Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Nothing But Thieves วงร็อกจากอังกฤษที่เสิร์ฟความมันแบบเนียนกริ๊บได้ในทุกเพลง

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photos by: The Very Company

2 สิงหาคม 2561

ต่อเนื่องกันติด ไม่มีหยุดยั้งหลังจากที่ไปสนุกสุดเหวี่ยงกันที่คอนเสิร์ต Mac DeMarco กันมาแล้ว วันถัดมาก็เป็นคิวของวงอัลเทอร์เนทิฟร็อกเดือด จากเกาะอังกฤษกันบ้าง Nothing But Thieves เจ้าของผลงานบาดลึกในความรู้สึกอย่าง If I Get High ที่มีแฟนเพลงชาวไทยหลายคนรอคอยการมาปรากฏตัวของพวกเขาที่กรุงเทพ กันอย่างเนืองแน่นทีเดียว

เมื่อวานนี้เราไปถึงงานค่อนข้างเลตแล้วเพราะวงแรกเล่นตั้งแต่ทุ่มครึ่ง ตอนนั้นยังทำงานไม่เสร็จเลยจ้า สภาพการจราจรกรุงเทพ ก็เป็นอย่างที่ทราบกันดี ทำให้เราไปทันก็ตอน Mattnimare กำลังแสดงอยู่แล้ว แต่จากที่สอบถามเพื่อนผู้ไปร่วมงานก็ได้ความว่า วงก่อนหน้าซึ่งก็คือ Monomania อัลเทอร์เนทิฟร็อกมีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่น่าสนใจมาก ซาวด์ดีเล่นดีและขนเพลงฮิตเก่าใหม่มาบรรเลงทั้ง สาวน้อยหมวกแดง, การจากลา งานล่าสุดที่เพิ่งออกมาให้ได้ฟังกันไม่นานอย่าง ปล่อย และเพลงร้าวรานอารมณ์ยอดนิยม รุ้งสีเทา นอกจากนี้ก็มีเพลง ตัวตน, นภา, มายาคน และภาพฝัน เรียกว่าครบถ้วนกระบวนความจริง

เราตบเท้าเข้าฮอลไปตอนที่ได้ยินเสียงกีตาร์สาดใส่เอฟเฟกต์อย่างรุนแรงเกรี้ยวกราดในเพลง รอยต่อ นี่คือ Mattnimare อีกวงอัลเทอร์เนทิฟร็อกที่ฝีไม้ลายมือเข้าขั้นร้ายกาจ ซึ่งระหว่างที่กำลังเล่นเพลงนั้นเราก็พบว่าทางวงประสบกับปัญหาทางเทคนิคที่ค่อนข้างวุ่นวาย ตั้งแต่เสียงดรัมแพดไม่ออก กีตาร์เบาไป เบสบวม ความไม่บาลานซ์ของซาวด์ต่าง แบบที่เรายืนฟังอยู่แทบติด front of house ก็รู้สึกว่าดังเกินไปและไม่สบายหู จนว่าน ฟรอนต์แมนบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นออกไมค์เป็นมุขตลก อย่างน้อย ก็ช่วยคลายความตึงเครียดของบรรดาสมาชิกและมีเสียงร้องเชียร์ของบรรดาแฟนเพลงที่ช่วยรักษาบรรยากาศของคอนเสิร์ตไว้ได้ จุดที่ไม่สามารถแสดงได้เต็มศักยภาพ วงเลยต้องหยิบเพลง ความสุข ที่มักจะอยู่เป็นเพลงท้ายของโชว์มาเล่นกันก่อน ทีแรกพวกเขาบอกว่าโดนตัดเพลงด้วย

แต่ภายหลังจากที่จัดการปัญหาได้แล้ว ซาวด์ต่าง กลับมาเป็นปกติ พวกเขาก็ได้เวลาแสดงคืนมาสิบนาทีพร้อมกับบอกว่า ‘Welcome to the real mattnimare show’ พร้อมเรียกเสียงเฮจากแฟนเพลงได้อีกระลอก ส่งเพลง ความทรงจำถาวร เสียงเปียโนบรรเลงไพเราะ กับดรัมแพดหน่วง เพิ่มความเหงา พร้อมด้วยกีตาร์โซโล่งดงาม ก่อนจากกันไปด้วยเพลง กลัวเกินก้าว ที่ว่านสามารถใช้พลังเสียงของเขาอิมโพรไวส์การร้องออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้โชว์ต้องเลื่อนออกไปเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่ม แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดเพราะทุกคนรอ Nothing But Thieves อย่างใจจดใจจ่อ และทันทีที่วงแสดง เสียงร้องของผู้ชมดังกระหึ่มฮอลและสามารถร้องกันได้เสียงดังฟังชัดตั้งแต่เพลงแรกนั่นคือ I Was Just A Kid จากอัลบั้มล่าสุดของพวกเขา Broken Machine ที่สีสันดนตรีจัดจ้านดุเดือดกว่าชุดแรกขึ้นมาก ตามด้วย Number 13 ที่แค่เสียงกลองขึ้นมาแฟนเพลงก็เฮโห่กันแล้ว เป็นเพลงพุ่งพล่านด้วยริฟฟ์กีตาร์ร้าย และใช้ทักษะการร้องหลากหลาย ทั้งเท่ ทั้งเซ็กซี่ ขนาดเราขาเจ็บยังหยุดตัวเองให้โยกไปกับเพลงนี้ไม่ได้ แล้วจึงกลับมาที่อัลบั้มแรกกับ Wake Up Call ที่โดดเด่นด้วยไลน์เบสหนึบหนับ และ Hostage ที่เขาใช้เสียงร้องแอดลิบช่วงอินโทรจนเราขนลุกไปหมด

ตอนนี้พวก Conor Mason ฟรอนต์แมนก็กล่าวทักทายแฟนเพลงว่าไม่คิดว่าวงจะมาไกลขนาดนี้ ได้มาเล่นในประเทศที่เจ๋งมาก นี่เพิ่งผ่านไปแค่ 5 นาทีเองก็รักพวกคุณซะแล้วโอ้โห ปากหวานจริง เรียกเสียงกรี๊ดไปอีกยก ก่อนจะบอกว่าจะเล่นเพลง Soda ซึ่งแฟนเพลงก็ให้ความร่วมมือช่วยร้องได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ตามด้วยอีกเพลงฮิต Graveyard Whistling ที่ท่อนบริดจ์ก็ร้องออกมาได้สุดยอดมาก ความเงียบในฮอลจากการตั้งใจฟังในท่อนนั้นสะกดพวกเราทุกคนจริง จบจากนี้คุ้น ว่าคอเนอร์ก็บอกว่าอยากแปลเพลงตัวเองเป็นภาษาไทย แต่ก่อนอื่นคือต้องเรียน เลยให้ใครสักคนที่ใส่แว่นสอนพูดว่า ขอบคุณครับ แล้วก็พูดออกไมค์ ตอนนั้น ก่อนจะบอกว่าจะเล่นเพลงต่อไปที่สำคัญกับพวกเขามาก นั่นคือเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มที่สอง Broken Machine ที่ขึ้นมาด้วยอินโทรลึกลับกับเบสเท่ ในจังหวะที่ต้องผงกหัวตาม ซึ่งในท่อนบริดจ์ก็ให้คนดูช่วยร้อง ซึ่งคอเนอร์ก็ร้องได้เป๊ะมาก และส่งเพลงเดือดเลือดพล่านมาให้เราฟังนั่นคือ I’m Not Made By Design แค่ริฟฟ์กีตาร์ขึ้นมาผู้ชมทุกคนก็พร้อมตบมือเข้าจังหวะกันแล้ว และในเพลงนี้เราคิดว่าต้องกระโดดตามแล้วจริง

เพลงต่อไปคอเนอร์ก็บอกว่าอยากจะเห็นทุกคนเต้น อะ จัดให้ ไม่สนมันแล้วว่าร่างจะบอบช้ำขนาดไหน ลุยไปกับ Live Like Animals ถือเป็นเพลงที่เราโดนพวกเขาตกเข้าอย่างจัง ตามด้วย Particles ที่วงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ทำไมร้องเก่งขนาดนี้ ตามด้วย Trip Switch ที่เขาก็ให้ทุกคนช่วยกันร้อง โดยเฉพาะในท่อน ‘Down, down, down, down, down’ ก็เปล่งออกมาอย่างพร้อมเพรียง และก็ได้เวลาของเพลงที่เรารอคอยอย่าง Band All The Music คำว่าเดือดยังน้อยไปสำหรับเพลงนี้ อยากจะเฮดแบงให้คอหลุดรวมถึงไปมอชพิตกับผู้ชมกลุ่มหนึ่ง แต่งานนี้ขอบายจริง ถ้ายังซ่าก็อาจจะมุ่งสู่โรงพยาบาลได้ จบจากจุดที่เดือดที่สุด ก็เข้าสู่จุดที่ดำดิ่งที่สุดอย่าง If I Get High ซึ่งเป็นเพลงที่เราค่อนข้างมีความทรงจำด้วยมาก รวมถึงเคยนำไปคัฟเวอร์ในโชว์ของวงตัวเอง แล้วการที่ได้มาฟังเพลงนี้สด ก็เหมือนได้กลับไปเจอความรู้สึกเหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอะไรที่มีคุณค่ากับจิตใจจริง แล้วพาไปต่อในเพลงจังหวะกลาง อย่าง Sorry ก่อนจะเข้าสู่ช่วงอังกอร์ที่ไม่ต้องให้รอกันนานนัก

ในตอนนี้เชื่อว่าแฟน คงอิ่มเอมกับเพลงที่พวกเขาบรรเลงออกมาพอสมควรแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมอบความประทับใจแบบที่เราคาดไม่ถึงจริง เมื่อบอกว่าจะเล่นเพลงที่ไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว ซึ่งพออินโทรกีตาร์เศร้า ขึ้นมาก็รู้ว่าเป็น Lover, Please Stay ในทันที นี่ก็เป็นอีกเพลงที่ถ้ากำลังช้ำรักแล้วได้มาฟังคงลงไปนอนกองร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่ตรงนั้น แต่กับครั้งนี้เราก็ต้องเสียน้ำตาให้กับความงดงามที่ร้องและบรรเลงออกมา ฮอลตอนนั้นเงียบมาก มีเพียงเสียงร้องตามเบา เพราะหลายคนคงตกอยู่ในมนต์สะกดของพวกเขา ยิ่งท่อนบริดจ์คือขนลุกมาก ส่งความ emotional ไปจนถึงท่อนสุดท้าย ซึ่งพอจบเพลง วงคงสังเกตได้ว่าพวกเราซึมไปแล้วเลยถามว่า ‘Are you still with us Bangkok?’ เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงฮาจากพวกเราไป เลยส่งเพลง Itch มาให้ปรับอารมณ์ และจากกันไปแบบเดือดดาลใน Amsterdam

Nothing But Thieves

จบลงไปแล้วกับคอนเสิร์ต Nothing But Thieves Live in Bangkok ที่แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคและการจัดการบางประการที่ทำให้น่าติง แต่การแสดงของทุกวงถือว่าได้ใจคนดูไปเต็ม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Nothing But Thieves ที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังไปทั่วโลกได้ในเวลาเพียงสองปีเท่านั้น /แล้วรอติดตามกันด้วยนะว่าเราจะไประเห็ด กันต่อที่ไหน มีให้อ่านกันเรื่อย อย่างแน่นอน เพราะเราถือคติไปให้สุด แล้วหยุดที่โรงพยาบาล!

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้