POW! Fest #3 เทศกาลดนตรีที่รวบรวมความมันเต็มอิ่มกับ 7 วงดนตรีทั้งไทยและเทศ
- Story and photos by Peerapong Kaewthae
27 มกราคม 2561
เวียนมาถึงปีที่ 3 แล้วกับเทศกาลดนตรีขนาดย่อมที่คูลที่สุดของ Seen Scene Space รวบรวมวงดี ๆ ในเอเชียถึง 7 วงด้วยกัน โดยมีตัวแทนจากประเทศไทยคือ Seal Pillow, Wave and So , Folk9 และ Soundlanding พร้อมด้วยวงต่างประเทศอีกสองชาติที่พร้อมจะมันกับเราอย่าง Bedchamber จากอินโดนีเซีย และ I Saw You Yesterday กับ Mitsume จากญี่ปุ่น ความสนุกระดับนี้เกิดขึ้นได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น เรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้ม ใครไม่ไปน่าเสียดายแย่เลย
งานครั้งนี้จัดขึ้นที่ Rockademy ซึ่งเป็น venue ที่สะดวกสบายสำหรับคนเมืองอยู่พอสมควร แม้การเดินทางด้วย BTS หรือ MRT จะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์อีกต่อหนึ่ง แต่ก็ถือว่าไม่ยากลำบากอะไรเท่าไหร่ ที่จอดรถก็มีเยอะมาก น่าจะเป็นที่พออกพอใจสำหรับคนที่โดยสารรถส่วนตัวด้วย ทางเข้าที่ใหญ่โตและการดีไซน์บันไดวนขึ้นงานก็น่ารักดี แต่คืนวันงานมีสิ่งหนึ่งที่เราแอบสงสัยอยู่ตลอดคืองานนี้เหมือนจะไม่มีการ์ดหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยรึเปล่าหว่า เพราะหน้าประตูก็ไม่มีคนตรวจริสแบนด์ด้วยซ้ำ เลยรู้สึกว่าเออ งานเขาดูชิล ๆ ดีเนอะ
งานนี้ศิลปินก็ขนของมาขายกันไม่อั้น ทั้งอัลบั้ม เสื้อวง และของที่ระลึกน่ารัก ๆ ทั้งหลาย เรียกว่าสูบเงินไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็จับจ่ายอะไรไม่ได้มากเพราะเป็นช่วงสิ้นเดือนพอดี เสียใจมาก ฮือ
ด้วยความที่ต้องไปธุระก่อนมาดูคอนเสิร์ตทำให้เราไม่ทัน Seal Pillow จริง ๆ ต้องขอโทษทางวงด้วยนะครับ ถ้าวันพฤหัสบดีนี้ใครว่างอยากให้ตามไปดูวงเล่นที่งาน Bangkok Design Week 2018 นี้ที่ Warehouse 30 ได้จ้า
พอมาถึงงาน Wave And So ก็ขึ้นพอดี โหมโรงความสนุกด้วย Wish You Knew ร่างกายก็เหมือนโดนสั่งให้โยกย้ายตามจังหวะเพลงทันทีกับ วันนี้เรานัดกัน และ ดีล ก่อนจะเล่นเพลงใหม่อย่าง ให้เธอได้รู้ หลังจากนั้นก็แนะนำมือกีตาร์คนใหม่ให้เป็นที่รู้จักอีกครั้ง ต่อด้วยอีกหลายเพลงฮิตของวงรวมถึง Sunshine กับ In Time ที่เราชอบมาก และจบด้วย Flower ที่ตอนท้ายเพลงโซโล่กันอย่างมัน จนโซ่มือเบสของวงกระโดดลงมาโซโล่หน้าเวทีเลยทีเดียว ถือเป็นการปิดโชว์ที่น่าสนใจมาก ระหว่างเพลงโอ๊ตนักร้องนำต้องจูนสายกีตาร์ตลอดโชว์ก็ทำให้เกิด dead air เป็นช่วง ๆ เหมือนกัน แต่ก็เพลงก็ยังสร้างบรรยากาศที่สนุกต่อไปได้จนจบโชว์โดยไม่รู้สึกติดใจอะไรมาก
ต่อกันด้วย Bedchamber วง surf rock จากอินโดนีเซียก็มีฝีไม้หลายมือที่เอาเรื่องอยู่ เปิดด้วย Geography และ Desole ซึ่งไม่มีใน spotify ก็เลยได้เห็นแนวดนตรีอีกมุมหนึ่งของวงนี้เหมือนกัน และแน่นอนเราก็หยุดโยกตัวตามจังหวะเพลงไม่ได้เลย แต่ก็ยังมีเพลงที่เราคุ้นเคยแล้วบ้างทั้ง Youth และ Perennial แล้วเล่น Out of Line เพลงสุดท้าย เพื่อปิดท้ายโชว์ได้อย่างคึกคัก เสียดายเขาไม่ได้เล่นเพลงใหม่อย่าง Ride ซะงั้น
เหนือความคาดหมายสุดในโชว์คืนนี้น่าจะเป็น I Saw You Yesterday เนี่ยแหละ เป็นอินดี้ป็อปจากญี่ปุ่นที่เสียงร้องของนักร้องนำโคตรมีเสน่ห์แถมเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ด้วย พอได้ดูเล่นสดแล้วตกหลุมรักทันที เปิดด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง Miles Away ที่สะกดคนดูได้อยู่หมัดและพร้อมจะดีดดิ้นไปกับโชว์ทันที ต่อด้วยเพลง Free to Go ที่นักร้องนำบอกว่าเป็นเพลงโปรดของเขาเลย และเป็นเพลงโปรดของผมเหมือนกัน กิซซซ สนุกมาก ๆ แล้วโยกกันต่อด้วย Malibu, City Girl และ See You in My Dreams นักร้องนำก็ชวนให้ทุกคนในคอนเสิร์ตถ่ายวีดีโอโชว์ของวงไว้แล้วส่งมาให้เขาได้ เพื่อทำมิวสิกวิดิโอเพลงใหม่ของพวกเขา ถ้าใครได้ถ่ายไว้อย่าลืมส่งไปนาจา แล้วก็จัดเพลงฮิตของวงอีกมากมายทั้ง Daisy กับ Girlfriend และพูดความในใจว่าเขาชอบกรุงเทพ ฯ มาก ๆ ก่อนจบด้วย Lisbon ที่สนุกโคตร ๆ พอฟังสดแล้วแทบจะกลับไปฟังเป็นไฟล์เสียงไม่ได้อีกเลย เพราะโชว์มันมีพลังจริง ๆ ทำเอาอิ่มไปทั้งคืนเลย
Folk9 เป็นอีกวงที่เรารอคอยและไม่ผิดหวังเลย แจกความสดใสผ่านเสียงเพลงได้อย่างงดงาม ประเดิมด้วยเพลง Feel Good ที่หวานน่ารักมาก ต่อด้วย Moning Day, China Town กับ Memory จากอัลบั้ม My Pop Dog ก็สนุกชวนโยกเหมือนเดิม เปลี่ยนอารมณ์ด้วยเพลงช้า ๆ บ้างกับ ไม่เป็นจริง ที่ทำได้อย่างลึกซึ้ง แถมยังเล่นเพลงใหม่อย่าง แว่นกันแดด อีกด้วย พอได้ฟังสดแล้วโคตรสดชื่น ต่อด้วย Lavender และ ผลดอกไม้ ที่เราชอบมาก ๆ ปิดท้ายโชว์ได้น่าประทับใจจริง
ไม่รอช้าเราก็ได้ระเบิดความมันกับ Soundlanding ต่อทันที เรียกได้ว่าแน่นและมาเต็มมากสำหรับวงนี้ โชว์นี้คือการกลับมาของวงอย่างน่าตื่นเต้นจริง มาถึงก็เล่นเพลง Wednesday และ ต่างคน เพื่อวอร์มอัพความสนุกที่กำลังจะตามมาด้วยจังหวะที่มันขึ้นอีกหนึ่งสต็อป ต่อด้วยเพลงใหม่อย่าง ทฤษฎี ที่เอามาเล่นสดแล้วโคตรเอา ดนตรีแน่นและพี่ ๆ เล่นได้โคตรมัน ไม่เต้นตามไม่ได้จริง ๆ ต่อด้วย โบยบิน และ ปล่อย ที่เราคุ้นเคยกันดี เพิ่มเติมคือบรรยากาศที่สนุกสุด ๆ มาถึง ได้ยินการเปลี่ยนแปลง ที่ลดจังหวะอารมณ์ลงบ้างแต่เพิ่มความมันเข้าไปอีก ทุกคนร้องตามได้กันหมด ตามมาด้วย ภาพติดตา ที่โซโล่โคตรจนมัน และ คาดเดา จาก EP ใหม่ซึ่งพี่โยนักร้องนำก็กลัวทุกคนจะยังไม่ได้ฟัง แต่ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่อุปสรรคในการโยกหัวตาม ปิดท้ายด้วย วันไร้สติ ที่ทุกคนก็โดดกันจนฮอลถล่ม
มาถึงวงที่ทุกคนรอคอยอย่าง Mitsume จากญี่ปุ่น สำหรับผมนี่คือการรอคอยนานแรมปีที่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง เพราะวงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย แต่คืนนี้กลับมีแฟนเพลงมาออกันอย่างแน่นฮอล เปิดด้วยเพลงน่ารัก ๆ อย่าง Course และ Akogare (あこがれ) ที่เราต้องเต้นตามทันทีที่ได้ยินอินโทร ต่อด้วย Object ที่ตราตรึงมาก เพราะเพิ่งค้นพบว่าเพลงมันซับซ้อนมากในการประกอบดนตรีขึ้นมาตอนเล่นสด และเพลง Blue Moon (青い月 ) หนึ่งในซิงเกิ้ลใหม่ก็สดใสและได้ลองฟังแนวเพลงที่แปลกใหม่ของพวกเขาด้วย นอกจากนี้โมโตะซังนักร้องนำยังพูดไทยชัดมาก ๆ ได้ใจแฟน ๆ ชาวไทยไปเยอะเลย ต่อด้วยเพลงจากซิงเกิ้ลเก่า ๆ ของเขาอย่าง Utsuro (うつろ) และ Alaska ที่เล่นสดได้แน่นและชดช้อยมาก ๆ โดยเฉพาะ Fly Me to the Mars!! ที่พอนำมาเล่นสดก็ใช้ซินธ์โซโล่กับกีตาร์สาดนอยซ์จนวาบหวามไปทั้งหู ออกแบบโชว์ของเพลงนี้ออกมาได้สุดมาก
ซักพักโมโตะซังก็ถามว่า ‘สนุกมั้ยครับ’ เป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนมาก ทุกคนเลยตอบไปว่า ‘สนุกกกกก!’ แต่ไม่รู้ด้วยความประทับใจหรืออะไร โมโตะซังก็เขินขึ้นมาหน้าแดงและตัวแข็งไปแป๊ปนึง ทุกคนจึงตบมือให้กำลังใจเขาอย่างเอ็นดู เขาจึงต่อด้วยเพลง Disco ที่เราชอบโคตร ๆ พอได้ฟังสดแล้วฟินเลย ก่อนจะเล่นเพลงจังหวะน่ารัก ๆ อย่าง Tenkeyohō (天気予報), Cider Cider และ Wasureru (忘れる) ที่เหมือนเพลงจาก B Side ในอัลบั้มของพวกเขาเลย เสร็จแล้ววงก็เล่นเพลงที่เรารอคอยจะได้ดูเล่นสดมาทั้งชีวิตอย่าง Chimney (煙突 ) ที่เราชอบมากและเป็นเพลงที่ทำให้รู้จักกับวงนี้ กลายเป็น vibes ที่งดงามกับโซโล่อย่างนุ่มนวลจนเราอ่อนระทวย และจบโชว์ด้วยเพลง Esper ซิงเกิ้ลใหม่ของพวกเขาที่ทำให้เห็นพัฒนาทางแนวดนตรีของพวกเขาชัดเจนมาก ปิดโชว์ได้อย่างสวยงามทุกคนปรบมือกันอย่างหนาหู แต่มีหรือจะให้ลงไปได้ง่าย ๆ ทุกคนพร้อมใจกันตะโกนว่า อังกอรึ! อังกอรึ! ทั้งวงยังไม่ทันลงจากเวทีก็ตอบรับแฟน ๆ ทันทีด้วยเพลงน่ารักอย่าง Kurage (クラゲ) จากอัลบั้มแรกของพวกเขาที่ทุกคนก็เอ็นจอยกันได้ทั้งโชว์ ก่อนจะยืนส่งพวกเขาลงจากเวทีด้วยความประทับใจ แถมวงยังใจดีลงไปแจกลายเซ็นตรงหน้างานให้อีก โอ๊ย ไม่รักวงนี้ได้ยังไงเนี่ย หวังว่าจะมาไทยอีกนะ
ตอนแรกคิดว่าโชว์ของ Mitsume จะต้องชิล ๆ ฟังสบาย โยกย้ายร่างกายได้อย่างรื่นเริง แต่วงกลับออกแบบโชว์มาเหมือนกับวง shoegaze เลยก็มิปาน ทั้งซาวด์ที่มีความซับซ้อนแต่ออกแบบมาอย่างสวยงาม บางเพลงถึงกับสาดนอยซ์ ออกมาจนไหลท่วมคนดูจนเราอิ่มเอิ่บ เกือบทุกเพลงยังมีท่อนโซโล่ที่ครื้นเครงหูสุด ๆ อย่างเพลง Disco หรือ Chimney ก็ทำออกมาได้น่าตื่นเต้นมาก ๆ สร้างบรรยากาศที่ไม่มีไฟล์เพลงนามสกุลไหนในโลกจะทดแทนคอนเสิร์ตสด ๆ ครั้งนี้ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากพูดถึงคือซาวด์ในคืนนี้ดีงามมาก ๆ เสียงใสกิ๊ง ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีแยกเป็นเลเยอร์สวยงามเป็นมิตรกับหูมาก เชื่อว่าถ้าเครื่องเสียงไม่ดีอย่างที่มันเป็นคนนี้ โชว์ของ Mitsume จะต้องเละไม่เป็นท่าอย่างแน่นอนด้วยลูกเล่นของโชว์ที่ซับซ้อนระดับนั้น ต้องยกความดีความชอบให้ Seen Sense Space จริง ๆ ที่สามารถจัดเครื่องเสียงได้อย่างมีมาตรฐานขนาดนี้ หวังว่างานหน้าอย่าง The Lucky Black Sunset ที่จับเอาศิลปินทั้ง 4 ประเทศมาป๊ะกันเครื่องเสียงก็จะดีแบบนี้ มีทั้ง The Black Skirts จากเกาหลีใต้ Sunset Rollercoaster จากไต้หวันที่เราเชียร์ให้ทุกคนมาฟัง Lucky Tapes จากญี่ปุ่น Plastic Plastic พี่น้องเจ้าบ้านที่เราหลงรักดนตรีของพวกเขา ใครสนใจอย่าลืมไปกด interested ได้ ที่นี่ เงินทุกบาทของคุณมีค่าให้วงการเพลงเดินต่อไปได้จ้า