ฟัง Selina & Sirinya บรรเลงเพลงริมบึง ในคอนเสิร์ตเปิด EP รอยยิ้ม…คนรัก
- Writer & Photographer: Montipa Virojpan
Selina & Sirinya วงโฟล์ก อะคุสติกวงโปรดของเด็กยุค 2000s ที่กลายมาเป็นต้นแบบของศิลปินโฟล์กในยุคนี้หลาย ๆ วง แต่ความที่วงขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในวงที่หาดูสดยากมาก เพราะ ราม หนึ่งในสมาชิกอยู่กับครอบครัวที่อเมริกา พอเขากลับมาเล่นกับ นที หนนึง ทุกคนก็ตั้งตารอที่จะจับจองตั๋ว เพราะรู้กันดีว่าบัตรมักจะ sold out อย่างรวดเร็ว
เราเป็นคนสะพานใหม่โดยกำเนิด อยู่มายี่สิบกว่าปีละ เวลามีคนถามว่าบ้านอยู่แถวไหน เวลาตอบไปว่า ‘สะพานใหม่’ คนจะนึกไม่ออก บางคนสงสัยด้วยซ้ำว่ามันอยู่ในกรุงเทพ ฯ หรือเปล่า เลยต้องบอกว่า ‘ดอนเมือง’ แทน แล้ววันนึงก็ได้ยินว่า Selina & Sirinya จะมาจัดคอนเสิร์ตเปิด EP รอยยิ้ม…คนรัก ที่ร้านแถวบ้าน ก็งงมากว่าบ้านเรามันมีที่ที่จะจัดคอนเสิร์ตได้ด้วยหรอ จนเมื่อวานนี้เราก็ได้ไปพิสูจน์ความชิลที่ร้าน บ้านระเบียงบึง อยู่บนถนนตัดใหม่ โดยระยะทางห่างจากบ้านไม่ถึงสิบนาที
3 มกราคม 2563
แต่เนื่องจากงานจัดเย็นวันศุกร์ เราก็มีงานประจำเลยต้องเดินทางฝ่ารถติดมาจากออฟฟิศย่านอารีย์ ทำให้มาถึงที่งานค่อนข้างเลต บรรยากาศรายรอบคือทาวน์เฮาส์อยู่อาศัย มีป้ายไฟของร้านสว่างสไวอยู่กลางซอย เราเดินผ่านกลุ่มคนหน้าไม่คุ้นเข้าไปแลกรับบัตร ซึ่งข้างหลังตั๋วจะมีหมายเลขไว้เล่นเกมชิงของรางวัลจากวง ส่วนใครที่แต่งตัวมาตามธีมของงาน คือ earth tone แล้วถูกใจทีมงานก็จะได้เบียร์ฟรีไปดื่มชิล ๆ ในงาน เราเดินเข้ามาอีกหน่อยก็พบว่ามันเป็นร้านอาหารตั้งอยู่ริมบึงสมชื่อ และมีระเบียงไม้ยื่นออกไปในบึงเป็นที่สูบบุหรี่ และระหว่างนั้นก็มีศิลปินคนนึงกำลังเล่นอยู่ เราไม่รู้ชื่อเขาเพราะไม่เจอรายละเอียด line up ในหน้าเพจ แต่เพลงของเขาเป็นโฟล์กฟังสบาย สองเพลงแรกที่ได้ฟังเป็นเพลงรักที่เราไม่ได้ตั้งใจจับความมากนัก เพราะท้องหิวโซกำลังโหยหาหมูกรอบทอดน้ำปลาที่ตั้งอยู่ตรงหน้า จนเพลงต่อไปเขาบอกว่าจะไม่เล่นเพลงรักแล้ว มันเลยกลายเป็นเพลงที่ตัดพ้อต่อชีวิต แต่เคลือบไว้ด้วยเมโลดี้น่ารักชวนฝัน ก่อนจะจากไปในเพลงสุดท้ายที่เพราะมาก ที่เราไม่รู้ชื่ออีกเช่นกัน แต่ร้องไว้ประมาณว่า ‘เก็บเอาไว้ก่อน ก่อนวันเวลาจะทำให้มันหายไป ก่อนดวงใจสลายหายไป’
จากนั้น คนหน้าคุ้นก็ขึ้นมาพร้อมกีตาร์โปร่งของเขา นี่คือ เบิร์ด ฟรอนต์แมน Abstraction XL ที่ฉายเดี่ยวโดยมี ลี่ มือเบส นั่งให้กำลังใจอยู่ที่ขั้นบันไดชั้นบน เขามากับโปรเจกต์เดี่ยวที่แฝงความหม่นแบบเมโลดี้ในเพลงไซเคเดลิกร็อก/ สโตนเนอร์ร็อกของวงที่เราเคยได้ยิน ในเพลงแรกมาด้วยดนตรีเหงาเศร้า กับการฮัมตามทำนองหม่น ต่อด้วยเพลง Ghost Time ที่เพลงนี้เท่และซึมมาก มันมีท่อนที่ร้องว่า ‘ช่วงเวลาดี ๆ ฉันขอมีกับเขาบ้าง’ แล้วเสียงพี่เขาทำให้รู้สึกท้อสิ้นหวังแบบนั้นจริง ๆ กับอีกท่อนที่ร้องว่า ‘สุดทางฝันฉันหยุด’ แล้วเขาก็หยุดเล่นกีตาร์ ก่อนจะกลับมาเล่นต่อ แล้วเป็นแบบนั้นซ้ำอีกรอบคือดึงหน่วงไปเลย จากนั้นเขาก็เล่นเพลง แสงแห่งธรรมะ เราคุ้นเคยกับการที่เขาทำเพลงเกี่ยวกับธรรมะมาตั้งแต่ Born To Die (ลาลับ) ที่เอาบทสวดในงานศพมาใหม่ คราวนี้ก็เป็นบทให้ศีลให้พรเวลาเราใส่บาตรทำบุญ พอเล่นจบเขาก็แนะนำว่าเวลาใครมีเรื่องไม่สบายใจ ลองศึกษาธรรมะไว้ก็ช่วยได้พร้อมยิ้มให้อย่างอิ่มใจ ต่อด้วยเพลงสุดท้ายที่ร้องว่า ‘แค่เพ้อ แค่ฝันไป’ เพราะมาก
แล้วก็เป็นคิวของ ชญานนท์ เจริญสุข แต่มากันเป็นดูโอ้มีไลน์ประสาน เปิดมาด้วยเพลงแรก น่าจะชื่อ อนัตตา เสียงของพวกเขาเพราะมาก ไม่ค่อยได้ยินวงอะคูสติกที่ร้องดี ๆ แบบนี้เท่าไหร่ แล้วเนื้อเพลงนี้คือดีจริง พูดว่า ‘ไม่มีสิ่งใดเป็นของใคร แม้แต่ลมหายใจ’ ต่อด้วยเพลง นิรันดร์ ที่เขาแต่งขึ้นมาเพราะพบว่าคนรอบข้างมีคนที่รักเสียชีวิตไปมากมาย ตามด้วยเพลง ทะเล ที่เหมือนพูดในมุมของทะเลที่คอยปลอบประโลมใจให้คนที่ไปหนีทุกข์ เพลงนี้ดีมาก ไลน์ประสานคือทำให้รู้สึกว่าทะเลมาร้องเพลงให้เราฟังจริง ๆ แล้วก็เป็นเพลง พ้นผ่าน เขาแต่งขึ้นมาเพราะเห็นลุงขอทานให้อาหารหมา แล้วพบว่าการมีน้ำใจ การแบ่งปัน ไม่ใช่เรื่องของความรวยจนหรือฐานะ เขาเลยมอบเพลงนี้เพื่ออวยพรให้ลุงมีชีวิตที่ดีขึ้นจากคุณความดีที่มอบให้เพื่อนร่วมโลก ปิดท้ายด้วยเพลง ลมหนาวไม่เหมือนเดิม ทั้งเสียงร้อง หรือคำที่ใช้เล่าเรื่อง คือเป็นความงามในบทเพลงจริง ๆ ใครอยากรู้ว่าเพลงของพวกเขาเป็นยังไง มาลองฟังที่ฟังใจได้
ต่อด้วย Noppakorn Lertlak เราเห็นหน้าค่าตาเขาบ่อย ๆ จากงาน Psych Out หรือพวกสายอะคูสติก experimental คราวนี้เขามาในสไตล์ ambient acoustic, psych folk ที่ล่องลอยชวนฝันมาก เปิดด้วยเพลงเหงาเศร้าแต่งดงาม ปล่อย ต่อด้วยเพลง ลมหายใจ ที่กลับมาเป็นโฟล์กสดใส และ เพียงใครบางคน จากนั้นก็เป็นเพลงที่กีตาร์อัดดีเลย์สุด คลื่นเสียงกระทบหูเราเป็นระลอก ๆ สะกดจิตให้เรานิ่งเนิบ การเล่นเป็นผสมอัลเทอร์เนทิฟร็อกเข้ามา ส่วนโซโล่ก็เป็นร็อกแอนด์โรลที่เท่เป็นบ้า มีท่อนยูนิซันกันระหว่างสองกีตาร์ แล้วนพก็สลับมาโซโล่บ้าง ส่วนกีตาร์เอฟเฟกต์อีกตัวก็เล่นให้หลอน รูดสายแบบชวนหัวสุด ๆ ก่อนจะโซโล่อีกรอบแบบร็อก ๆ เลยแล้วกลับมายูนิซันตัดฉึบ โห ขนลุกมาก ๆ ในเพลงนี้ แล้วก็เป็นเพลง electro ambient ล่องลอยงดงามประหนึ่ง Brian Eno แต่ตอนท้ายเล่นร็อก นอยซ์ ฟาด ๆๆๆ คนดูจนเหวอ แล้วก็กลับมาเล่นท่อนสวย ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่อนหลังก็ยูนิซันกันแบบเสียงคลีนคนนึง ใส่เอฟเฟกต์วาวาอีกคนนึง โอ๊ย โหดมาก แนะนำให้ไปหาฟังกันจริง ๆ วงนี้
แล้วก็เป็นคิวของ Pancho & Dhanube โดยดานูบขึ้นมาเล่นก่อน สไตล์เพลงของเขามีความโฟล์กทุ่ง ๆ ซื่อ ๆ อย่างเพลงแรกก็ร้องประมาณว่า ‘ฉันเห็นหน้าเธอใน IG Story ของเพื่อน’ แล้วอีกเพลงชื่อ เสร่อ เขาบอกคนดูก่อนร้องว่า ‘เสร่อมันคือเสน่ห์ อย่าไปกลัว’ เพลงแสนจะลูกทุ้ง ลูกทุ่ง ร้องประมาณว่า ‘เธอไม่ชอบไม่เป็นไร แต่ฉันเสร่อแบบนี้แล้วมันผิดตรงไหน’ แล้วมีท่อนนึงที่เขียนถึงผู้หญิงที่บอกเขาว่า ‘หน้าเสร่อ เสนอหน้า’ ฟังแล้วขำออกมาเลย ใช้คำเก่งและจริงใจมาก จนถึงคิวของปันโช ที่ขึ้นมาแจมด้วย เพลงที่พวกเขาจะเล่นกันเป็นเพลงที่ร่วมกันแต่งเพลงแรก คือเพลง ฝัน แล้วเพลงนี้ดานูบเล่นเม้าธ์ออแกนเก่งมาก งัดลูกโคตรเก่ง ต่อด้วยเพลง ก่อนเคย ที่ร้องว่า ‘แบกความช้ำไว้เต็มอก แต่หนักเกินจะร้องไห้’ คำอย่างสละสลวย แล้วมีเม้าธ์ออแกนเข้ามาคลออีกรอบ ซึมไปเลย ต่อด้วย ห้วงคำนึง คิดถึง ลมหนาว เป็นทรง ๆ แบบอะคูสติกป๊อป ชิล ๆ โยก ๆ กันไป
ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง Selina & Sirinya ก็มาประจำที่ คนดูขยับล้อมวงกันอย่างแน่นหนา สังเกตว่าเสียงคุยเบาลงไปแล้วและทุกคนตั้งใจฟังกันมากขึ้น ความเงียบทำให้เราได้ยินเสียงจิ้งหรีดเรไร ลมเย็น ๆ พัดผ่านพร้อมอ้าแขนรับเพลงเพราะของนทีและราม เปิดมาด้วย Happy Time กับคำสวย ๆ ว่า ‘เรามีความฝันคล้าย ๆ กลิ่นอาย สีสันดอกไม้เมื่อยามต้องการฝน เธอส่งความหมายงดงามแม้หมองหม่น’ ต่อด้วย เผลอสุขใจ ที่รามสลับมาร้องบ้าง โห คิดถึงเพลงนี้มาก เราไม่แน่ใจว่าเราเคยฟัง Selina & Sirinya ไหม ถ้าเคยก็น่าจะนานมาก ๆ แล้วจนจำไม่ได้ (ก็อย่างที่บอก จังหวะที่จะหาดูวงนี้คือไม่ง่ายเลยจริง ๆ) แล้วเพลงที่เล่นต่อคือ อยู่ตรงนี้แต่แสนไกล คือดีงามมาก ทุกคนร้องคลอไปเบา ๆ กีตาร์รามสะกดเราไว้อยู่หมัด ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้ม Still Together นั่นคือ เธอคือพระพุทธเจ้าของฉัน ตามด้วย มีชีวิตเพื่อ แต่เพลงนี้นทีบอกรามให้คาดคาโป้หนึ่ง เมื่อกี้คาดผิดที่ เรียกเสียงฮาจากคนดูได้ จากนั้นก็เป็นเพลงจากอัลบั้มแรกที่ไม่ค่อยได้เล่นที่ไหน คือ Dear Moon โห ขนลุกมาก ๆ แรร์มากอันนี้ ฮือ แล้วก็เป็นเพลง มหัศจรรย์ ที่คนดูช่วยกันร้องดังลั่น
แล้วก็เป็นช่วงพักเบรก ให้จับฉลากผู้โชคดีจากหางบัตร และให้รางวัลคนแต่งตัวเข้าธีม ก่อนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับวง โดยให้เล่าประวัติความเป็นมาของวง (ไปอ่านได้ในบทสัมภาษณ์ของ Fungjaizine ได้ อิอิ) และพูดถึง EP รอยยิ้ม…คนรัก โดยจะมี 4 เพลงที่เนื้อหาเปลี่ยนไป แต่ยังมีกลิ่นอายดนตรีของ Selina & Sirinya พอคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วก็กลับมาเล่นเพลง เสียงเพลงจากป่า ต่อด้วยเพลง Our ขนลุก ๆๆๆๆ ได้ฟังเพลงนี้สด ๆ แล้วนึกถึงสมัยกำลังอินโฟล์ก ฟังโฟล์กใหม่ ๆ แล้วก็อยากไปงาน Kepp On The Grass มาก ๆ แต่ไม่มีโอกาสไปซักที แต่บรรยากาศของร้านบ้านระเบียงบึงเมื่อคืนนี้ก็ชิล แถมยังตกแต่งเวทีได้น่ารักมาก ๆ เลยล่ะ ตามด้วยเพลง ดอกไม้, ยังอยู่ด้วยกัน และ ฝัน ที่รามเล่าให้ฟังว่าที่มาของมันคือเหมือนกับที่พอตื่นขึ้นมาแล้วอกหักจากสาวในความฝัน เรียกเสียงฮาได้อีกระลอก แล้วก็เป็นเพลง แสงรุ่งสาง ที่ นที แต่ง ถ้าใครไม่รู้ ช่วงที่ ราม ไม่อยู่ นที จะเล่นเดี่ยวในโปรเจกต์ชื่อ Uncle Tree (uncle = น้า tree = ที เออ คิดได้ ฮ่า) ตามด้วยเพลง รอยยิ้มและน้ำตา กับ รอยยิ้มและคนรัก เป็นเพลงสุดท้าย
แต่เราจำได้ว่าเขายังไม่ได้เล่นเพลงเด็ดอีกเพลง คนดูเองก็ยังไม่อิ่มดี เลยอังกอร์ให้พวกเขาเล่นต่อ ทั้งคู่เลยส่งเข้าเพลง She เพลงนี้แหละที่รอคอย และขึ้น Our reprise แบบที่เราไม่คาดคิดและไม่ทันตั้งตัว แถมต่อกันได้อย่างถูกจังหวะ ขนลุกเกรียวเลย
รู้สึกอิ่มใจและอบอุ่นมาก ๆ กับงานเปิด EP รอยยิ้ม…คนรัก ของ Selina & Sirinya ทุกอย่างดูถูกที่ถูกทางไปหมด ทั้งสถานที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ลมเย็น ๆ เพราะอยู่ริมบึง มีเสียงแมลงคลอเสียงดนตรีของวงที่เรารัก และได้ฟังเพลงของวงที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนแล้วได้พบว่าเพลงเพราะแค่ไหน ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูวงนี้ ยังมีอีกงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ Scala ถือเป็นโอกาสพิเศษมากที่พวกเขาจะได้เล่นในโรงหนังเป็นครั้งแรก ที่ HAVE You HEARD ? Folk Series Vol. 2 – Selina and Sirinya 24 มกราคมนี้แล้ว ซื้อบัตรได้ ที่นี่