No Wave on Mars เพราะดาวอังคารไม่ใช่โลก ที่ทุกสรรพเสียงใหม่ถูกค้นพบแล้ว ที่นี่
- Story and photos by Montipa Virojpan
11 กรกฎาคม 2561
Nitt Press กลับมาอีกครั้ง นอกจากว่าพวกเขาจะเป็นผู้จัดงาน ‘จับหูชนปาก’ ที่ให้ศิลปินและแฟนเพลงได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางดนตรีแบบกันเองในหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขายังอาสาพาทุกคนออกสำรวจคลื่นเสียงแปลกใหม่กับวงดนตรีที่ชื่อไม่คุ้นหูทั้งหมด 5 วงถ้วนที่งาน No Wave on Mars ซึ่งถูกจัดขึ้นที่ De Commune เมื่อคืนที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้เราสนใจอยากมางานนี้สุด ๆ แม้จะรู้จักวงดนตรีเพียงบางวงก็เห็นจะเป็นสรรพคุณของแต่ละวงที่ถูกบรรยายไว้ใน event description ไม่ว่าจะเป็น Hope the Flowers อันนี้ค่อนข้างแน่นอนในความสามารถเพราะเป็นอีกวงโพสต์ร็อกไทยที่ได้ไปพิสูจน์ฝีมือในต่างแดนมาแล้ว Sci-fi Barber เป็นวงไซคีเดลิกโฟล์กที่เคยทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ‘สายน้ำติดเชื้อ’ Ronnie’s Trip อีกไซด์โปรเจกต์รวมดาวเก๋าสยามที่ยังไม่รู้ว่าจะเล่นออกมาเป็นแนวไหน Pisitakun ศิลปินเทคโน/นอยซ์ ที่เพิ่งกลับจากทัวร์ในหลายประเทศต้นกำเนิดซีนปาร์ตี้เทคโน และอีกวงที่เราจับตามองเป็นพิเศษคือวงของโต้ง ฟรอนต์แมนวง Goose ที่รวบรวมสมาชิกมาทำวงใหม่ในชื่อ Sunrise, Moon Bright และเราก็กำลังจะได้ทดลองฟังทุกสรรพเสียงกันนับจากบรรทัดต่อไปนี้
เรามาถึงที่งานตั้งแต่ทุ่มครึ่งเพราะตามตารางแล้ววงแรกจะขึ้นเวลานี้พอดี แต่ขณะนั้นยังเป็นช่วงที่วงยังซาวด์เช็กกันอยู่ และด้วยปริมาณผู้ชมที่ยังบางตาอยู่ทำให้โชว์เขยิบไปเป็นสองทุ่มครึ่ง ตอนนี้ Hope the Flowers พร้อมแล้ว พวกเขาเปิดโชว์กันด้วยเพลง Wake Up ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเพลงประกอบฉากลงสนามรบในหนังฟอร์มยักษ์ ตามด้วย Into the Parallel เพลงโทนสว่างไม่ดุร้ายแบบเพลงก่อนหน้า ที่ตอนต้นเพลงจะได้กลิ่นไซค์เบา ๆ ก่อนจะถูกปรับโหมดกลับมาเป็นโพสต์ร็อกในท้ายเพลง ก่อนที่จะเล่นเพลงต่อไปพวกเขาบอกว่าเดือนพฤศจิกายนพวกเขาจะออก EP กับทางไต้หวันมีเพลงใหม่สามเพลง รอติดตามกันได้
แล้วเพลง Forward ก็ถูกบรรเลงขึ้น ลิกกีตาร์ให้ความรู้สึกเหมือนหยิบเอาหมอลำมาผสานกับความเอเชียนกำลังภายใน ตามด้วย Loneliness ที่เมโลดี้งดงามจนลืมไปว่านี่คือเพลงเกี่ยวกับความโดดเดี่ยว ยิ่งกับช่วงท้ายของเพลงก็ดีงามเสียจนส่งชาวโพสต์ไปถึงฝั่งฝัน และปิดท้ายที่ Forever คิดว่าหลายคนคงอิ่มเอมใจกับซาวด์หนัก ๆ วงแรกนี้
จากนั้นไม่นานก็เป็นคิวของ Sci-fi Barber ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยดูโชว์ของพวกเขามาก่อนและไม่แน่ใจว่าไซคีเดลิกโฟล์กที่เขาว่าจะเป็นประมาณไหน ซึ่งพอลองฟังเพลงของพวกเขาจริง ๆ แล้วในเพลงแรก ๆ ก็มีความเป็นโฟล์กช้า ๆ เล่าเรื่อง เกี่ยวกับอิสรภาพ เพลงที่สองก็ยังใกล้เคียงกัน แต่เสียงนักร้องให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายใจดีชวนมานั่งล้อมวงร้องเพลงเล่นกีตาร์ให้เราฟัง แต่เพลงอื่น ๆ จะเริ่มกลายร่างเป็นแนวอื่นที่ไม่โฟล์กจัด ๆ แล้ว ซึ่งงานนี้พวกเขาขนเพลงมาเล่นเยอะเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือเพลง สายรุ้ง ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘สายน้ำติดเชื้อ’ ที่ได้รับรางวัลดนตรีประกอบภาพยนต์ยอดเยี่ยมสามรางวัล จาก Starpic Movie Award ชมรมวิจารณ์บันเทิง และตุ๊กตาทองพระสุรัสวดีเมื่อปี 2016
จากนั้นพวกเขาก็เล่นเพลง New Wave ที่มีเมโลดี้งดงามมาก ตอนนี้ก็ไม่ใช่เพลงที่เป็นโฟล์กเพียว ๆ แต่เพียงอย่างเดียวแล้วเพราะได้ซาวด์ซินธ์ล่องลอยเข้ามาช่วยขับอารมณ์เพลงเหมือนกำลังล่องเรืออยู่ในห้วงอวกาศ ตามด้วยเพลงที่พูดเรื่องรสนิยมที่ออกไปทางดรีมป๊อป และเพลงเร็วร็อก ๆ อีกหนึ่งเพลง ก่อนจะเป็นเพลงที่ชื่อ อวกาศ ซินธ์ช่วงอินโทรขึ้นมาก็พาออกนอกโลกกันเลยทีเดียว จบจากเพลงน่ารัก ๆ ก็กลับมาที่เพลงเศร้า ๆ ชื่อ โลกใบเก่า ที่ท่อนหลังใส่ความร็อกเข้ามาเพราะจะส่งเข้าเพลงที่ชื่อ บทเพลง คราวนี้พวกเขาเดือดจัดเลยครับ เป็นเพลงเพื่อชีวิตสัดส่วนแปลก ๆ แต่โยกมันผิดกับเพลงช่วงแรกของโชว์ แล้วส่งท้ายกันกับเพลงอินโทรซินธ์หนัก ๆ เหมือนอีโวขั้นสุดแล้ว อันนี้เราได้ความรู้สึกของไซค์โฟล์กเท่ ๆ ผสมกับบลูส์ร็อก จบกันไปแบบมัน ๆ
ต่อกันเลยที่โปรเจกต์ใหม่ของ ตั้ม—โตคิณ ฑีฆานันท์ จากหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำเพื่อรันวงการดนตรีนอกกระแส งานวิดิโอ ภาพเคลื่อนไหว ไปจนถึงนิทรรศการศิลปะ ทำให้คำว่าเจ้าพ่อโปรเจกต์หนีไม่พ้นเขาจริง ๆ และ Ronnie’s Trip นี้เองก็เป็นอีกหนึ่งงานที่ต่อยอดมาจาก Triggs and the Longest Days โดยได้สมาชิกจากวงนี้มาเล่นคือตัวตั้มเองเล่นกีตาร์ กับแนท มือกีตาร์วง Summer Dress ที่รับหน้าที่มือกลอง พ่วงด้วย บี จาก Srisawaard มาเล่นเบส และ เล็ก Desktop Error ประจำตำแหน่งกีตาร์
ขณะนั้นจำได้ว่าเรานั่งสนทนากับเพื่อน ๆ อยู่ด้านนอก แต่พอได้ยินเสียงกลอง เสียงปั่นกีตาร์และการตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากด้านในทำให้ต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปดูให้เป็นที่ประจักษ์สายตา โอ้โห ซัดยับกันตั้งแต่เพลงแรกกับความดิบเถื่อนไม่ปรานี โยกมันกันตั้งแต่เพลงแรกและสังเกตว่ามีทีมเต้นคุณภาพเริ่มออกลีลากันบ้างแล้วด้านหน้าเวที ตามด้วยเพลงที่สองกับกลองวิ่ง ๆ ทำให้นึกถึงวงสุดปั่นอย่าง King Gizzard & the Lizard Wizard ก่อนจะส่งเข้าอีกสองเพลงที่มีความเป็นการแจมและอิมโพรไวส์กันอย่างเมามัน และปิดท้ายกันที่เพลงจังหวะกลาง ๆ ที่บีกับเล็กจับจองที่นั่งข้าง ๆ เซ็ตบรรเลงพาร์ตของตัวเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องขับกล่อมเราไปด้วยคล้ายว่าให้ผ่อนคลายจากหลายเพลงก่อนหน้าที่จัดเต็มกันมาแล้ว ปิดโชว์ไปอย่างงดงาม แต่ก็คาดหวังว่าจะได้ดูโชว์ของโปรเจกต์นี้อีกนะ
แล้วก็ได้เวลาของวง Sunrise, Moon Bright กันแล้ว เมื่อประมาณวีคก่อนหน้าเราเห็นพี่น้องในซีนพากันแชร์เพลงของพวกเขาในเฟซบุ๊ก และพอได้กดเข้าไปฟังสิ่งที่ท่านเรียกมันว่า ‘เดโม่’ ก็รู้สึกว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง /ขยายความว่า นี่ขนาดเดโม่ยังเท่านี้ ของจริงจะเท่าไหนกันล่ะฮึ้มมมม ก็เอาง่าย ๆ ว่าแค่เพลงแรกขึ้นก็โดดยับแล้ว เอาใจไปเลย นี่คือสิ่งที่รอคอยมาตลอดจากการคาดหวังว่าจะได้ฟังเพลงใหม่ของวง Goose แต่แม้ไลน์อัพจะไม่ใช่วงเดิมอีกต่อไปแล้วแต่สิ่งที่พวกเขาถ่ายทอดออกมาก็ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน อาจจะมีความใหม่ในซาวด์ดนตรีต่าง ๆ จากตัวผู้เล่นที่เปลี่ยนไป แต่กลิ่นอายความเป็นดนตรีร็อกยุคนั้นยังคงอยู่ คือมาทั้งอัลเทอร์เนทิฟ ชูเกซ อินดี้ร็อกโทนสว่าง ๆ ต้นสองพัน ซัดกันไปทั้งหมดสามเพลงแบบอยากจะร้องไห้ด้วยความดีใจที่จะมีเพลงแบบนี้ให้ฟังเพิ่มขึ้นอีกในยุคนี้ ฟินขนาดเดินไปกดเหล้าเพิ่มก็ยังต้องเต้นไปด้วย
และแล้วพวกเขาก็เล่นเพลงที่ปล่อยออกมาใน YouTube อย่าง เพื่อนในจินตนาการ ร็อกหนักหน่วงที่ทุกคนพร้อมใจกันโยกหัวแบบไม่เหนียมอาย ตามด้วยเพลงช้าให้ผ่อนคลายกันหน่อยกับ แด่เธอ ก่อนจะเล่นเพลงสุดท้ายที่เราไม่อยากให้เป็นเพลงสุดท้ายเลยจริง ๆ ขอยกให้เป็นโชว์ที่ดีงามที่สุดในค่ำคืนนี้และจะรอติดตามดูโชว์ต่อ ๆ ไปของพวกเขา โปรโมเตอร์คนไหนสนใจรีบเข้าชาร์จพวกเขาเลย
ปิดท้ายด้วย Pisitakun หรือกระเดื่อง หลังจากที่เขาไปทัวร์ดนตรีอิเล็กทรอนิกกันมาแล้วในหลายประเทศ ทั้งฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ออสเตรีย และอังกฤษ เขาก็ไม่พลาดที่จะกลับมาสร้างความสนุกให้กับสายเทคโน อินดัสเทรียล นอยซ์กันที่งานนี้ เปิดมาเพลงแรกก็จัดซาวด์หนักหน่วงให้เราย่ำเท้าไม่หยุดกันเลย ถ้าสังเกตเขาจะมีการใช้เครื่องดนตรีอื่น ๆ มาอิมโพรไวส์หรือสร้างเอเลเมนต์แทรกเข้าไปในบีตของเขาด้วย บอกเลยว่าเท่มากและถ้าเขาเล่นที่ไหนอีกก็ไม่อยากให้พลาดกัน น่าเสียดายที่เขาเล่นไปได้พักนึงเครื่องเสียงก็ดับ ความเงียบเข้าแทรกตัวในบรรยากาศที่ผู้ชมยืนงงกันอยู่พักนึงก็จะดึงเพลงหนัก ๆ นั้นกลับมาให้เราได้เต้นกันต่อ และนี่ก็เป็นโชว์สุดท้ายของค่ำคืนนี้ก่อนที่จะส่งผู้ชมบางส่วนไปเชียร์อังกฤษกับโครเอเชียกันต่อในเวลาตีหนึ่ง
ใครที่อยากสัมผัสดนตรีที่แตกต่าง มีความโดดเด่นในรายละเอียดทั้งการเรียบเรียงและเรื่องที่พวกเขาอยากจะสื่อสารก็มีความน่าสนใจ ต้องขอบคุณ Nitt Press ที่พาวงเหล่านี้มาให้เรารู้จักและสนุกมาก ๆ ในคืนที่ผ่านมา สำหรับใครที่อ่านแล้วอยากซึมซับประสบการณ์แบบนี้บ้าง ให้จดจำชื่อวงเหล่านี้ไว้ให้ดี ๆ ถ้าพวกเขามีเล่นงานไหนอีกเราจะไม่ลืมส่งข่าวแน่นอน