NOMA 1st Anniversary ฉลอง 1 ปีด้วยการดูวงที่เรารัก เพลงที่เราอิน ในร้านที่เราชอบ
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Tas Suwanasang and Montipa Virojpan
วันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังกระดกเบียร์บัดไวเซอร์สดที่หน้าบาร์ NOMA พี่หุ้นส่วนร้านท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“อิ๊ก วันที่ 16 กุมภา ทำตัวให้ว่าง ๆ นะ”
“ทำไมหรอพี่”
“งานวันเกิด NOMA มี SLUR, S.O.L.E., PYRA”
“…”
บ้าเอ๊ยยยย นี่คือ combination วงดนตรีที่อยากดูในโชว์เดียวกันที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือเห็นทีเซอร์ของ SLUR ที่แคปไลน์กลุ่มตอนประชุมกันว่าอยากเล่นเพลงอะไรบ้าง คือหน้าสั่น อยากให้ถึงวันงานเร็ว ๆ แล้ว แม้จะรู้ว่าวันนี้มีอีเวนต์ชนกันเยอะขนาดไหน ทั้งงานคืนสู่เหย้าคณะอิฉัน งาน Minimal Records ที่ Play Yard งานกิฟต์ศิลปากรที่ทับแก้ว แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมมม ก็ไปหมดทุกงานไม่ได้ ต้องขอเลือกไป NOMA แทนแหละจ้า
16 กุมภาพันธ์ 2562
ตอนที่เรามาถึงร้านประมาณสามทุ่ม แต่ในเมื่อโชว์แรกยังไม่เริ่มเราเลยได้โอกาสไปชิมเครื่องดื่มใหม่ของร้านที่จะเปิดตัวในวันนี้สามเมนูด้วยกัน ตัวแรกคือ ‘Hot Hot Heat’ เป็นเหล้าเบอร์เบิน อินฟิวส์กับแอปเปิ้ลและขิง แต่วันแรกต้มน้ำขิงไม่ทันเลยจัด ginger ale ให้ก่อนเลยไม่ได้ขิงร้อนฉ่าขนาดนั้น หอมแอปเปิ้ลกันไป สายวิสกี้น่าจะบันเทิง
ประมาณสามทุ่มยี่สิบ PYRA ก็ยังไม่ปรากฏตัว แต่เป็นสมาชิกในวงของเธอที่เริ่มบรรเลงบีตที่มีความเป็นชนเผ่ากับเมโลดี้สวย ๆ ประกอบกับบทกวีที่เป็นเสียงของเธอเปิดคลอ มีวิชวลฉายข้อความลงไปยังผนังเบื้องหลัง ไม่นานไพร่าก็เดินเขย่ากระพรวนที่ติดกระดาษลงมาจากชั้นสอง แล้วเดินไประหว่างคนดูแต่ละคน ถ้าใครเคยดูโชว์ของเธอจะรู้สึกว่ามีความเป็น performing arts อยู่เบา ๆ จากนั้นก็มาประจำที่ที่ไมโครโฟนของเธอและเริ่มเล่นเพลง White Lotus ซึ่งเป็น r&b โทนดาร์ก ๆ แต่ซอฟต์ลงได้ด้วยเมโลดี้และเสียงร้องของเธอ เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสเก็บรายละเอียดในโชว์ของไพร่า แล้วเราพบว่าเธอค่อนข้างเน้นการเคลื่อนไหวเพื่อสื่อสารประกอบกับแต่ละบทเพลง บางทีอาจจะเห็นเธอลงไปนั่งกับพื้น หรือนอนลงไปเลยก็มี จากนั้นก็เล่นเพลง Suriya อีกเพลง down tempo มีท่อนที่ร้องว่า ‘สุริยะ’ วนไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เพลงนี้ติดหูพอสมควร แล้วเธอก็บอกว่าใน EP Better Being นี้ก็ได้ Cyndi Seui มาช่วยโปรดิวซ์ให้ด้วย ก่อนจะเล่นเพลงต่อไป Regret Me ที่เธอเคยส่งมาร่วมโครงการ Sunkist Freshly Picked ของฟังใจ
จบจากเพลงนี้ไพร่าก็ยื่นกระดาษที่ติดกับกระพรวนให้ทุกคน แล้วเธอก็เริ่มเล่าว่าการเขียนเพลงของเธอนั้นทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นคนที่ดีขึ้น และก็ได้เรียนรู้ว่าเราสามารถส่งพลังงานของตัวเองไปถึงคนอื่นได้ ถ้าพลังงานนั้นเป็นบวก คนอื่นก็จะได้รับพลังบวกจากเรา แต่ถ้าเป็นพลังลบ คนอื่นก็จะรู้สึกถึงมันเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามจะนำเสนอพลังที่ดีผ่านเพลงให้คนอื่นมากกว่า ถึงกับมีบางคนเคยส่งเมสเสจมาหาเธอว่าเพลงของเธอสามารถช่วยชีวิตเขาได้ และเพลงต่อไปคือ Let It Go ซึ่งเป็นเพลงที่อัพบีตขึ้นกว่าเพลงก่อน ๆ ต่อด้วย Feather ที่น่าจะเป็นเพลงที่สดใสที่สุดของเธอแล้ว เพลงนี้ได้ featuring กับ Cyndi Seui เราเลยได้ยินไลน์ซินธิไซเซอร์และเบสที่ชัดมากของเขา ส่วนตัวเราเองก็ชอบเพลงนี้มาก ส่วนเพลงสุดท้ายชื่อ Inspiration ซึ่งเป็นเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมา เธอกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาดูโชว์ของเธอในวันนี้และบอกว่าทุกคนเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมากขนาดไหน ระหว่างโชว์เธอก็เดินเข้ามาหาคนดูแต่ละคนและพยายาม connect เข้ากับทุกคนในทุก ๆ ท่อนที่ร้อง เราเองก็รู้สึกได้พลังจากไพร่านะ คือไม่เคยมีโอกาสได้ดูโชว์ของเธอแบบเต็ม ๆ เลย แล้วครั้งนี้ก็พบว่าเป็นโชว์ที่นำเสนอตัวตนได้ชัดมาก เพลง r&b ที่เลือกผสมบีตแปลก ๆ กับซาวด์ดนตรีที่ไม่คุ้นเคย น้ำเสียงไพเราะถ่ายทอดเรื่องราวที่ทำให้เราไม่จมตัวเองอยู่กับอะไรแย่ ๆ เป็นอะไรที่จุดประกายเราได้เหมือนกัน
ระหว่างที่รอวงต่อไปเตรียมตัว เราก็ได้ไปชิมค็อกเทลอีกตัวที่ชื่อ ‘Elio Garden’ ถ้าใครได้ดู ‘Call Me by Your Name’ ก็น่าจะรู้ว่าลูกพีชเป็น object ที่สำคัญของเรื่อง ซึ่งผู้พัฒนาสูตรค็อกเทลตัวนี้บอกกับเราว่า ‘ตอนแรกคิดว่าจะใช้ลูกพีชที่แม่เอลิโอปอก หรือลูกที่เอลิโอใช้ดี แต่คิดไปคิดมาก็เดี๋ยวคาวไป เลยใช้ลูกของแม่ดีกว่า’ อิฉันนี่ลั่นเลยค่ะ จริง ๆ ชอบเมนูนี้นะ เป็นวอดก้า เบียร์ น้ำเชื่อมพีช และน้ำมะนาว คือหอมสดชื่นมาก ๆ
จนเวลาสี่ทุ่มสิบห้า S.O.L.E. พร้อมแล้ว เราก็ไปประจำการหน้าเวทีกับทีมงานคุณภาพที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี มาเจอกันกับเพลงแรกใส ๆ วัยรุ่นชอบ FCKUGVRNMNT ที่เติ้ลร้องคนเดียวเปิดโชว์ให้ได้โยกกันเพลิน ๆ ก่อนที่ความเดือดจะปะทุกันในเพลง My Majesty the King ที่สมาชิกคนอื่น ๆ มาประจำตำแหน่ง เหล่าแฟนคลับช่วยกันร้องในท่อน ‘S.O.L.E.’ อย่างพร้อมเพรียง และเข้าสู่เสียงอีสานอันคุ้นเคยใน Bangkok Teenage Renaissance และ Cyber Punk กับกลองเร้า ๆ ชวนให้วัยรุ่นอย่างเรา ๆ ต้องออกมาดีดดิ้นกันที่ front row โดดยับบบบ แต่แล้วก็เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย ทำให้ต้องซาวด์เช็กรอกันด้วยมุข ‘หมั่งสีโสว สือเกเหล่าก๊าย’ ต่อด้วย ‘ถ้าผมพูดว่าทาน คุณพูดว่าอาหาร’ ‘ถ้าผมพูดว่าหิว คุณพูดว่าน้ำ’ แต่วันนี้มีเพิ่มมาด้วย ‘ถ้าผมพูดว่าพลเอก คุณพูดว่าประยุทธ’ แล้วก็มีคนพูดตาม แบบนี้ตัวใครตัวมันนะ แต่พอวงยังแก้ไขปัญหากันอยู่ เราเลยไปชิมค็อกเทลใหม่ตัวสุดท้ายที่ชื่อ ‘Chai Dej’ เป็นส่วนผสมของชาซีลอน รัม น้ำเชื่อม และมะนาว ซึ่งโดยรวมแล้วรสชาติเหมือนชามะนาว… ใช่ค่ะ ชื่อของค็อกเทล มาจาก ธีร์ (tea) ไชยเดช นั่นเองล่ะค่าาาา (น่าตีคนคิดชื่อ คิดได้ไง ชอบ)
แล้วเมื่อเข้าที่ พวกเขาก็กลับมาในเพลง Psycho Killer ที่เติ้ลโชว์สกิลว้ากอย่างเกรี้ยวกราด สะใจวัยรุ่นมาก ต่อด้วย When Everyone Is Doing A Moshpit และ Be With You (The Whitest Crow cover) ที่ได้เลื้อย ๆ บด ๆ กันตามสเต็ปเร็กเกตอนกัน ยัง ความเดือดยังไม่หยุดแค่นี้ เมื่อพวกเขาบอกว่าจะเล่นเพลงควันหลงวาเลนไทน์ ด้วยเพลงรักใส ๆ สไตล์เคป๊อปอย่าง Call Me ที่แค่อินโทรก็ใสมากแล้ว เป็นเสียงกระเส่าพูดว่า ‘สวัสดีค่ะ พี่เติ้ลใช่ไหมคะ อยากโดนเ–็ด’ แล้วก็ตู้มมม ทุกคนร้องกันอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่ท่อนแรกจนจบเพลง ต่อด้วยเพลง Rich ที่ลดความเดือดลงมาหน่อย แล้วเติ้ลก็บอกว่า ไหน ๆ วันนี้ก็ครบรอบ NOMA ทั้งที ก็ต้องมีเพลงพิเศษเป็นงานคัฟเวอร์จากศิลปินที่พวกเขาชอบ แล้วเราก็กรี๊ดแตกเพราะอินโทรเพลง I Wanna Be Your Dog ของ Futon เริ่มบรรเลง และแน่นอนว่า จีน กษิดิษ เจ้าของเพลงก็ออกมาแจมกันด้วย รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เพราะตอนวัน grand opening ของร้านก็มีแม่จีนมาเล่นเพลงฟูตองรัว ๆ จนวันนี้ครบหนึ่งขวบก็มีแม่จีนมาร่วมฉลองด้วย จบเพลง แม่จีนยังเอ่ยปากชมว่าเพิ่งรู้จักไม่นาน และวงนี้ก็เป็นความตื่นเต้นล่าสุดของชีวิต ดีใจแทนวง S.O.L.E. มาก ๆ ท่ามกลางความชื่นมื่นตรงนี้พวกเขาก็เลือกเพลง Like a Magic มาเล่นทิ้งท้ายกันไปอย่างสวยงาม
สิ้นสุดการรอคอย เมื่อวงดนตรีที่เรียกว่าโตมาด้วยกันตั้งแต่ช่วงที่ฟังเพลงใหม่ ๆ อย่าง SLUR ได้พร้อมกันแล้วในเวลาห้าทุ่มนิด ๆ เราคาดหวังเต็มที่ว่าวันนี้จะได้ยินเพลงจากยุคเก่าตั้งแต่อัลบั้ม BOO!, BUM, BOONG, B จนถึง BIN ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันแบบเต็มอิ่ม ซึ่งเพลงแรกก็เปิดมาด้วย อย่าหวัง ซิงเกิ้ลล่าสุดของวง ซึ่งนับเป็นเพลงชาติในช่วงนึงของเราเลย เปิดวนมันอยู่นั่นแหละ แล้วพอได้ฟังสด ๆ คือฟูลฟิลมาก ตามด้วย Stop! จากชุดแรก เฮ่ย คือ rare track เกินไปแล้ว แล้วพวกคนที่อยู่แถวหน้าด้วยกันดันร้องได้กันหมดทุกคน แบบ คอแตกไปเลย แล้วเล่นเป๊ะแบบในเพลงมาก ขาดแค่เสียงทรัมเป็ตไปนี่แหละ ฮือออ
ต่อกันเลยกับ ‘เซอะเซอะเซอะเซ่อออออ’ โอ๊ยยยย กะไม่ให้พักกับเพลง Magazine ที่เหล่าติ่งอย่างพวกเราร้องแหกปากกันตั้งแต่ท่อนแรกแบบ เย่ ฟรอนต์แมน ที่ตอนแรกจะร้องแล้ว ก็ยิ้มแล้วผละออกจากไมค์แบบไม่ต้องเสียแรงร้องเลย แล้วตอนท้ายก็มีใส่ท่อน ‘Hey! Ho! Let’s go!’ จาก Blitzkrieg Bop ของ The Ramones อีพวกเราเก็บตามได้แบบไม่พลาด ไหนจะจัดเพลง คล้าย แบบเนียนกริ๊บแบบในอัลบั้มให้อีก กลองเร้า ๆ ก่อนเข้าเวิร์สสองนี่คือถูกต้อง ริฟฟ์กีตาร์ทรงนี้คือทำให้คิดถึงสมัยมัธยมมากเลยค้าบ ต่อด้วย เธอรู้ และ ดวงอาทิตย์ โห เล่นเพลงอัลบั้ม BOO! เยอะมาก เกือบร้องไห้ตอนได้ฟัง ดวงอาทิตย์ เนี่ยแหละ แล้วเพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่คนดูช่วยร้องให้ได้ตั้งแต่ต้นเพลงเสียงดังฟังชัด ท่อนดรอปหลังโซโล่แฟนเพลงก็ร้องตามได้ครบถ้วน ก่อนที่จะเล่นเพลงต่อไป บู้มือเบสบอกว่า ให้ทุกคนจำลองว่าอยู่ในงานเลี้ยงรุ่น ก็รู้เลยนะคะว่าคือ ภาพเก่า โอย คือเพลงนี้ไลน์ดนตรีทุกชิ้นซิกเนเจอร์ ตรงรุ่นมาก ถ้ากำลังเศร้าอยู่แล้วมาฟังสด ๆ ก็อาจจะตายได้ แต่พอกลับมาเป็นเพลง Popular Vote จากอัลบั้ม B ต้องยอมรับว่าเรามีความสามารถที่จะร้องตามได้น้อยกว่าอัลบั้มอื่น ๆ พอสมควร แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่น่ารักเพลงนึงของวงเลย จบจากเพลงนี้ บู้บอกให้เย่พูดอะไรหน่อย เขาก็เลย ‘ขอบคุณครับ’ สั้น ๆ ก่อนเข้าเพลง ผู้ชาย มาแล้วฮะ อีกเพลงจากอัลบั้ม Bum เสิร์ฟริฟฟ์กีตาร์แหลมแสบไส้ที่เราชื่นชอบในเพลงดีดดิ้นเพลงนี้ จบเพลง เอม มือกลองก็ตะโกนมาจากข้างหลังเพราะเสียงไมค์ไม่ออก บอกว่า ‘ที่เล่นแล้วไม่พูดอะไรเลย เพราะอยากให้ฟีลเหมือนตอนเล่นแบบอัลบั้มหนึ่ง’ เอาเสียงเฮจากแฟนเพลงไปเลย
อะ ๆ กลับมาต่อกันที่ โลกสอง เพลงฮิตสุดเท่ประจำชาร์ตฟังใจ ต่อด้วย ไม่ใช่มนุษย์ เพลงเดียวจากอัลบั้ม BOONG ในโชว์ที่ช่วงท้ายแฟนเพลงก็ตอบสนองแบบล้นหลาม ส่วนเพลงต่อไป บู้บอกว่าเพลงนี้ไม่ได้เล่นมาจะเจ็ดปีแล้ว และเฮาส์ มือกีตาร์ก็ไม่เคยเล่นเพลงนี้มาก่อนนั่นคือ ห้อง อีกเพลงที่แฟน ๆ หลายคนรอคอยหลังจากได้เห็นสปอยล์เซ็ตลิสต์ที่ว่าไปตอนต้น แค่อินโทรขึ้นมาก็ขนลุกแล้ว ต่อด้วย บันดาล โอ๊ยยยยย จะครบอัลบั้มแรกแล้วนิ กลองเพลงนี้ตรงรุ่นมาก ๆ ฮะ เท่สุดในท่อนฮุกที่ต้องร้อง ‘โฮ้โอ’ ที่บู้กับเฮาส์ประสานเสียงขึ้นมาพร้อม ๆ กัน โซโล่คือสุดเกินไปแล้วววว เพลงต่อไปบู้บอกว่า ให้ทุกคนจำลองว่ากำลังเหงามาก นั่นคือเพลง หรือ อีกเพลงฮิตชาร์ตฟังใจที่ครองใจหลาย ๆ คน แต่พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้ซึมนาน เพราะเพลง Rock n’ Roll Ban กลับมาทำให้เราได้ดิ้นโยกไปตามสไตล์ร็อกแอนด์โรล ทวิสต์กันขาขวิดและตะโกนคอแตกกันอีกครั้ง ท้ายเพลงเท่มากเด้อ แล้วต่อเนื่องกันไปด้วยความสนุกของเพลง Fashion Design ที่คนดูร้องแม้กระทั่งริฟฟ์กีตาร์ในอินโทร ตอนโซโล่ก็ยังร้องริฟฟ์อีก ‘แต๊แน้แนแหน่ว แต๊แน่แหน่วแนแน้ววว’ คือเป๊ะมากจนคนข้างหน้าต้องขอชนแก้วกันเอง ฮ่า
แล้วโชว์ก็เดินทางมาถึงช่วงท้าย ๆ ยังไม่ทันไรคนก็ตะโกนขออังกอร์กันแล้ว บู้ขอเบรกด้วยการบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งครึ่งของวันที่ 17 ตรงกับวันเกิดของเย่ แล้วก็มีการร้องเพลงอวยพรกันไปสองรอบ ก่อนจะเล่น เพราะทุกครั้ง ในจังหวะแบ็กกี้กันอีกสักที ซึ่งตอนฮุคสุดท้ายที่ร้อง ‘เฮ เฮ่!’ คือเท่ไม่ไหวแล้ว และลากันไปในเพลงที่ไม่เล่นไม่ได้ เพลงที่ทำให้เราได้รู้จักกับพวกเขาอย่างเป็นทางการนั่นคือ โรคจิต อินโทรอันแสนคุ้นเคยนั้นได้พาเรากลับไปยังช่วงเวลาสดใสวัยรุ่นของเราได้จริง ๆ ใครจะไปคิดว่าพวกเขายังคงทำผลงานออกมาและเล่นสดให้เราได้ดูกันจนถึงทุกวันนี้ ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกวง หรือบางคนกลายมาเป็นคุณพ่อลูกอ่อนแล้วด้วยซ้ำ ฮือ ดีใจ เรากระโดดไปรอบ ๆ กับกลุ่มเพื่อนของเราที่เป็นแฟนเพลง SLUR ด้วยกันทั้งสิ้น ทุกคนร้องเพลงที่ตัวเองชอบไปพร้อมกับวงที่ชอบ ในร้านที่เป็นเหมือนอีกความหวังของคนที่ชอบฟังดนตรีแนวประมาณนี้ซึ่งอยู่กับเรามาหนึ่งปีเต็มแล้ว หวังว่าจะอยู่กับเราไปอีกนาน ๆ มีค็อกเทลอร่อยและคอยเสิร์ฟดนตรีดี ๆ สนับสนุนวงการแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะ
จบจากโชว์ไปแล้วก็ยังมีดีเจมาเปิดต่อกันด้วยจ้า ไอ้เราก็เป็นคนบ้าไม่เหนื่อยไม่นอน เต้นต่อเพราะเพลงตรงรุ่นมาก ๆ ทั้ง The Ramones ที่เห็นว่าอาจจะค้างจากโชว์เมื่อกี้ให้ได้ฟังกันเต็ม ๆ ไหนจะ Iggy Pop – Lust For Life, Arctic Monkeys – I Bet You Look Good on the Dance Floor, David Bowie – Let’s Dance, Kindness – Swinging Party, New Order – Bizarre Love Triangle extended dance mix, Blur – Go Out, Gorillaz – DARE, Ash – Girl From Mars และอีกมากมาย เฮ่อ มีความสุขจัง