Shambhala In Your Heart Festival 2020 หนึ่งในเทศกาลดนตรีและศิลปะที่มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาเยือน เพื่อรับพลังงานบวกและใช้เวลากับพื้นที่แห่งสันติในการปล่อยหัวใจให้โลดแล่นไปตามต้องการ ภายในเฟสติวัลสุดเรียบง่ายแต่แฝงวัฒนธรรมแห่งบุปผาชนนี้มีทั้ง ดนตรี ศิลปะ อาหาร งานคราฟต์ แคมป์ปิ้ง และอีกมากมายที่คุณเองควรต้องไปเยือนสักครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และก้าวข้ามไปสู่อีกมิติของความสุขที่ทุกชีวิตภายในงานพร้อมจับจ่ายซึ่งกันและกัน

เทศกาลสุดธรรมชาตินี้มาจากต้นกำเนิดความคิดของชาวญี่ปุ่นที่ต้องการจะสร้างพื้นที่ดินแดนในอุดมคติหรือที่เราคุ้นชินกันในนาม ‘ยูโทเปีย’ (Utopia) ที่แฝงอิสรภาพแห่งอิสรชนอยู่ในนั้น จนมีคำกล่าวที่ว่า

“มาชัมบาล่าคุณจะไม่เจออะไร แต่คุณจะเจอตัวเอง”

ด้วยรูปแบบของบรรยากาศที่หลอมรวมให้ผู้คนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง จนเราไม่ต้องตามหาความหมายใดก่อนที่จะไปถึง เพียงแต่เมื่อเราไปถึงสิ่งที่เราตามหาจะรออยู่ตรงนั้น ในปีนี้จัดที่ Chiang Dao Farm Stay จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยค่าเข้างานราคาสุดน่ารักที่ใครก็จับต้องได้เพียง 200 บาท/วัน 

การเดินทางไปยังดินแดนแห่งมิตรภาพนี้ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 1 ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น ระหว่างทางคุณจะได้เจอวิวทิวทัศน์ ภูเขา ป่าไม้ คอยโอบกอดสายตาของคุณไปจนถึงตัวงาน ยามบ่ายที่เราเข้าไปถึงหน้างานภาพที่ปรากฏสู่สายตาด้วยการร้อยเรียงบรรยากาศด้วยอุปกรณ์จากธรรมชาติอย่าง ไม้ไผ่ที่นำมาสร้างเป็นแลนด์มาร์กกลางงานเพื่อเป็นที่พักพิงของกลุ่มชน ซุ้มขายอาหารมังสวิรัติ อาหารออแกนิกมากหน้าหลายตา ขอบอกเลยว่าน้ำเสาวรสมะม่วงปั่นคือทีเด็ด นอกจากรสชาติสุดเด็ดแล้ว วิธีการทำก็พิเศษไม่แพ้กัน ด้วยการใช้เครื่องปั่นที่เชื่อมต่อกับจักรยาน และการปั่นจักรยานของคุณจะทำให้น้ำเสาวรสแก้วนี้มีความหมายมากยิ่งขึ้น (ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าสักนิด)

ล่องชมภายในงานไม่นานเราก็เจอกับเวทีกลางงานที่มีเอกลักษณ์ ด้วยการนำไม้ไผ่มาผูกเข้าด้วยกันให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับความเป็นโบฮีเมียน เข้าสู่ช่วงแสงอาทิตย์คล้อยต่ำเราก็ได้พบกับกลุ่มคนที่มาพร้อมอาวุธข้างกายอย่างกลอง ดีเจมเบ้ (djembe) มาบรรเลงเพื่อเปิดงานเป็นหมู่คณะ เป็นการเปิดงานอย่างอบอุ่น สวยงาม ในบรรยากาศเต้นรำอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้นถึงคิววงดนตรีมากมายทั้งไทยและเทศสลับขึ้นมาบรรเลงกล่อมความงดงามภายในงาน

ไฮไลต์ของงานนี้สำหรับเราไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลยแต่คือผู้คนที่โคจรมาพบเจอกัน นอกจากพื้นที่ภายในงาน เวที installation ไปจนถึงร้านขายของต่าง ๆ อีกส่วนประกอบสำคัญที่เราได้พบเจอคือแนวป่าที่คับคั่งไปด้วยเต๊นท์เพื่อใช้พักแรมยามอ่อนแรงเหนื่อยล้า รายล้อมไปด้วยกองไฟหลากหลายกอง ประดับประดาด้วยเปลวไฟลุกโชนราวกับชักชวนให้ผู้คนเดินเข้าไปหยิบยื่นความสุขมาแบ่งปันกันผ่านเสียงดนตรี แต่ละกองไฟ แต่ละมุมป่า จะสอดแทรกด้วยเสียงดนตรีนานาชนิดอยู่เสมอ หากคุณพึงพอใจในบรรยากาศรอบกองไฟวงไหนหัวใจคุณจะแสดงความเต็มใจและสบายใจที่พร้อมก้าวเท้าเข้าไปรวมจอยกับ ‘พวกเขา‘ และสุดท้ายจะเหลือเพียงคำว่า ‘พวกเรา’ ไม่ว่าจะเป็นเสียง แฮนด์แพน (handpan) ดิดเจริดู (didgeridoo) เชลโล  แซ็กโซโฟน หรือเครื่องดนตรีที่คุณอาจไม่คุ้นตา แต่ทุกสรรพเสียงจะพาให้คุณกลมกลืนได้อย่างไม่ยากเย็น

งานนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยาวไปจนถึง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ใครที่กำลังหาคำตอบอะไรบางอย่างในช่วงเวลานี้ คุณยังมีเวลาและโอกาสที่จะไปสัมผัสบรรยากาศแห่งอิสรชนอยู่พอสมควร หากพลาดรอบนี้ ยังมีโอกาสดี ๆ อีกในปีถัดไป ขอให้ความรักอยู่กับทุกคน..

Photos courtesy by blueearth.ps8 and Shambhala In Your Heart

อ่านต่อ

Grass On The Moon #2 หลุดไปในหุบเขาเย็นเยือก กับวงดนตรีร้อนระอุ ที่จะพาเราทะลุไปดวงจันทร์

• Twitter
• Line