ชวนเสพดนตรีอันหอมหวานของแมวสยามที่ไปโตในญี่ปุ่นกับ Siamese Cats
- Writer: Peerapong Kaewthae
24 มิถุนายน 2561
Siamese Cats ก็เป็นวงญี่ปุ่นอีกหนึ่งวงที่ผมได้ยินชื่อมานานมากแล้ว กับดนตรีที่มีสไตล์หวาน ๆ แปลกหูชวนผ่อนคลาย แต่ยังมีความป๊อปที่ทุกคนน่าจะเข้าถึงได้ง่าย ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะมาไทยแล้วกับงาน Siamese Cats Live in Bangkok ที่จัดโดยผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Seen Scene Space ผู้นำเข้าวงญี่ปุ่นดี ๆ มากมาย นอกจากเจ้าแมวพันธุ์ที่ทุกคนรอคอยแล้วยังมีวงเปิดที่กำลังเติบโตได้อย่างน่าสนใจมากอย่าง Costlywood และวงดนตรีรุ่นเก๋ามากความสามารถอย่าง Seal Pillow แถมจัดกันใน venue อันอบอุ่นอย่าง Play Yard ด้วย ได้ใกล้ชิดศิลปินขนาดนี้ไม่ได้มีกันบ่อย ๆ นะเอ๊อ
หลังจากเลทมาเกือบ 20 นาที Costlywood ก็พร้อมขนเพลงมาวอร์มอัพความสนุกให้ทุกคนในคืนนี้แล้ว เริ่มด้วยอินโทรเท่ ๆ กับไลน์กลองที่ทรงพลังเรียกร้องความสนใจจากคนดูก่อนจะจัด Last Dance ซิงเกิ้ลแรกของพวกเขาเลย สังเกตได้ทันทีว่าพวกเขาเล่นกันได้แน่นขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ดูตอนฟังใจมันมาก ๆ เลย เสียงร้องยังเท่เหมือนเดิม ต่อด้วย ไม่ไปไหน ซึ่งเป็นเพลงภาษาไทยเพลงแรกของพวกเขาด้วย แค่อินโทรก็สนุกแล้ว เนื้อเพลงเรียบง่ายเข้ากันกับดนตรีน่ารักดี วงก็บอกว่าจะจัดเซ็ตลิสต์อิงกับพัฒนาการของวง แล้วจัด Dancing By Your Side และ Maryland ซึ่งทั้งสองเพลงเป็นช่วงที่เราตกหลุมรักวงนี้มาก ๆ เลยเอ็นจอยสุด ๆ ท่อนโซโล่ก็นัวมากขึ้นเยอะ แถม outro ยังดีดมาก แล้ววงก็จัดการปล่อยเพลงใหม่อย่าง Change Your Mind จังหวะกลองเบา ๆ กับเสียงหล่อเท่ ๆ นี่มันลงตัวมาก คลอด้วยเสียงกีตาร์หวาน ๆ กับคอรัสนี่คือดี แถมช่วงโซโล่ก็ลีดกีตาร์ได้โดดเด่นและดุดันมาก ประทับใจ และยังเซอร์ไพรซ์ด้วยเพลงใหม่อีกเพลงกับ ทักทาย ที่เพิ่งแต่งเสร็จเร็ว ๆ นี้เลย เราชอบพาร์ตของดนตรีมากที่เห็นพัฒนาการของวงชัดเจน อินโทรสนุกมาก ไลน์เบสก็เท่สุด ๆ ท่อนโซโล่นี่หวานละลายไปเลย ก่อนจะโชว์คัฟเวอร์เพลงของ The Beatles ต่อซึ่งทำได้ดีตามมาตรฐาน ก็ทำให้เห็นว่าวงมีศักยภาพมากเหมือนกัน และจบโชว์ในคืนนี้ด้วยเพลง Be Patient เพลงที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อไม่กี่วันก่อน จังหวะช้าแต่โยกตามได้ ท่อนฮุกจังหวะกลองอย่างมัน จบแล้วก็ยังรู้สึกดีกับวงนี้มาก ๆ เหมือนเดิม เรียกว่าคาดหวังเลยเถอะว่าวงจะเติบโตไปได้อีกไกลแน่นอน
มาถึงวงที่เราไม่ได้มีโอกาสได้ดูบ่อย ๆ อย่าง Seal Pillow ที่วันนี้ก็อยากดูให้หายคิดถึงจริง ๆ พี่เฉลิมก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการชวนคนดูคุยเกี่ยวกับเสื้อที่ใส่มาโดยแซวคุณอารยาว่าใส่เสื้อหน้าตัวเองมา แต่ตัวเองดันใส่เสื้อ Keyakizaka46 ที่กำลังเป็นโอตะอยู่ ก็เรียกเสียงหัวเราะอันอบอุ่นได้ ซักพักอารยาก็นับแล้วกระชากอารมณ์เข้าสู่ความสนุกด้วยเพลง ทัศนศึกษา ทันที ทุกคนก็โยกตัวตามกันแบบชิล ๆ ต่อด้วยเพลง Fanclub ที่พี่เฉลิมอธิบายว่าแต่งเพลงนี้ให้ Keyakizaka46 นั่นเอง แถมยังระบายความอัดอั้นที่สมาชิกในวง Siamese Cats ได้ไปเจอไอดอลที่ตัวเองชอบด้วย ออกแนวอิจฉา ฮ่า ๆ ถึงจะรู้ว่าเพลงมีเบื้องหลังแบบนี้แต่ก็ยังชอบอยู่เสียงกีตาร์หวาน ๆ ในเพลงนี้อยู่ดี ต่อด้วย โพลารอยด์ และ หนัก ที่แค่อินโทรขึ้นก็กรี๊ดแล้ว กับเพลง Young ที่พี่เฉลิมพูดติดตลกว่าคนที่ต้องมาร้องด้วยนี่งานยุ่งมาก เลยต้องร้องคนเดียว แต่ก็ยังสนุกเหมือนเดิม มาถึง ขอเมารัก ที่ขับสไตล์เพลงของ Seal Pillow ด้วยเสียงกีตาร์หวาน ๆ ออกมาได้น่ารักมาก และเพลงที่รอคอยอย่าง รองเท้าผ้าใบ ที่จัดจ้านเหมือนเดิม ท่อนดร็อปแล้วกลับมาซัดโซโล่ต่อนี่อย่างเท่และซัดต่อเลยกับ โอ๋ เสร็จพี่เฉลิมก็แซวราคาแผ่นซีดีของวงตัวเองว่าถูกกว่า Siamese Cats ครึ่งหนึ่งเลยนาจาไปซื้อกันได้ แซวเก่ง แถมอารยายังแซวงานนี้อีกว่าโปรโมเตอร์ไม่ค่อยดังนิ ถถถถถถ ปิดท้ายโชว์ด้วยสองเพลงที่เราคิดถึงอย่าง รมิตา ที่โยกตัวกันตั้งแต่อินโทรยันจบเพลง และ Sensei ที่อารยาลืมจังหวะเข้าเพลงจนต้องถามคนในวง เรียกเสียงเฮให้กำลังใจจากคนดูได้ดี ก่อนจะจบโชว์ด้วยจังหวะที่โคตรสนุกกับท่อนดรอปเท่ ๆ ทำเอาคิดถึงวงนี้แล้วสิ
แล้วก็มาถึงโชว์หลักที่เรารอคอยอย่าง Siamese Cats ซึ่งทั้งวงก็ดูแอคทีฟกันมาก ๆ เริ่มกันด้วยเพลงเบา ๆ อย่าง Hana-Kusa (花草) ที่จังหวะโยกเบา ๆ แต่ท่อนโซโล่นี่จี๊ดจ๊าดมากเลย ต่อด้วย Funny Face ที่อินโทรด้วยกีตาร์โปร่งหวาน ๆ กับเสียงนุ่ม ๆ ชวนฝัน ท่อนโซโล่ที่ผสานเสียงกีตาร์โปร่งกับลีดกีตาร์ไฟฟ้ามันลงตัวมาก เชื่อมท่อนสุดท้ายด้วยเสียงเมโลเดี้ยนหวาน ๆ ได้ดูสดแล้วแทบละลาย เร่งจังหวะกลองขึ้นมาขนาดนี้คือเพลง Kono Mama Ga Ii Ne (このままがいいね) ท่อนโซโล่ก็มันหยด จัดเตรียมกันแบบไม่มีใครยอมใคร ทุกเครื่องดนตรีลงตัวมาก เชื่อมท่อนสุดท้ายยังดร็อปให้เบสเด่น กระชากด้วยเสียงเบา ๆ ของกีตาร์โปร่ง ก่อนจะจัดเต็มกับฮุกสุดท้ายได้สนุกมาก outro ก็สวย อยู่ ๆ Natsume นักร้องนำกับ Sugawara มือกีตาร์ก็สลับกีตาร์กัน โดยให้สึกะวะระ โชว์เสียงร้องหวาน ๆ กับกีตาร์โปร่งเองเลยในเพลง Four O’Clock Flower โดยมีนัตสึเมะคอยลีดกีตาร์ไฟฟ้าให้เท่มาก เป็นเพลงเบา ๆ ที่เราต้องโยกตัวตาม ท่อนโซโล่นี่นัตสึเมะก็ลีดได้งามหยดย้อย จบปุ๊บทั้งสองก็สลับกีตาร์คืนอย่างรวดเร็วและจัด Travel Agancy ต่อทันทีกับเสียงกีตาร์โปร่งให้กังวานและเครื่องดนตรีทุกชิ้นก็ส่งให้เสียงมันเบิกบานไปทั้งร้าน แถมยังมีท่อนโซโล่ที่ร้อนแรง ต่อด้วยเพลง Kiss ที่นัตสึเมะตื่นเต้นมาก ๆ จนทำเสียงม๊วฟ ๆ ออกไมค์เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้ถล่มทลาย ใครจะหยุดโยกตัวกับดนตรีสนุก ๆ แบบนี้ได้เนี่ย ท่อนฮุคก็น่ารักมากแล้วยังมีม๊วฟทิ้งท้ายด้วย
ต่อกันด้วยเพลง Coyote ที่ประสานเสียงครวญไปกับเสียงปะทะของกลองอันหนักแน่น เป็นอินโทรที่รุนแรงมาก เพลงช้า ๆ แบบนี้แหละที่จะขับความโรแมนติกของกีตาร์โปร่งออกมาได้ แต่ท่อนโซโล่กีตาร์ไฟฟ้าเลยได้แผงฤทธิ์บ้าง แต่ยังมีจังหวะดรอปให้กีตาร์โปร่งเศร้า ๆ โซโล่คนเดียว แล้วกระชากเข้าสู่เอาท์โทรด้วยเครื่องดนตรีทุกชิ้นอย่างรุนแรง แล้วอินโทรเท่ ๆ ของ Sentakumno Wo Torikomanakucha (洗濯物をとりこまなくちゃ) ก็ขึ้นมาต่อทันที ไลน์เบสอย่างนุ่ม ท่อนโซโล่ก็โดดเด้งด้วยกีตาร์โปร่งหวาน ๆ แต่โซโล่สองกีตาร์ไฟฟ้าก็ขอปล่อยของบ้าง กับ Sunday ที่โยกตามได้ทั้งเพลง แม้จะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่สายกีตาร์โปร่งขาด แต่สึกะวะระก็ชวนคนดูคุยอย่างเป็นกันเองทำให้โชว์ไม่สะดุด และเล่นเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Cry For the Moon ที่หวานหยาดเยิ้ม การผิวปากในท่อนโซโล่ก็น่ารักแถมตบด้วยไลน์เบสที่เท่มาก พอถึงเพลงต่อไปเหมือนวงจะเข้าจังหวะผิดนิดหน่อย วงเลยเล่นมุกว่าตัวเองเป็น professional (of) miss ฮา แต่พออินโทร Girl at the Bus Stop ขึ้นมาทุกคนก็กรี๊ดแตกเลยเพราะรอเพลงนี้อยู่ พอได้ดูสดแล้วท่อนโซโล่มันทรงพลังมาก ไม่พูดพร่ำจัดกันต่อเลยด้วยเพลง Lemon เล่นมา 11 เพลงแล้วพลังของวงไม่ตกลงเลย แถมกระชากเอาท์โทรได้เท่ระเบิด แถมไม่ให้คนดูพักเลยทีเดียวกับ Models โซโล่เบสได้อย่างเหลือร้ายกับลีดกีตาร์ไฟฟ้ามันๆ แล้วจังหวะกลองของเพลง Suteneko (すてねこ) ก็ขึ้นมาต่อจนเราต้องดิ้นกันต่อ ท่อนโซโล่ก็จัดเต็มกันเหมือนเดิม ปิดด้วยเพลงช้า ๆ หวาน ๆ แต่ดุดันอย่าง My Girl (マイガール) ทิ้งท้ายด้วยการโซโล่กีตาร์โปร่งอย่างรุนแรง มีเบสกับกีตาร์ไฟฟ้าช่วยส่งอีกแรง ปล่อยของทุกอย่างที่มีไปกับเพลงนี้กับเอาท์โทรแบบบ้าพลังมาก ๆ แน่นอนว่าคนไทยไม่ยอมให้เขากลับลงเวทีง่าย ๆ แน่นอน ประสานเสียงกัน ‘อังกอรรึ อังกอรรึ’ แป๊ปเดียวก็มาเลย เข้าด้วยกีตาร์เท่ ๆ ดนตรีเบา ๆ แต่ก็ยังแน่นพลังไม่ตกเลยทีเดียวกับเพลง Nagisa (渚) ต่อด้วย After Hours กับลีดกีตาร์ไฟฟ้าหวาน ๆ ส่งท้ายค่ำคืนอันงดงาม
นี่อาจจะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราตกหลุมรักวงญี่ปุ่นทั้งหลายที่มาเล่นในไทยก็เป็นได้ แม้เพลงของพวกเขาจะนุ่มนวล เนิบช้าหรือชวนง่วงแค่ไหน แต่เมื่อได้มาเล่นสดจริง ๆ แล้วพวกเขาก็ออกแบบโชว์ออกมาได้สนุกสนานและเดือดสุด ๆ จนเราได้เห็นความสามารถอันรอบด้านของเขา เลยไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขายัง active และมีงานเพลงออกมาให้เราเสพได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าศิลปินที่เราชอบแค่ไหนจะมาไทยถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ออกไปดูพวกเขาทุกครั้งที่เราสะดวก เพราะมันคือหนึ่งในวิธีซัพพอร์ตงานเพลงของพวกเขาได้ดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ซัพพอร์ตโปรโมเตอร์ที่นำพวกเขาเข้ามาให้ยังเคลื่อนไหวอยู่ และสามารถนำวงใหม่ ๆ เข้ามาขับกล่อมเราได้ไปอีกนาน ๆ งานในวันนี้ก็ต้องขอบคุณ Seen Scene Space มาก ๆ ที่นำวงญี่ปุ่นดี ๆ เข้ามาให้เราฟังบ่อย ๆ ติดตามคอนเสิร์ตครั้งต่อ ๆ ไปของพวกเขาได้วงเฟซบุ๊กเพจเลยจ้า