NOMA ชวนรู้จัก 3 วงดนตรีรุ่นใหม่ไฟแรง ที่หนีแม่มาสนุกกันใน Sorry Mommy Daddy I’m Less Sometimes
- Writer: Peerapong Kaewthae
เราจะได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างแท้จริงครั้งแรก ก็ตอนที่เราได้ลองขัดใจพ่อแม่ของเราดูซักครั้งเนี่ยแหละ เหมือนกับ 3 วงดนตรีนี้ที่ไม่ยอมเชื่อแม่ ทั้ง ๆ ที่แม่ย้ำนักย้ำหนาว่า ‘เป็นนักดนตรีแล้วจะเอาอะไรกิน’ ก็ไม่ยอมเชื่อ แต่พวกเขาก็มีเรื่องที่อยากเล่ามีดนตรีที่อยากให้ทุกคนลองฟังเหมือนวงอื่น ๆ นั่นแหละ แค่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้โชว์สไตล์ดนตรีของตัวเองเท่าไหร่
‘Sorry Mommy Daddy I’m Less Sometimes’ คืออีกหนึ่งคอนเสิร์ตไซส์กระทัดรัดของ NOMA ที่ตั้งตนเป็นฮับสำหรับคนอยากฟังอะไรใหม่ ๆ แห่งย่านอารีย์ โดยงานนี้ก็มีศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมา 3 วง ซึ่งทุกคนอาจรู้จัก Dogwhine กันอยู่แล้วว่าเจ๋งแค่ไหน วันนี้พวกเขาเลยหนีบ Kunst และ Alec Orachi หนีแม่มาสร้างความสนุกให้กับทุกคนด้วย บอกเลยว่าดนตรีของพวกเขาก็โดนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
อุ่นเครื่องกันด้วย Alec Orachi ที่เราไม่รู้จักมาก่อน แต่ไดนามิกของความเป็นโซลที่เซ็กซี่มาก ๆ บวกกับซินธ์ที่เข้ามาเติมบรรยากาศให้กลมกล่อมขึ้น จังหวะกลองและเบสก็คอยส่งกรูฟให้กีตาร์ครึกครื้นขึ้นทุกฮุก สไตล์การร้องแบบ r&b ทุ้มต่ำก็ทำให้ดนตรีมีเสน่ห์ขึ้นมากมาย เครื่องดนตรีทุกชิ้นประกอบกันด้วยลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่โดดเด่นด้วยจังหวะของตัวเอง จนรู้สึกเพลิดเพลินไปกับโชว์ของเขาทุกเพลงเลย ถึงเพลงของเขาจะเป็น lo-fi ซะส่วนใหญ่ แต่โชว์ในคืนนี้เขามาพร้อมแบ็กอัพฟูลแบนด์ที่เข้าขากันมาก ๆ แถมทำโชว์ได้น่าตื่นเต้นสุด ๆ ทั้งสลับจังหวะให้เป็นบลูส์นุ่ม ๆ แล้วใช้ซินธ์แทนเครื่องเป่าได้ฉลาดมาก หรือจะใส่ไรม์เท่ ๆ ลงไปใน 3 Days ที่ลงตัวกับกีตาร์ได้ชวนตะลึงไปเลย
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น opening act แต่ฝีไม้ลายมือของเขาก็ตราตรึงเราอยู่เหมือนกัน
Kunst ตามมาเป็นวงที่สอง ป๊อปร็อกที่อัดแน่นไปด้วยพลัง กีตาร์รีเวิร์บที่คำรามออกมาอย่างดุดัน กับเบสที่ถักทอจังหวะนุ่มออกมาได้น่าตื่นเต้น มีซินธ์คอยเจือกลิ่นอายอันเร้าร้อนของวัยรุ่น โดดเด่นด้วยจังหวะกลองที่หนักแน่น เติมความเข้มเข้าไปด้วยลูกเล่นที่ทำให้ดนตรีมันเท่กว่าใคร มีกลิ่นอายของความเป็น shoegaze ที่ซัดดนตรีอันหนักหน่วงใส่คนดูแบบไม่ยั้ง
ดูได้จาก Road Rage คือระเบิดพลังความมันจน NOMA ต้องสะเทือน ทั้งจังหวะกลองที่โคตรเดือด และไลน์เบสที่หนึบกระชากใจมาก ท่อนฮุกที่ชวนตะโกนออกมาสุดเสียงก็ทำให้เราโยกหัวตามทันที หรือ Run Away ก็สาดความมันกระจายไปทั้งร้านด้วยกีตาร์รีเวิร์บและเสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่ง แต่ที่ชอบที่สุดน่าจะเป็น Hold On เพลงแรกของวงที่ลงตัวที่สุดแล้ว เนื้อเพลงหวาน ๆ กับจังหวะกลองและกีตาร์ที่สดชื่น
ส่วนวงสุดท้าย Dogwhine ก็หยิบป็อปขึ้นมาทำลายให้ย่อยยับแล้วประกอบพวกมันขึ้นมาใหม่ด้วยสไตล์ของตัวเอง ทุกจังหวะเต็มไปด้วยเมโลดี้ที่โดดเด่นเกินใคร เต็มไปด้วยความขบถทางดนตรี พูดเรื่องการเมืองด้วยวิธีอารยะขัดขืน แต่ยังไม่ทิ้งความงดงามในการเล่าเรื่องผ่านเสียงเพลง โดยเฉพาะเครื่องเป่าที่เข้ากับการทดลองทางป๊อปของพวกเขาได้อย่างลงตัว ผสมผสานกับกีตาร์เบสกลองได้คลุ้มคลั่งสุดขีด
มี Dog of God ที่เร้าอารมณ์ทุกคนได้อย่างรุนแรง จนต้องลุกขึ้นเต็มตาม ส่วน Leader เป็นอีกหนึ่งเพลงที่น่าจะบอกสไตล์ของวงได้ชัดเจน กับลูกเล่นทางดนตรีที่คมคาย เรียบเรียงได้เคลิ้บเคลิ้ม แต่ยังเจือไปด้วยความสนุกอีกด้วย หรือ Unemployment ที่เย้ายวนด้วยเสียงแซกโซโฟน ล้อไปกับดนตรีนุ่ม ๆ ชวนโยกย้ายไปมาตามจังหวะ
ต้องกราบตัก NOMA จริง ๆ ที่เปิดพื้นที่ให้วงดนตรีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักได้ฝึกปรือฝีมือ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือให้โอกาสคนฟังได้ลองเปิดใจฟังวงดนตรีใหม่ ๆ ที่พวกเขายังไม่รู้จักบ้าง เห็นแบบนี้แล้ว ที่นี่อาจจะเป็นสถานที่บ่มเพาะนักดนตรีรุ่นใหม่ที่สำคัญอีกที่เหมือน PLAY YARD ก็ได้นะ เหลือแค่ทุกคนเนี่ยแหละว่าจะพร้ออมซัพพอร์ตวงดนตรีเหล่านี้แล้วหรือยัง