pg.lost โชว์สุดเดือดสำแดงแสนยานุภาพของชาวโพสต์ร็อก
- Story and photos by Nattawoot Nimitchaikosol
4 มกราคา 2561
ต้องบอกตามตรงว่าเราไม่เคยรู้จักวงนี้มาก่อน
อาจจะเป็นเพราะเราฟังเพลงจากฝั่งโพสต์ร็อกทั้งในและนอกประเทศค่อนข้างน้อยด้วย เลยมารู้จักเอาจริง ๆ ก็ตอนที่วงประกาศมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทย ในตอนแรกเราตัดสินใจจะไม่ไป เพราะช่วงนี้เราจะค่อนข้างตัดใจกับวงที่ไม่ได้รู้จักกันแบบจริง ๆ ถ้าเป็นวงที่เราติดตามอย่างเหนียวแน่นหนึบและกรี๊ดกร๊าดเอามาก ๆ ถึงจะไป แต่พอได้ลองฟังเพลงของเขาเข้าจริง ๆ แล้วก็รู้สึกว่า โอเค น่าสนใจ มีความแตกต่างจากวงโพสต์ร็อกที่เรารู้จักอยู่ จึงถือว่า เอ้า! อย่างน้อยก็ลองไปเปิดประสบการณ์สักครั้ง กับวงโพสต์ร็อกจากสวีเดนที่เราเพิ่งรู้จักอย่าง pg.lost
หลังจากลองหาข้อมูลก่อนไปดูคอนเสิร์ต ทำให้รู้ว่า pg.lost ทำมาสามสี่อัลบั้มแล้ว และหายไปนานห้าปี แล้วกลับมาทำ EP คู่กับวงโพสต์ร็อกจากจีนที่ชื่อ Wang Wen คนที่ฟังสายนี้น่าจะรู้จักกันค่อนข้างมาก เพราะเป็นวงที่ถือว่าเป็นระดับต้น ๆ ของแนวนี้เช่นกัน (สามารถดูความตื่นเต้นของชาวดนตรีที่จะได้เห็น pg.lost มาเมืองไทยได้ที่บทความนี้ครับ)
ความโดดเด่นของเพลง pg.lost คือการวางโครงสร้างแบบผ่อนเบากลางหนักอย่างเหมาะสม และการใช้เครื่องสายประกอบด้วยในบางเพลง ทำให้เพลงบางครั้งก็ยังมีความสงบและเย็นยะเยือก แต่พอถึงช่วงที่ต้องปลดปล่อย พวกเขาก็พร้อมที่จะสาดเสียงอย่างเต็มเหนี่ยว เพลงของพวกเขาจะพาเราลอยอยู่บนอากาศ ก่อนที่การเปลี่ยนจังหวะเพลงจากช้าเป็นเร็วทำให้เราสะดุ้งทุกครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นแค่เราคนเดียว น่าเสียดายที่เรารู้จักกันช้าไปหน่อย มารู้จักกันจริง ๆ ก็หนึ่งอาทิตย์ก่อนจะแสดง ถือว่าทำความรู้จักแบบคอร์สเร่งรัดกันไป
การมา Rockademy ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานคอนเสิร์ต ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเรา ตื่นเต้นมาก (ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวมาไม่ถูก) พอได้เข้ามาเห็นแล้วถือว่าเป็นสถานที่เล็กกว่าที่คิดนะ ขนาดดูน่าอบอุ่นน่าเป็นกลุ่มก้อน คือใหญ่น่าจะขนาดสอง Play Yard ครึ่ง แต่ก็ดูจะเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เสียงเพราะเราเชื่อในคำว่า Rockademy (ฮา)
เรามาถึงประมาณ 19.40 น. วง Follows ก็เล่นเพลงที่สองไปแล้ว แสดงว่ามีความตรงเวลา (และเราก็มาสายเองเลยมาดูเพลงแรกไม่ทัน เสียใจ) เรียกได้ว่าโชว์ของวงนี้มีความหนักแน่นแบบสม่ำเสมอ พร้อมกับเสียงคีย์บอร์ดที่ปูความนุ่มนวลไว้รองรับ เรียกว่าขนมาทุกเพลงทั้ง You’ll be fine ที่เรามาฟังไม่ทัน, Superficial, แถมวงยังเล่น cover วงแมธร็อกตัวพ่ออย่าง toe ในเพลง Goodbye ซึ่งถือว่าเป็นเพลงชาติของเราเอง ปกติถ้าเล่นได้ตามต้นฉบับเราจะถือว่าโอเค ดีตามมาตรฐาน แต่ครั้งนี้เป็นการ cover ที่ใส่สไตล์ของตัวเองเข้าไป ถือว่ามีอะไรที่แปลกใหม่ให้ได้กระตุกรูหู เพราะเสียงเปียโนที่เด่นขึ้นมาทำให้ช่วงเบาช่วงแรกของเพลงมีความพาเคลิ้มลอยฝันมากไปกว่าเดิม ก่อนจะโซโล่ช่วงท้ายอย่างสวยงาม ตามมาด้วย Sooner or Later และปิดท้ายด้วย Soulkeeper ซิงเกิ้ลแรกที่พาให้ทุกคนรู้จักกับวงนี้ นักร้องนำบอกว่า นี่เป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดที่ตัวเองได้เล่นมา เราก็อยากให้วงได้เล่นเวทีที่ใหญ่ขึ้น ๆ จนเป็นหลักร้อยหลักพันนะครับ
ระหว่างที่ดูคอนเสิร์ตวันนี้เราเห็นคนใส่เสื้อค่าย Summer Disc มามากมาย แสดงว่าต้องเป็นติ่งของวงที่จะเล่นเป็นวงที่สองอย่างแน่นอน (ฮั่นแน่) ตามเวลาประมาณ 20.30 น. สิริพรไฟกิ่ง ก็ขึ้นเวที มาถึงก็เล่นกันแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเขาเริ่มบรรเลงเพลงกันแบบต่อเนื่องไม่หยุดพัก เราเพิ่งได้ดูสิริพรไฟกิ่งเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินชื่อแต่ไม่ได้ติดตามอย่างจริงจัง การดูครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า เราละเลยซีนโพสต์ร็อกไทยอย่างแท้จริง เพราะนี่เป็นวงที่เรามองข้ามไปได้อย่างไรไม่รู้ เพลงของพวกเขามีความแข็งแกร่ง เกรี้ยวกราดและรุนแรง รู้สึกเหมือนพลุที่ลุกสวยงามและค่อย ๆ สลายลง เอาเข้าจริงแล้วเราจะเริ่มเฉยกับโพสต์ร็อกที่สาดเสียงเทเสียงแบบนี้ แต่พวกเขาก็ได้เขยิบตัวเองออกมาอีกจุดหนึ่ง จนทำให้ซาวด์เพลงมีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เริ่มต้นด้วยซิงเกิ้ลใหม่อย่าง แก้ว, ตามด้วยเพลงที่อยู่ใน mini album Sunrise อย่าง พร้อม, เสียงของความเงียบ ระหว่างนี้พวกเขาบอกกับคนในงานว่า อีกไม่นานจะมีอัลบั้มเต็มด้วย และจบโชว์ด้วย Well พอเล่นเพลงจบแล้วพวกเขาก็ลา แล้วก็ลงกันง่าย ๆ เลย ไม่ทันตั้งตัวว่านี่คือเพลงสุดท้ายของเขา แต่ความประทับใจที่ได้นั้นโหดมาก สร้างกระแสไฟแล่นกันทั่วร่างในงาน พาคนในงานโยกกันสนั่น
ระหว่างที่รอพระเอกของงาน ด้วยสภาพร่างกายที่นอนน้อยบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ระหว่างดูก็ทำให้เริ่มมึนเมา คิดว่าน่าจะปล่อยตัวปล่อยใจโยกให้ร่างพังเต็มที่ แบบไม่มีลิมิต ชีวิตเหลือน้อย จนกระทั่ง 21.30 น. ทุกคนที่อยู่ในงานก็พร้อมใจกันส่งเสียง เมื่อได้เห็นสมาชิกทั้งสี่ pg.lost ก็ขึ้นมาบนเวทีพวกเขาเปิดตัวมาอย่างเยือกเย็น แต่เครื่องแต่งกายชุดดำทั้งสี่คนนั้นบ่งบอกได้ว่าพี่จะเป็นวงร็อคแบบโหดกันจริงกันจังแน่นอน เปิดตัวด้วยเพลง Kardusen, Off the Beaten Path และ Ikaros ก่อนที่จะเริ่มพูดอย่างถ่อมตัวด้วยว่าถ้าใครไม่รู้จักเรา พวกเราคือ pg.lost มาจากสวีเดนนะครับ
เพลงของ pg.lost เวลาฟังเล่นสดแล้วจะรู้สึกเหมือนหิมะตกท่วมจนหนาเข้มข้นจนขาวโพลน จากนั้นก็แปรเปลี่ยนด้วยความร้อนระอุจากเพลิงพระอาทิตย์ ดุดันเข้มข้นกว่าที่ได้ยินในเวอร์ชั่นสตูดิโอเยอะมาก แต่ความดุเดือดนี้จนจะเป็นเพลงเมทัลแล้วพ่อคุณ ช่วงนี้เรียกว่าขนเพลงมาเกือบทุกอัลบั้ม อย่าง Versus, Heart of Hearts, Vultures, Yes I Am และจบด้วย A Final Version ซึ่งมาจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง Versus ที่เราไม่ได้ฟังเพราะไม่มีใน spotify (โอ้ย! เสียใจ) ที่เซอร์ไพรส์คือวันนี้เป็นวันเกิดของมือกลองด้วย ถือว่าเป็นโอกาสอันดีมาก ที่จะร้องเพลง Happy Birthday ให้กับพี่มือกลอง สร้างความอบอุ่นเป็นกันเองภายในงาน ก่อนที่จะเล่นเพลงอังกอร์ Terrain เป็นเพลงสุดท้าย โห มันมาก มันสุด ๆ มันจนมือกลองเผลอทำไม้กลองหลุด มันจนโยกหัวกันทั้งงาน
ปิดฉากคืนนี้ด้วยความร้อนระอุทะลุฤดูหนาว เป็นคอนเสิร์ตที่ถือว่าเปิดปีได้อย่างสวยสดงดงาม ก็มารอดูกันว่างานต่อ ๆ ไป Seen Scene Space จะพาใครมาให้เราตื่นเต้นกันอีก ติดตามกันได้เลย