Rasmee live at Jazz Happens
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Neungburuj
- Stylish: Varach Chotchotiros
- Art Director: Tunlaya Longsurname
30 มิถุนายน 2559
หลังจากที่เราได้สัมภาษณ์ แป้ง – รัสมี เวระนะ ไปเมื่อสองวันก่อน เราก็ตั้งตารอที่จะได้ดูเธอเล่นสด ๆ ที่ Jazz Happens บาร์แจ๊สเล็ก ๆ อันอบอุ่นย่านพระอาทิตย์ กับ ก้อง นักดนตรีผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานมากับเธอใน EP Isan Soul และคว้ารางวัลใหญ่ 3 รายการจาก คมชัดลึกอวอร์ดส์ปีล่าสุด รวมถึงการเล่นสดครั้งนี้ยังได้ อาจารย์นุ วุฒิชัย เจ้าของร้าน มือเปียโนแจ๊สมากฝีมือ กับนักดนตรีแจ๊สท่านอื่น ๆ มาร่วมแจมในการแสดงครั้งนี้ด้วย
ตั้งแต่เวลาสองทุ่ม ด้านล่างของร้านก็เนืองแน่นไปด้วยผู้ชมที่รอจะขึ้นไปรับชมรับฟังการแสดงของรัสมี ซึ่งทางร้านจะปล่อยให้ผู้ชมขึ้นไปตอนสามทุ่มก่อนการแสดงเริ่ม ระหว่างนี้ทุกคนก็ได้ฟังเพลงสแตนดาร์ดแจ๊สกับเพลงคลาสสิกหลาย ๆ เพลงทั้ง Moon River, Misty และ Somewhere Over The Rainbow จากอาจารย์นุและวงดนตรี Jazz Happens เป็นการเรียกน้ำย่อย
พอสามทุ่มครึ่ง หลังจากที่ผู้ชมขึ้นมา stand by ชั้นบนแล้วกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัสมีก็ปรากฎตัวพร้อมกับนักดนตรีทั้งสองของเธอ ก้อง รับหน้าที่กีตาร์ ส่วน ต้น จะบรรเพลงเครื่องดนตรีอีสาน ไม่ว่าจะเป็น โหวด แคน หรือพิณ เสียงร้องเชียร์จากผู้ชมดังกระหึ่มก่อนเริ่มการแสดงพร้อมการพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับอาจารย์นุ และเพลงแรกที่เธอเริ่มร้องคือ ประกาปรูย เพลงภาษาเขมรจังหวะฮึกเหิม แต่เธอบอกว่าเนื้อหาในเพลงนี้เป็นเพลงเศร้า แม้เราจะฟังความหมายไม่ออกแต่การถ่ายทอดบทเพลงด้วยเนื้อเสียงที่เหมือนมีมนต์ขลังและดนตรีที่ผ่านการคิดอย่างพิถีพิถันมาแล้วนั้น ทำให้ประกาปรูยเป็นเพลงที่ฟังแล้วขนลุกได้ตั้งแต่การเอื้อนในประโยคแรก ต่อกันด้วยเพลง อ้ายอยู่ไส อีกเพลงเศร้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงครามเขมรแดง ที่ก่อนหน้าเราได้พูดคุยกับหนึ่งในแฟนเพลงของเธอ เขาเล่าว่าเป็นเพลงที่เขาไม่ได้อินกับความหมาย แต่พอฟังไปได้ครึ่งเพลงก็น้ำตาไหลเสียอย่างนั้น เพลงต่อมาคือ ลำดวน เป็นเพลงที่เราเปิดฟังวนอยู่บ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา เพลงความรักหลายมิติที่เล่าถึงความรักที่คุณยายมีต่อคุณตา แต่ต้องตรอมใจตายเพราะตามีหญิงอื่นอีกหลายคน ซึ่งเพลงนี้ก็กลั่นกรองมาจากความรักที่เธอมีต่อคุณยาย จึงแต่งเพลงนี้เพื่อเป็นการระลึกถึง ต่อจากนั้นก็เป็นอีกเพลงภาษาเขมร ทำนองแบบเพลงลูกทุ่งที่คุ้นเคยแต่ได้ดนตรีบลูส์มาผสมผสานอย่าง เพลงรักของบุญเริน ซึ่งเป็นเพลงของพ่อของเธอที่เคยทำไว้แล้วเธอเอามาทำใหม่ ต่อด้วย สวยไทย เพลงจากอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกมาให้เราได้ฟังเต็ม ๆ อีกไม่นานนี้ พูดถึงความสวยที่ไม่จำเป็นต้องตามกระแสนิยมแต่ผู้หญิงสามารถสวยในแบบของเราได้อย่างมั่นใจ เรียกเสียงจากผู้ชมสาว ๆ ได้หลายคนเลยทีเดียว
จากนี้ก็เป็นอีกช่วงที่น่าตื่นเต้น เพราะเหล่านักดนตรีแจ๊สและอาจารย์นุเข้ามาร่วมวงกับเธอเป็น full band กับการแจมกันครั้งแรกที่ทำให้เราประทับใจมาก ๆ กับเพลง มายา เพลงที่คว้ารางวัลคมชัดลึกอวอร์ดส์สาขาเพลงยอดเยี่ยม ถูกนำมาเล่นเป็น หมอลำ บลูส์ โซล แจ๊ส ที่มีสเน่ห์ไปอีกแบบ ท่อน “เฮ่ย หยะ เฮ่ย หยะ” ที่เป็นเหมือนสร้อยในเพลงก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ชมในการร้องตามเป็นอย่างดี จากนั้นต่อกันที่เพลง เมืองชุดดำ ที่เล่าถึงประสบการณ์ตอนที่ไปโชว์ที่ฝรั่งเศสและเห็นผู้คนในเมืองส่วนใหญ่แต่งตัวด้วยสีดำ เพลงจังหวะสนุกที่อีกนิดจะต้องลุกขึ้นมาเต้นกันแล้ว แต่ด้วยพื้นที่ไม่ค่อยอำนวยเลยต้องนั่งโยกกันแทน เพลงนี้นักดนตรีเวียนกันโซโลทั้งกีตาร์ พิณ เปียโน ดับเบิ้ลเบส กลอง แบบโชว์ลวดลายกันไม่ยั้ง ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง อารมณ์ เพลงใหม่จากอัลบั้มชุดใหม่อีกเช่นกัน เพลงนี้เล่าถึงอารมณ์อันแปรปรวนคุ้มคลั่งที่เธอน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากการได้นั่งมองคลื่นริ่มชายทะเล เพลงนี้ถูกบรรเลงออกมาในสไตล์โซลที่สละสลวย เต็มไปด้วยอารมณ์ตามชื่อเพลง และท่อนท้ายที่เป็นการโหมเครื่องดนตรีทุกชิ้น รวมถึงเสียงของเธอเองนั้นทำให้ความหมายของเพลงนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เมื่อจบ ทุกคนต่างร้องขอให้เธอเล่นเพิ่มอีกเพลง มีคนพยายามจะขอให้เธอเล่นโบว์รักสีดำอยู่หลายครั้ง แต่เธอเลือกที่จะเล่น Valerie เวอร์ชันหมอลำกับ สาวขอนแก่นเวอร์ชันแจ๊ส ที่ทำให้บรรยากาศคึกครื้นจนจบงาน ก่อนที่ผู้ชมจะแยกย้าย หลาย ๆ คนก็ได้เข้าไปขอถ่ายรูปและพูดคุยกับเธออย่างอบอุ่น
ยังมีการแสดงของเธอให้ได้ชมกันอีก 2 วัน คือคืนนี้ ที่ รศ 234 แต่มีสายรายงานมาว่าโต๊ะเต็มแล้ว ยังไงให้ลองโทรเช็กที่ร้านดูอีกที กับอีกงานคือวันเสาร์ที่ The Street รัชดา ในงาน เมล็ดพันธุ์…เพื่อการแบ่งปัน ร่วมกับศิลปินอีกมากมาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/wayrana.rasmee/
ส่วนงานหน้า Fungjaizine จะไประเห็ดเตร็ดเตร่ที่ไหนกันต่อก็ต้องคอยติดตามกันดูนะ