Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

‘Nitt Fest’ ประสบการณ์ 8 วง 8 หมัดฮุก เจ็บจนจุก แต่สนุกจัด!

  • Story and photos by Nattawoot Nimitchaikosol

13 ตุลาคม 2561

เมืองไทยไม่ไร้เพลงดีฉันใด คอนเสิร์ตไทยก็ย่อมไม่ไร้วงดีฉันนั้น เมื่อ ‘Nitt Fest’ รวบรวมวงดนตรีหน้าใหม่ทั้งสิ้น 8 วง ถึงต่างสไตล์กัน แต่ประสบการณ์ของทุกวงนั้นบ่มมาอย่างยาวนานและยังคงความสดใหม่เข้มข้น ในสถานที่ขนาดกะทัดรัดอย่าง Brownstone สตูดิโอขนาดน่ารักแถว ๆ อ่อนนุช ซอย 25 ด้วยความที่เราห่างหายจากการไปดูคอนเสิร์ตในซีนไทยนอกกระแสอยู่นาน การกลับมาคราวนี้เหมือนต้องจูนพอสมควร เพราะวงดนตรีในนี้ส่วนใหญ่เรายังไม่ได้ฟังเสียด้วย ตอนนี้เหมือนเป็นการเปิดรับอะไรใหม่ ๆ ที่เรายังไม่เคยพบเจอมาก่อน ซึ่งเราค่อนข้างเชื่อมั่นในมือ Nitt Press อยู่แล้วว่างานนี้เราจะไม่ผิดหวัง

พอเดินเข้ามาใน Brownstone ก็พบกับ พี่กล้วย Freeman พร้อมชุดพราหมณ์ดูทรงศีลอย่างบอกไม่ถูก แต่สมาชิกสามคนวันนี้มีความแปลกตาไปเล็กน้อยเนื่องจากมือกลองนั้นได้พี่ปาร์คแห่งวง West of East มาเล่นแทน เริ่มต้นด้วยเพลงใหม่อย่าง Sun Dance ที่ต้องบอกเลยว่าริฟฟ์กีตาร์เท่มาก ๆ จนต้องแอบกรี๊ดอยู่ในใจเบา ๆ กลัวรบกวนสมาธิ และเพลงนี้ก็เดือดดาลสุด ๆ กันทั้งกีตาร์ เบส และกลอง ยิ่งตอนดึงจังหวะให้ช้าลงเรื่อย ๆ นี่รู้สึกตื่นเต้นเลย คิดว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงเอกในการเล่นสดได้แน่นอน ต่อด้วย Anya และอีกเพลงที่ชวนช็อกเพราะไม่คิดว่าจะมีใครเล่นอย่าง ขึ้นขึ้นลงลง ซึ่งดั้งเดิมเป็นของ สรวง สันติ หรือ ‘แบล็กซุปเปอร์แมน’ ของเรา ซึ่งทำนองก็เป็นทำนองที่คุ้นเคยในเพลง Iron Man ของวง Black Sabbath อีกที ดูแล้วพี่กล้วยน่าจะตกใจเบา ๆ ถึงขั้นต้องบอกว่าด้วยบุญบารมีของการกินเจในครั้งนี้เลยนะครับที่ทำให้เราเล่นได้อย่างราบรื่น และจบลงด้วย Moon เล่นเสร็จก็ต้องออกมากินข้าวก่อนเพราะหิวข้าวมากไม่ไหวแล้ววว

กินข้าวยังไม่ทันย่อยดี เดินเข้ามาอีกที วิมุตติ ก็เริ่มเล่นไปแล้ว first impression ของเราต่อวงนี้คือเจ้าลัทธิที่กำลังเผยแผ่ศาสนาให้กับคนใน Brownstone ได้บรรลุ สมาชิกทั้งสามคนล้วนใส่เสื้อฮู้ดอำพรางใบหน้า สาดเสียงเพลง post-rock, dreampop, shoegaze เหมือนคำสอนเปี่ยมมนต์ขลัง ทำให้เราเคลิ้มไปกับเสียงเพลงถึงแม้เราจะไม่เคยฟังเพลงของเขามาก่อนก็ตาม บางครั้งอาจจะสงบบ้าง บางครั้งอาจจะเจ็บปวดบ้างผ่านเสียงกีตาร์บวกกลองที่หนักแน่นขึ้น และเสียงกรีดร้องของมือเบสหญิงที่แสดงออกมา และกลับมาที่ความสงบของเสียงเพลงอีกครั้ง บางเพลงได้พี่เบิร์ดแห่ง Desktop Error หรือ สหายแห่งสายลม มาร่วมเล่นกีตาร์ด้วย เป็นโชว์ที่สมบูรณ์มาก ๆ ในความคิดเรา สมกับที่พี่ต้อม อัศจรรย์จักรวาล หรือ Thom AJ. MadsoN เป็นสมาชิกวงจริง ๆ จบการดูสดครั้งนี้ต้องไปหาเพลงมาฟังและซื้อแผ่นจริง ๆ จัง ๆ ละ นี่หรือที่เรียกว่าโดนตก

(ขอบคุณภาพจากเพจวง Srisawaard ด้วยครับ)

ถัดมาไม่นานก็เป็นวง ศรีสวาท เป็นวงที่เราไม่รู้จักมาก่อนเช่นกัน และเรายังไม่เจอข้อมูลมากมาย เปิดมาเป็นดนตรีที่ฟังดูชิล ๆ สบายๆ เหมาะแก่การนั่งจิบเบียร์และโยกหัวเบา ๆ ไปกับวง ศรีสวาทเป็นวงดนตรีเร็กเก้ที่มีนักร้องนำเป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งเราประหลาดใจเหมือนกันเพราะไม่ค่อยได้เจอ และมีความน่าสนใจที่การใช้เมโลเดียนและได้ผลประดุจเหมือนเสียงแคนที่เป็นเสียงของเล่นมากกว่า พวกเขามีเพลง อวกาศ, ว้อดเดอะฟัค ที่ขนาดฟังชื่อแล้วยังตกใจ, Lazy ที่ฟังแล้วอยากจะล้มตัวลงนอนด้วยความสบายอกสบายใจเยี่ยงสลอธสมชื่อ และ รถเต่า บอกเลยว่าซีนเร็กเก้เรายังไม่ค่อยเข้าไปเจอมากนัก แต่ศรีสวาทเป็นวงที่น่าประทับใจเชียวล่ะ

ต่อด้วยวง ดารารัศมี ที่เราไร้ข้อมูลเช่นเคย แต่พอเห็นสมาชิกวงแล้ว อ้าว นั่นพี่ ตั้ม โตคิณ เจ้าของงาน Nitt Fest กำลังหยิบกีตาร์ อ้าว นั่นพี่ป๊อก Stylish Nonsense หยิบเบสมาเล่นเอง แต่เห็นสองคนนี้เราก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว แล้วพอได้เห็นการแสดงสดแล้วก็ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาขุดความร็อกสไตล์เก่า และมีความบลูส์ผสมกับไซคีเดลิกหน่อย ๆ ออกมาสะเทือนเลือนลั่นด้วยความมันและความดิบของภาคดนตรีเอง เสียงร้องประสานยาน ๆ ระหว่างพี่ตั้มและพี่ป๊อกทำให้ดูมีความเมามายมากขึ้น สนุกได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องเคยฟังเพลงเขามาก่อน ทั้งฉันคือรถไฟ และเพลงใหม่ที่เขาบอกว่าใหม่กว่าทุกเพลงที่ได้ทำมา อย่าง ภาพวาดบนผนัง และจบด้วย โรงแรมปีศาจ ที่ทุกคนใส่กันสุด ได้ฟีลความโลไฟแสบสันต์บวกความเมาดิบสดของพวกพี่ ๆ แกทีเดียว

ผลัดการแท็กทีมด้วยวงที่เรียกได้ว่ามีคนรอคอยมากที่สุดวงหนึ่งในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่าง สนิมหยก ที่เรียกว่าขึ้นเพลงแรกอย่าง Free Bird ไปนิดเดียว คนก็พร้อมกรี๊ดพร้อมร้องเพลงตามกันอย่างสุดเสียงกันสนั่น Brownstone ไปเลย และเหมือนพวกเขาก็ไม่ทำให้คนที่มารอพวกเขาต้องผิดหวัง จัดชุดใหญ่ชุดเต็มให้คนแหกปากกันได้อย่างเต็มที่ ทั้ง ชีวิตนักดนตรี, นายอำเภอ, สนิม, Our Song, อยากเป็นโคบาล ที่ได้ความเป็นคันทรี่โรดีโอ ผสมด้วยการโยเดลหรือโห่ร้องแบบตะวันตก ฟีลลิ่งคาวบอยกันไปอีก ก่อนจะเล่นเพลง Take Me Away ที่จุดอุณหภูมิภายในคอนเสิร์ตให้ร้อนอบอ้าวด้วยความเดือดดาลของตัววงและคนดูเอง และยิ่งได้การแจมของพี่ปุ๊กหรือ Dr. Dapookster จาก The Sticky Rice ที่มาเล่นเมโลเดี้ยนด้วย และวงสามารถเปลี่ยนเพลงที่อยู่จากแนวร็อกแอนด์โรลให้กลายเป็นเร็กเก้ได้อย่างน่าทึ่ง ปล่อยความรู้สึกให้ลอยล่องไหลไปกับเพลง ก่อนที่จะตลบกลับมาร็อกอีกครั้งพร้อมการโซโล่ขั้นเจ็บประดุจเทพสิง ประสานไปกับการร่วมใจกันร้องของคนในงาน ต่อด้วย Flower และจบด้วย Slide and Roll จบโชว์ของวงกันอย่างเต็มอิ่มพร้อมกับการเร่งความสนุกในงานให้ขึ้นไปอีกขั้น

มาคูลดาวน์กันก่อนหนึ่งสเต็ปด้วยวง Rootsman Creation วงเร็กเก้สายดั้งเดิมที่ผสมริฟฟ์กีตาร์แนวร็อกเข้าไปทำให้เกิดรสชาติทางหูอันแปลกใหม่ เปิดตัวด้วย Rootsman เรียกแขกให้ครื้นเครงไปกับเสียงเพลงเร็กเก้ และเริ่มเร่งเครื่องความเข้มข้นให้ในงานเริ่มดำดิ่งกับจังหวะอันน่าดื่มด่ำของเบส ด้วย Mr.Dubman, ป่าคอนกรีต, สติ, เดิน และ รักคือรัก คนดูในงานนี่ถือว่าโยกตามจังหวะเพลงไปอย่างน่ารัก สำหรับเราที่เพิ่งได้ฟังวงนี้ครั้งแรกเช่นกันรู้สึกว่านี่เป็นวงสายเร็กเก้อีกหนึ่งวงที่น่าจับตามองด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและหนักแน่น และด้วยความเป็นร็อกเร็กเก้ทำให้ดูมีอะไรที่น่าติดตามอีกเยอะเลย

เป็นอีกวงที่เรารอคอยกับการแสดงสดของพวกเขา Abstraction XL ที่ไม่เคยหยุดดีเดือด บ้าคลั่ง และสำแดงความอัดอั้น กับแนวเพลง stoner rock กันอีกครั้ง เริ่มกันแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงด้วยการเล่นเพลงที่เราจดจำ No GPS ทำให้เราได้แหกปากระบายอารมณ์และความขุ่นข้องไปกับพวกเขาอีกครั้ง, ลาลับ ที่เหมือนเป็นเพลงธีมของวงนี้ไปแล้ว เพราะร้องทีไร ทุกคนจะต้องท่องบทสวด ‘กุสลา ธมฺมา’ พร้อมกันดังลั่น, มองออกไป ซึ่งเป็นเพลงปลดปล่อยความเหนื่อยที่ผ่านมาได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง เพราะเราน่าจะอินไปกับเพลงนี้เรียบร้อยแล้ว พอจบแล้วมือเบสที่แสนดุดันและเกรี้ยวกราดก็บอกว่า เดี๋ยวเราจะเล่นเป็นเพลงสุดท้ายแล้วนะ เพราะเราจะหลีกทางให้กับวงสุดท้ายของพวกเรา และพวกเขาก็เล่นแบบอิมโพรไวส์เหมือนรีดเค้นความโกรธเกรี้ยวออกจากร่างกาย พี่เบิร์ดมือกีตาร์ก็กระโดดเทระเนระนาดไปทางกลองจนล้มกันไปหมด เรียกได้ว่าเห็นความสนุกสนานและพลังงานที่ทะลักทะล้นส่งต่อมาให้คนดูก่อนที่จะไปดูวงสุดท้ายกัน

วงสุดท้ายนี่ถือว่าเป็นไฮไลต์ประจำงาน และเป็นไฮไลต์สำหรับเราเหมือนกัน สำหรับวง Sunrise, Moon Bright หน้าใหม่แต่ฝีมือไม่ใหม่ ที่ได้พี่โต้งวง Goose กลับมาเป็นฟรอนต์แมนอีกครั้ง ถือว่าเป็นการคัมแบ็กที่ทุกคนรอคอยกันอย่างมาก ครั้งนี้พวกเขาขนเพลงใหม่มากันทั้งหมด ยังดีที่มีการทิ้งคำใบ้เป็นลิสต์เพลงไว้ในเพจเฟซบุ๊คของทางวงเอง หลังจากที่ได้ดูเราขอพูดโดยรวมเพื่อให้ทุกคนรอสัมผัสประสบการณ์แบบสด ๆ บอกเลยว่าพวกเขามาแน่ ๆ ซาวด์กีตาร์แบบ shoegaze, post-rock, psychedelic rock ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความเกรี้ยวกราด และการปลดปล่อย เพลงเพื่อนในจินตนาการที่เป็นเพลงโปรโมตเพลงแรก ภาคดนตรีนี่ได้กลิ่นอายวง Goose กลับมามาก ๆ ด้วยความดิบและความ แต่อารมณ์นั้นมีความสว่างมากกว่า ฟังแล้วถ้าไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เคลื่อนไหวร่างกายไปกับเพลงนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าใจแข็งมากๆ และอีกเพลงนึงที่ปิดท้ายคือเพลง ครู ที่ได้พี่ต้อมจากวง วิมุตติ ขึ้นมาร่วมสำแดงกีตาร์ด้วย ขอบอกว่านี่คืออีกหนึ่งเพลงไฮไลต์ของวงนี้ ต้องดู ย้ำเลยว่าต้องดู เป็นเพลงที่ค่อย ๆ ไต่ระดับความพีคขึ้นสู่จุดสูงสุด และยิ่งพอได้พี่ต้อมเข้ามาช่วยเสริมยิ่งทำให้เพลงนี้เหมือนทิ้งเราไว้บนดวงดาวและไม่มีวันกลับมา จบโชว์ด้วยความเต็มอิ่มเหมือนโดนหมัดน็อคเอาท์นับสิบไม่ฟื้นยาว ถ้าใครยังอยากดูพวกเขา Sunrise, Moon Bright พวกเขาจะเล่นอีกรอบวันที่ 18 ที่ De Commune ทองหล่อนี้นะ เซ็ตลิสท์เดิม จัดหนักจัดเต็มกันแน่นอน

เป็นการจบค่ำคืนที่มันสนุกสุดเหวี่ยง ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ที่เหมือนทำให้เราได้กลับมาเปิดโลกของการฟังเพลงในไทยอีกครั้ง ว่ายังมีอีกหลายวงที่เหมือนเพชรในตม คมในฝัก จากหลายแนวดนตรีที่รอให้มีใครค้นพบพวกเขาอยู่ ซึ่งเรามั่นใจว่ายังมีอีกเยอะแน่นอน นี่ว่ากลับไปจะไปฟังเพลงของวงที่เรายังไม่ได้ฟังทั้งหมดนี่เลย รอติดตามกันต่อไปเลยว่า Nitt Press จะจัด Nitt Fest อีกทีเมื่อไหร่ และจะมีวงอะไรอีกบ้าง บอกเลยว่าทุกวงดนตรีที่เขาคัดมา ล้วนแต่มีคุณภาพและคัดสรรมาอย่างดีแน่นอน นอน นอน นอน….

Facebook Comments

Next:


Nattawoot Nimitchaikosol

นักอยากทำหนัง นอกจากชอบดูหนังประหลาด ชอบฟังเพลงไปทั่ว ล่าสุดชอบ BNK 48 และ เคยากิซากะ 46