลงจากเวทีไปจริง ๆ

Solitude Is Bliss Acoustic

ตัดภาพไปชั่วโมงก่อนหน้า เฟนเดอร์กังวลมากก่อนจะขึ้นเล่นว่าจะทำได้ไม่ดีเพราะเจ็บคอ จิบน้ำผึงมะนาวรัว ๆ ส่วนแฟรงก์มือกลองก็หันมาทำท่าบอกว่ามือเย็น มือสั่น กันไปเลย แต่พวกเขาก็พิสูจน์ความสามารถในสิ่งที่ไม่เคยทำและทำออกมาได้ดีมาก ๆ กับโชว์เซ็ตเล็กครั้งแรกโชว์นี้ เห็นชัดว่าหลายคนเป็นแฟนเพลงของวงที่ตั้งใจมาดูโดยเฉพาะเพราะร้องตามได้ในหลาย ๆ เพลง

ใครยังไม่อิ่มกับโชว์สุดประทับใจเมื่อคืน ยังไปต่อกันได้ที่งานเปิดอัลบั้มในเย็นวันนี้ที่ Black Cabin ร่วมกับวง Stoic ด้วย

อ่านต่อ
‘Please Verify That You Are Not A Robot’ อัลบั้มเต็มชุดที่สองจาก Solitude Is Bliss

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้