Neon Lights 2016
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Montipa Virojpan
หลังจากที่ Neon Lights ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วสร้างความประทับใจให้เราแบบสุด ๆ ในปีที่ 2 เราก็เลยตัดสินใจที่จะไปแบบไม่ลังเล
แรกสุดเลยคือพองานประกาศขายบัตร รุ่นพี่เราถึงกับทักมาหาเพราะบัตรสองวันมันมีโปรซื้อ 6 คนแต่จ่ายในราคา 5 คน ก็ตกแล้วประมาณสี่พันกว่าบาท (ราคาวันเดียวสามพัน สองวันห้าพัน) แล้วช่วงนั้นปล่อยไลน์อัพมาแค่ Sigur Ros กับ Foals ได้ดูสองวงนี้ ราคานี้ก็คุ้มแล้วอ้ะ เราก็เอาดิครับ จากนั้นก็เฝ้ารอมาหลายเดือนจนไลน์อัพออกครบ แม้ว่าจะดึงดูดใจน้อยกว่าปีแรกแต่ก็อยากเอาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นอยู่ดี
เวลาผ่านไปหลายเดือน สิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน เริ่มที่วันแรกของเฟสติวัล ตัดภาพมาที่น้องอิ๊กแต่งตัวเสร็จกำลังจะก้าวขาออกจากโฮสเทล ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสองกว่าที่งานก็มีบางวงเล่นไปบ้างแล้ว แต่ฝนก็เทลงมาอย่างไม่ปรานีทำให้แผนที่วางไว้ก็พังครืน คือทีแรกกะจะออกเวลานั้นแล้วก็จะได้ดู Chairlift กับ Lucy Rose แบบพอดิบพอดี (อ้อ นี่อดดู Lucy Rose ที่บ้านเราจ้าเพราะกะไปดูที่สิงคโปร์ แล้วเป็นไงล่ะ ฮือ) ถามว่า ทำไมไม่กางร่มออกไปล่ะ คุณคะ คือที่งานเขามีกฎว่าห้ามเอาร่มเข้าไป คือใครเอาไปจะโดนให้ทิ้งไว้หน้างานหมดเลย แล้วผลของมันเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวช่วงท้ายจะมาเล่า ดังนั้นอิ๊กกับแฟนก็เลยต้องรอจนฝนซานิดนึงแล้วไปตามหาซื้อเสื้อฝนเอาตามห้าง คือก็ได้เบาะแสมาว่าให้ไปแวะซื้อที่วัตสัน แต่เวรกรรมก็หาวัตสันไม่เจอไง เสียเวลาเดินวนในห้างอยู่นาน จนมาเจอในร้านขายของ mega store แบบ ตัวละ 7.50 SGD (ในขณะที่คนอื่นซื้อได้แค่ 1-2 SGD เท่านั้น) แต่จุดนี้โนแคร์โนสนล้าวววว ต้องไปงานล้าววววววว
พอเรามาถึง Fort Canning สถานที่จัดงานก็เป็นเวลาประมาณห้าโมงครึ่ง เราเจอกับสต๊าฟที่ติดต่อกันก่อนมางานพอดี นางบอกว่า Chairlift เพิ่งจบไปเองเธอ แล้วยังเห็นจากสเตตัสของพี่เอม Slur ว่าเล่นดีงามพระรามสี่มาก แม้แต่เน็ตไอดอลเจ้าถิ่นอย่าง Cherie Ko (Tomgirl, Bored Spies) ยังมายืนยันกับตัวว่าถึงจะได้ดูแค่แปปเดียวแต่ Chairlift สวดยวด โดนทุกคนทำร้ายรัว ๆ ส่วน Lucy Rose เป็นไงน่ะเหรอ full band ค่ะซิส น้องอิ๊กนี่แทบทรุดเบยค่ะ แต่ช่างปะไร มาช้ายังดีกว่าไม่มาเด้ออออ
ระหว่างนั้นเองที่เป็นช่วงเปลี่ยนวง เราก็เดินสำรวจงานแบบเปียก ๆ ในเสื้อฝนโง่ที่ซื้อมา จริง ๆ ก็ไม่ค่อยโง่นะ พลาสติกอย่างหนาแต่เนื้อเบา มีพื้นที่ให้ใส่สัมภาระ แค่พอเทียบกับราคาเลยรู้สึกว่าแพงไปหน่อย (ที่โง่เนี่ยคือคนซื้อ แล้วสุดท้ายก็ได้ใช้แค่วันเดียวเพราะอีกวันฝนไม่ตก ฮือ) กลับเข้าเรื่องค่ะ สำหรับบรรยากาศในงานปีนี้อุ่นหนาฝาคั่งมาก ๆ ขนาดฝนตก มนุษย์ Neon Lights ก็สู้ไม่หวั่น เต้นในเสื้อกันฝนกลางสายฝนไปกับวงตอนนี้ที่กำลังเล่นอยู่อย่าง Gentle Bones ยังไม่ค่อยโดนเราเท่าไหร่ ทำให้เดินต่อไปสำรวจจุดต่าง ๆ ในงาน ปีนี้มีกิจกรรมที่คนดูได้ participate มากขึ้นนะ อย่างซุ้มทำมงกุฎดอกไม้ ซุ้มเพนท์หน้า ของที่ระลึกก็มีขายเยอะกว่าปีแรก แต่ราคาแพงยับไม่ต้องพูดถึงฮะ ส่วน performing arts หรือเวทียิบย่อยก็ยังคึกคักตามเดิม มี street art ทั่วบริเวณ กับอีกสิ่งที่เด็ดเลยคือ ‘Silent Disco’ เขาจะมีโซนให้เราไปยืนเต้นใส่หูฟังแบบในหนัง ‘The Lobster’ ยังไงยังงั้นเลย ส่วนอาหารก็มีให้เลือกละลานตา ปีนี้พวกเมนู local เยอะเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ให้กับเบอร์เกอร์ร้าน ‘The Lab’ ที่ใครกินก็บอกว่าฟินทุกราย
จนเวลาหกโมงที่เราควรจะมาดูวงเล่นเป็นชิ้นเป็นอันสักที ที่เวทีเล็กหรือ Fort Gate เจ้ Shura ก็ขึ้นเล่นพอดี ปีที่แล้วเวทีนี้มีปัญหาที่ว่าซาวด์พังมาก ยิ่งตอน The Pains of Being Pure at Heart เล่นต้องบอกเลยว่าเละ เสียดาย performance เขาสุด ๆ ซึ่งปีนี้ทีมงานก็แก้ตัวได้เป็นอย่างดีค่ะ ซาวด์ดีงามน่าประทับใจ ยืนตรงไหนก็เวิร์ก แล้วต้องบอกว่า Shura พลังล้นมาก แค่เพลงแรกก็แผลงฤทธิ์ละ บ้าบอ เล่นทั้ง What’s It Gonna Be?, What Happened To Us และเพลงฮิตอย่าง 2Shy กับ Touch ก็มา
จากนั้นเราก็รีบจ้ำอ้าวไปที่เวทีใหญ่หรือ Fort Green เพื่อดู Foals วงที่เคยจะมาเล่นบ้านเราแต่แคนเซิลไปซะก่อน จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร บอกเลยค่ะว่างานนี้คุ้มค่าการรอคอยมาก ๆ แต่แอบคิดว่าจัดวงมาเล่นเวลานี้ก็พลาดนิดนึง เพราะ energy ของเฮียยานนิสและผองเพื่อนมันล้น คลั่ง บ้ามาก ๆ น่าจับไปเป็นวงปิดมากกว่า ซึ่งเพลงที่พวกเขาหยิบมาเล่นก็มีทั้ง Snake Oil, Olympic Airways, My Number, Cassius แล้วบรรยากาศตอนนี้สนุกมาก แม้เราจะไม่ใช่แฟนตัวยงของ Foals แต่การได้ฟังวงนี้เล่นสดกลับทำให้เราชอบไปเลย ฮ่า ๆ เพราะอะไรหรอ อย่างแรกเลยคือซาวด์เวทีดีมาก แล้วก็วงเซอร์วิสคนดูมาก คนดูเองก็ให้ความร่วมมือดีกระโดดแรง เต้นแรง สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นชายหนุ่มกลัดมัน เลือดร้อนพุ่งพล่านพากันไปยืนออหน้าเวที แบบแค่เป็นทำนองเปล่า ๆ ไม่มีเนื้อร้องยังแหกปากตาม ทุกเพลงมีคนร้องได้ มันทำให้โชว์นี้สนุกสัส ๆ จนเรายกให้เป็นที่สุดของเฟสติวัลเลย
จากนั้นก็ต่อด้วย Spanish Sahara เฮียแกว่าว่านี่จะเป็นโชว์ท้าย ๆ แล้วนะก่อนที่จะพักทัวร์ ดังนั้นความหวังที่จะมาจอดไทยช่วงนี้คงไม่มี แล้วก็เล่นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นแล้วอย่าง Red Socks Pugie ต่อด้วย Providence, Late Night, A Knife In the Ocean, Mountain at My Gates เชื่อมั้ยว่าเดือดจัดแบบ จบ Inhaler คือคนดูอังกอร์ทันที พี่แกก็ไม่ปล่อยให้รอนาน จัด What Went Down กับ Two Steps, Twice ให้แบบรัวกลองไม่ยั้ง แน่นมาก กราบ กลัวแล้วววว (เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ดู SBTRKT แต่จุดนี้ต้องดู Foals ล่ะ เพราะอีกฝั่งเขาเล่น DJ set)
แล้วเราก็วิ่งกลับมาเวทีเล็กเพื่อดู Crystal Castle ได้ยินชาวแก๊งพูดกันว่าเขาเปลี่ยนนักร้อง ลีลาบ้าคลั่งเด็ดสะระตี่มาก แต่แอบช็อกนิดนึงว่า เฮ่ย ที่เคยฟังมันไม่เดือด trance, rave, EDM เบอร์นี้ บางเพลงฟังได้ บางเพลงคือเหวอไปเลย คงปรับตามเมมเบอร์ใหม่แหละ แต่ก็อยากเต้นเหมือนกันนะ แค่ Foals ทำเอาหมดแรงไปแล้ว บวกกับพื้นที่เป็นดินเฉอะแฉะจากฝนที่เทลงมาทำให้ต้องใช้แรงในการทรงตัวมากเป็นพิเศษร่างเลยพังไวพอจบโชว์เลยกะเผลกกลับไปเวทีใหญ่จะรอดู Neon Indian ซ้ำ แต่มี 2ManyDJs เล่นอยู่ เป็นดีเจลุคกวน ๆ สองคนที่เราไม่เคยรู้จักพวกเขามาก่อน แล้วความจริงก็เป็นคนกวนแบบที่เห็น เล่นเอาเพลงดัง ๆ ทั้ง You Should Be Dancing ของ Bee Gees หรือ Let It Happen ของ Tame Impala และ Blue Monday ของ New Order มามิกซ์ใหม่แถมมีวิชวลตัดต่อสมาชิกวงของเพลงออริจินัลมายืนโยกหัวจนคนดูวิชวลต้องโยกตาม นึกภาพ Bee Gees, Gun N’ Roses อะไรงี้เป็นภาพนิ่งแต่ทำให้เหมือนโยกหัวดิ อย่างเกรียน สนุกมาก ประทับใจ
เข้าถึงช่วงสุดท้ายของงาน ที่ Neon Indian กำลังจะขึ้น แต่ใช้เวลาเซ็ตนานมากกกกก ตอนนี้เองเรารู้สึกว่าร่างไม่ไหวแล้วจริง ๆ เพราะวันก่อนก็นอนน้อยและป่วยอยู่ พอขึ้นเล่นได้ไม่กี่เพลงก็เลยขอแยกตัวกลับก่อน และแอบรู้สึกว่าเพลงแนวนี้เล่นที่ปิดมันเวิร์คกว่าเล่นเอาท์ดอร์จริง ๆ นะ ที่ไทยดีมากกกก
จบไปแล้วสำหรับวันแรก นอนเอาแรงได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นมาไฝว้กันต่อในวันที่สอง คราวนี้เราตัดสินใจกันแล้วว่าต้องไปงานเร็วหน่อย จะไม่ยอมพลาดอะไรอีกแล้ว คราวนี้พอถึงงาน สภาพพื้นดินยังแฉะไม่หาย รองเท้านี่ลืมไปได้เลยค่ะ ตอนหลังเราขอถุงจากร้านเบอเกอร์มาใส่เก็บไปเลย ฮ่า ๆ ความพีคอีกอย่างของดินที่นอกจากจะเละแล้วยังส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงด้วย (แต่นี่ไม่ได้กลิ่นเพราะเป็นหวัด ฟังจากที่ทุกคนบอกมา ถือเป็นบุญ) ในเมื่อเราไม่ได้เดือดร้อนอะไรจากประสาทสัมผัสนี้ สิ่งแรกที่ทำคือพุ่งไปกดเตกิล่าเลยค่า ถึงจะแพงหูฉี่ 4 token (10 SGD) เราก็ยอม จุดนี้ต้องเร่งให้เครื่องติดไวกันหน่อย เพราะวงแรกที่จะไปมันกันก็คือ BADBADNOTGOOD
ชาวแก๊งพากันไปจับจองโซนกลางเพื่อมันไปกับพวกเขา วงแจ๊สฮอปสุดเก๋ที่ตีกลองหนักชิบหาย แล้วเหมือนพี่ ๆ แกจะเมากันไปแล้วด้วย บิ๊วคนดูจังเลยเนี่ย เอะอะก็จะให้โดด คืออยากโดดมาก แต่พื้นมันเป็นเนิน และเป็นโคลน จุดนี้ถ้าโดดคงล้มหัวฟาด เลยเต้นให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะรู้สึกเป็นบุญหูมากที่ได้ฟังวงนี้ซักทีหลังจากงมอยู่ใน YouTube มานาน พอเล่นจบเราก็พุ่งไปตรงโซน Club Minky จะซื้อมงกุฎดอกไม้สดมาใส่บ้าง เห็นสาว ๆ หลายคนใส่แล้วน่ารักดี พอไปถึงก็พบว่า เจ้านี่แบบธรรมดา 10 SGD แบบที่ใช้ดอกใหญ่ 15 SGD ส่วนเข็มกลัดอันเล็กก็ 5 SGD อืมมม ราคาไม่เบา และต้องอึ้งอีกที่ว่า อ้าว! สรุปกูต้องทำเองหรอ โอเค งั้นเอาแบบธรรมดาละกัน แต่จะใช้ดอกไม้เยอะ ๆ ให้มันคุ้มสิบดอลซะเลย
ระหว่างที่ทำอยู่นั้น ข้างหลังเรามันคือ Club Minky ที่ที่จะมีโชว์พิเศษ การแสดง มายากล เดี่ยวไมโครโฟนอะไรต่าง ๆ จะมาอยู่ตรงนี้ ที่กำลังแสดงอยู่คือคณะ Abandoman คือเขาจะให้ผู้ชมขึ้นมาบนเวที เล่าเรื่องอะไรก็ได้ แล้วเขาจะเอาเรื่องนั้นมาแร็ปต่อกัน อย่างเขาเรียกผู้หญิงคนนึงมาเล่าเรื่องตัวเอง ชอบกินอะไร ชอบทำอะไร ก็เอามาแต่งเรื่องเลอะเทอะ ตลกมาก หรือเด็กอีกคนเป็นเหมือนประธานาธิบดีที่ใส่ชุด ‘Dr. Strange’ เป็นคอสตูมประจำตัว อะไรอย่างนี้ จำเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่ขนาดเสียงลอยมาไกล ๆ เรายังขำเลย
เวลาผ่านไปนานพอสมควร จากที่แฟนแยกไปซื้อเบอร์เกอร์ ต่อคิวยาว จนกินเสร็จแล้ว เรายังทำมงกุฎไม่เสร็จเลยจนนางมาตาม ฮ่า ๆ แต่พอเสร็จแล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะฮะ สกิล florist ง่อย ๆ ของน้อง จ้างได้นะอิอิ
จบจากตรงนั้นก็เป็นสเต็ปนรก คือต้องวิ่งขาขวิดเพราะว่าที่อยากดูเล่นชนกันเยอะมาก เริ่มที่ George Clinton & Parliament Funkadelic ที่เล่นเวทีใหญ่ใกล้กับ Club Minly ที่สุด เพลงแรกนี่ก็สนุกแล้ว โอ้โห ตำนานอะ คณะฟังก์ ดิสโก้ ฮิปฮอปอย่างใหญ่ โชว์ครบวงจร แดนเซอร์ คอรัส แรปเปอร์มาหมด เท่มากแม้ลุงจะรุ่นใหญ่แล้วก็ตามยังทำเอาเด็ก ๆ อย่างเราดิ้นได้ไม่มีเบื่อ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เอามันแค่ครึ่งโชว์ เพราะต้องวิ่งกลับไปเวทีเล็กเพื่อดู The Tallest Man on Earth ที่โชว์สกิลกีตาร์อัลเทอร์เนทิฟโฟล์กเมพ ๆ ให้เราเคลิ้มไปพักนึง ก็ต้องวิ่งกลับมาเวทีใหญ่เพื่อดูพี่เดฟ Blood Orange ที่เราพลาดโชว์ที่ไทยเนื่องจากเที่ยวบินนรกแตกมาก ชนกับโชว์พอดีจ้า แต่การได้มาดูที่นี่ก็ไม่ได้เต็ม setlist ขนาดนั้นเพราะเหมือนพี่แกเซตช้า ก่อนเล่นเรารอกันนานมาก พอเล่นจริงก็แปปเดียวเพราะเหมือนโดนตัดโชว์ แต่บอกเลยว่าประทับใจโคตรรรรร ไม่เสียแรงที่รอดูเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลีลาเต้นของพี่เดฟขณะเล่นกีตาร์ไปด้วยก็ทวิสต์ขาเท่มาก นักร้องสาวสกินเฮดสุดเท่ แต่เสียงหวานมากประทับใจก็ร้องคู่กับพี่เดฟซะเราเคลิ้มเลย วิชวลข้างหลังก็สวยงามมาก เป็นเซ็ตย่านต่าง ๆ ในนิวยอร์ก สะพานแมนฮัตตันไรงี้ โหย ความ urban เก๋สุด
เพลงที่เล่นก็มี Augustine, Better Than Me, You’re Not Good Enough ซึ่งมีชาวแก๊งเราบางคนที่ทีแรกไม่อินจากการฟัง audio แต่พอได้ดูสดก็ยอมใจพี่เดฟของเรากันถ้วนหน้า ต่อกันที่ Best to You, E.V.P, It Is What It Is และ Bad Girls เพลงโปรดของชั้ลลล งดงามละมุนหูมากมาย แค่นึกถึงก็ขนลุกแล้ว กีตาร์โซโล่พระเจ้าสร้างมาก แต่ก็นั่นล่ะ โชว์จบไวจนน่าใจหาย หรือเขาเล่นครบเซ็ตแล้ววะ ยังค้างอยู่เลย แง
แต่ด้วยการที่ Blood Orange จบไวกว่าที่คิด เลยทำให้เราเดินไปเวทีเล็กเพื่อดู 65daysofstatic ได้ทันเวลา แบบ เล่นไปพักนึงแล้วแต่ยังไม่จบ ได้ฟังอยู่สี่ห้าเพลงก็ประทับใจแล้ว เป็นวงที่เปิดฟังก่อนไปงานได้แปปนึงก็คิดว่าน่าสนใจ instrumental, post-rock เท่ ๆ อีกวงที่ควรค่าแก่การรับชมรับฟัง สัดส่วนอะไรเท่ ๆ หลายเพลงเลย แฟนเราบอกว่าเขาเป็นคนทำเพลงประกอบเกม ‘No Man’s Sky’ เป็นเกมที่โดนด่าเยอะ ๆ แต่เพลงดีมากนะ ฮ่า ๆ ปล. ชอบรีแอคของสายโพสต์ร็อก คือเวลาถึงท่อนที่แกรนด์ ๆ ก็จะมีอาการมือไม้ออกชาบูศาสดาอะไรก็ว่าไปแบบพี่คนนี้
แล้วพอจบก็เป็น Jose Gonzalez ซึ่งแต่แรกเราไม่ได้อินกับพี่แกนะ แต่พอได้ดูโชว์เท่านั้นแหละ เวทีถูกเซตแบคกราวด์ให้เป็นเหมือนลายปักรูปภูเขาดูน่ารัก เล่นแสงสีสร้างบรรยากาศเข้ากับเพลงของพี่แกเหลือเกิน ไม่ใช่โฟล์กแบบที่ชวนหลับ แต่มีรายละเอียดน่าสนใจอยู่หลายสิ่งอย่างมาก ที่สุดเลยคือเพลง Teardrop ของ Massive Attack ในเวอร์ชัน re-arrange เป็นไซคีเดลิกโฟล์กแบบไม่เหลือเค้าเดิม เท่มาก ย้วยนวลมาก ประทับจายยยย
จบจากพี่โฮเซ่ที่เล่นปิดเวทีเล็ก เราก็รีบวิ่งไปแย่งชิงที่กับประชาชีทุกคนที่มุ่งหน้าไปเวทีใหญ่เพื่อดูเฮดไลน์อย่าง Sigur Ros ปรากฎพอเดินไปถึงครึ่งทาง มันเป็นเขาที่มองลงไปจะเห็นเวที เชื่อมั้ยว่าคนออกันตั้งแต่โซนบันได ซึ่งอยู่เป็นโซนหลัง ๆ ของเวทีแล้วอะ แบบ โอ้โห ไม่ไฝว้ก็ได้จ้า ซึ่งขอบอกเลยว่า วงนี้เขาเทพเจ้าจริง ๆ อะ เด็กสายโพสต์ร็อกเก่าแก่ยังไงก็ต้องโดนให้ได้ พอโดนเข้าไปแล้วเป็นไงคะ หื้มมมมม พลัง ทั้งวิชวล ไลท์ติ้ง เพลงนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สามคน เอาอยู่ จากใจคนที่ไม่อินชุดแรก ๆ แต่มาดูประกอบกับได้ฟังเพลงชุดใหม่ที่มีซาวด์อิเล็กทรอนิกมากขึ้น มีความเดือดขึ้น โอ้โห ยอมใจแล้วฮะ ดีงามตามท้องเรื่องไม่ผิดหวัง ตอนจบงาน ทีมงานจัดก็มีการชวนคนดูที่ยังอยู่ชนแก้วเป็นอันเสร็จพิธี หลาย ๆ คนก็มองหาน้ำเปล่ามาล้างเท้าและรองเท้าเพราะโคลนที่เน่าแสนเน่า ส่วนร่วมที่เล่าไว้ตอนต้นน่ะหรอ มีคนเดินช็อปร่มที่คนลืมทิ้งไว้หน้างานติดไม้ติดมือกลับไปด้วยเลยยังไงล่ะ
สรุปภาพงานโดยรวมทั้งสองวันสำหรับ Neon Lights 2016 ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่สองของงาน หลังจากฟี้ดแบ็กปีแรกที่ดีมากเลยทำให้ปีนี้มีประชากรนักฟังชาวไทยมาโผล่เยอะขึ้นมาก ไปไหนก็เจอคนหน้าคุ้น ก็อบอุ่นดี มีเพื่อนโดดไปด้วยกันตอน Foals คือที่สุดแล้ว ฮ่า ๆ กับอีกอย่างที่ชอบจริง ๆ เลยคือมันเป็นงานที่ artist friendly มาก เปิดโอกาสให้ศิลปินแขนงต่าง ๆ มาแสดงผลงานกันแบบไม่จำกัดแนว แล้วก็ยังเป็น family outing ที่ดีมากเพราะเราเห็นหลาย ๆ คนพาลูกเล็ก ๆ มาฟังดนตรี มีห้องสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อม ครบครันจริง ๆ
แล้วหลังจากจบงาน เขามี after party ให้ไปต่อด้วย แบบพวกโชว์ wristband แล้วจะได้เข้าพวกผับที่ต้องเสียเงินได้แบบฟรี ๆ หรืออาจจะได้ส่วนลดในนั้น ก็ต้องยอมใจคนที่ยังมีแรงไปต่ออะนะ ส่วนเรื่องเหล้าเบียร์ที่แพงอยู่แล้วนั้น ปีนี้ยิ่งแพงขึ้นค่ะ เพราะเขาได้เบียร์ช้างขวัญใจชาวไทยไปเป็นสปอนเซอร์ คิดราคาตามนะ อยู่ไทยกระป๋องเดียวสามสิบกว่าบาท ที่สิงคโปร์ใช้ 3 token (7.50 SGD) โอ้ย ตาลาย น้องอิ๊กเลยกดเหล้าแทนรัว ๆ แถมปีที่แล้วมี ginger beer ที่อร่อยมาก แต่ปีนี้ไม่มี ล้องห้าย อะไรอื่น ๆ ก็โอเค ระบบเสียงดีขึ้น กิจกรรมเยอะขึ้นอย่างที่บอก และถ้าคนที่ไม่ติดขัดเรื่องความเละเทะ ลุยฝนลุยโคลนก็แฮปปี้ดี
สุดท้ายแล้วจริง ๆ ถ้าถามว่าจะกลับไปอีกไหม คงต้องขอดูไลน์อัพก่อนล่ะ ส่วน Laneway ก็อยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะเฟสติวัลเพื่อนบ้านอย่าง Clockenflap ก็น่าโดนอยู่ไม่ใช่น้อย ราคาพอกัน แต่ไลน์อัพมีสิทธิที่จะโหดกว่าอยู่สูงมาก ไว้เดี๋ยวมีความคืบหน้าอะไรจะไม่ลืมแจ้งข่าวแน่นอน แต่ถ้าใครอยากไปลองสัมผัสประสบการณ์ Neon Lights ก็เชิญได้เลย ไม่มีอะไรน่าผิดหวัง แต่แอบสังเกตการจัดไลน์อัพ/คิวเล่นของแต่ละเวทีมาสองปีจะมีความคล้ายกันสูง เป็นยังไงลองหาตารางไลน์อัพปีที่แล้วกับปีนี้ดูแล้วจะเข้าใจ ส่วนระเห็ดเตร็ดเตร่รอบหน้าเราจะไปมันกันต่อที่ไหน รอติดตามกันนะ