‘ระเห็ด เตร็ดเตร่’ NEON INDIAN Live in Bangkok by Have You Heard?
- Writer: Fungjai Staff
26 พฤศจิกายน 2558
ทีมงาน ฟังใจ ได้ไปบุกปาร์ตี้ที่จัดขึ้นโดยแก๊ง Have You Heard? เจ้าเก่า ซึ่งคราวนี้พวกเธอขนทีมงานไปเนรมิต Live RCA ให้กลายเป็นแดนซ์ฟลอร์กลิ่นอาย 80s กับแสงไฟวิบวับสีสันฉูดฉาดละลานตา ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ได้รับโอกาสพิเศษที่ได้เข้าไปพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับ Alan Palomo หรือที่เรารู้จักเขาในนาม Neon Indian กันก่อนเริ่มการแสดง มาดูกันว่าเขาจะพูดถึงงานในอัลบั้มใหม่อย่าง VEGA Intl. Night School ว่าอย่างไร และเขาเตรียมโชว์พิเศษอะไรมาให้แฟน ๆ ชาวไทยกันบ้าง
ตอนเดินเข้ามาในห้องพักศิลปิน เราเจออลันกับสมาชิกวงของเขากำลังโซ้ยข้าวกะเพราไก่อย่างเอร็ดอร่อย พอเขาเห็นเราเข้ามาก็รีบผายมือเชิญให้นั่งด้วยท่าทีที่เป็นกันเองแบบสุด ๆ หลังจากแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อยก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบถามสิ่งที่เราสงสัยกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า
ช่วยแนะนำ Neon Indian ให้คนที่เคยฟังเพลงของคุณเป็นครั้งแรกหน่อย
ผมว่ามันยากที่จะอธิบายถึงตัวตนของวงเพราะผมคลุกคลีอยู่กับเพลงที่ทำมาก แต่สิ่งที่ผมชอบในการทำเพลงคือ มันเป็นศาสตร์ที่มหัศจรรย์และลึกซึ้งอย่างหนึ่งที่จะสร้างขึ้นมา อะไรก็ตามที่คุณถ่ายทอดออกไปมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณมากนัก แต่มันก็คือมุมมองส่วนตัวมาก ๆ ของคนคนหนึ่ง ซึ่งมันยากเวลาที่จะอธิบายถึงตัวตนของคุณเองให้คนอื่นได้เข้าใจ ถ้าให้ผมอธิบายเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับตัวผม ก็คงจะเป็นชายชาวเม็กซิกันอเมริกันอายุ 27 ปี ที่กำลังอาศัยอยู่ในนิวยอร์ค แล้วผมก็ได้ซึมซับเพลงอิเล็กทรอนิคมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แล้วก็กำลังว้าวุ่นกับการพยายามหัดใช้กล้องตอนเรียนภาควิชาภาพยนตร์ ทีนี้ถ้าอธิบายถึงวงของผมมันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก dance music หลายยุคหลายสมัย แต่ผมก็พยายามจะทำมันออกมาในแบบของตัวเอง ส่วนอัลบั้มนี้มันจะเป็นการถ่ายทอดชีวิตของผมในรูปแบบที่ค่อนข้างโลดโผน หรือสิ่งที่ผมพบเจอในนิวยอร์คช่วงปีที่ผ่านมา มันจะมีความเป็นดิสโก้ เทคโนผสมอยู่
เพลงของคุณแตกต่างจาก electronic pop, chillwave ของคนอื่น ๆ ยังไง
ไม่รู้สิ ตอนผมทำเพลงผมก็ไม่ได้เปรียบเทียบกับงานของคนอื่นนะ ก็ยากที่จะอธิบายแหละ
เริ่มทำเพลงได้ไง
บางเพลงที่ผมทำก็ตั้งใจจะให้มีคอนเซปต์ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เกิดจากการต้องการความแปลกใหม่หรือลองเล่นเครื่องดนตรีที่ผมไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับมันนัก เหมือนพอลองเล่นแล้วก็พบว่ามันทำให้ผมประหลาดใจมากกับเสียงที่ได้จากการเล่นเครื่องพวกนี้ มันเหมือนเวลาไปนั่งที่เปียโนแล้วก็นึกได้ว่า เออ มันมีอะไรเต็มไปหมดในหัวก็เขียนใส่มันลงไปในกระดาษ แต่พอเวลาผ่านไปความท้าทายของการทำอัลบั้มนี้ก็เปลี่ยนคือผมต้องไม่ทำให้เสียงซินธ์หรือองค์ประกอบอื่น ๆ มันเป็นแบบอัลบั้มก่อน ๆ แล้ว การทำเพลงของผมอาจเป็นภาษาที่ผมต้องสื่อสารออกไป แต่ผมไม่ค่อยใส่ใจกับเครื่องดนตรีที่ใช้แล้ว กลายเป็นผมมาเน้นที่การเรียบเรียงดนตรีนั้น ๆ มากกว่า
ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงมาจากไหน
อัลบั้มนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังตั้งแต่ผมเรียนที่มหาลัยแล้ว คือจริง ๆ แล้วผมมีความสงสัยว่าผู้กำกับแต่ละคน เวลาที่ทำหนังเกี่ยวกับนิวยอร์คมันก็จะออกมาต่างกัน และทำไมเขาเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาแบบนั้น อย่างหนังของผู้กำกับหลาย ๆ คนที่เลือกจะถ่ายทำในนิวยอร์คอย่าง Bad Lieutenant หรือหนังหลาย ๆ เรื่องของ Martin Scorsese เช่น After Hours, The King of Comedy แล้วผมก็อยากจะสร้างภาพใหม่ให้กับนิวยอร์คว่ามันควรจะมีลักษณะเป็นยังไงเมื่อห้าปีที่แล้ว ซึ่งถ้าผมไม่สามารถถ่ายทอดมันผ่านภาพยนตร์ได้ผมก็คงจะเล่าเรื่องผ่านเพลงเนี่ยแหละ
อะไรในนิวยอร์คที่ทำให้คุณหลงใหล
มันเป็นที่ที่ผมอาศัยน่ะ แล้วก็ผมมีแนวคิดที่จะให้ VEGA Intl. Night Schoolโดยให้ Night School เนี่ยเป็นการเปรียบเทียบ เหมือนว่าบรูคลินมันกำลังกลายเป็นเมืองของการปลูกถ่าย ในที่นี้แปลว่าผู้คนเริ่มรู้สึกว่าว่าเมืองนี้มันเป็นเมืองคนติสท์ เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ คนที่ออกมาจากไฮสคูล ออกมาจากมหาวิทยาลัย ไม่อยู่ในกรอบ แล้วรู้ว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไง แล้วมันมีบรรยากาศของการใช้ชีวิตกลางคืนที่ชัดมาก ๆ คุณอาจจะมองพวกเขาว่าเป็นคนที่ดูไม่ค่อยดีทั้งที่มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเป็น แต่แล้วทำไมผู้คนยังคงทำตัวแบบนั้นอยู่ อย่างเมากัญชา เมาเหล้า หรือมีเซ็กซ์ มันเหมือนเป็นเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจที่ใช้เล่าเรื่องในอัลบั้มชุดนี้
จริงหรือเปล่าที่แฟนเก่าของคุณเป็นคนตั้งชื่อ Neon Indian
ใช่ ผมมีวงแรกตอนไฮสคูลชื่อ Girls Hasler แล้วแฟนเก่าของผมก็เหมือนจะตอบโต้แบบขำ ๆ กับชื่อนี้ด้วยการทำวงของเธอเองชื่อ Neon Indianเนี่ยแหละ แต่ไม่มีเพื่อนของเธอคนไหนที่เล่นดนตรีได้เลย เขาก็เลยมีแค่หน้า MySpace แล้วก็ทิ้งให้มันโล่ง ๆ อย่างนั้นอยู่หลายปี ผมก็เข้าไปดูในเพจนั้นแล้วผมคิดว่ามันควรจะมีเพลงสักที จนกระทั่งผมเขียนเพลง Should Have Taken Acid with You ที่เป็นเพลงแรกของ Neon Indian ผมเขียนมาขอโทษเธอว่าเราควรจะได้คบกันต่อนะ มันคือการคิดถึงตอนที่พวกเราใช้ acid ด้วยกัน ซึ่งช่วงเวลาตอนนั้นมันมีค่ากับชีวิตผมมากนะ
รู้สึกยังไงที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นวงหน้าใหม่ที่ดีที่สุดจาก Pitchfork, Spin และ Rolling Stone
ตอนนั้นมันดูใหม่และเกินจริงมากสำหรับผม ตอนนั้นยังอายุประมาณ 21-22 เองมั้ง แล้วมันเปลี่ยนชีวิตผมเลย งานล่าสุดที่ผมทำก่อนจะมาทำ Neon Indian คือการล้างจานและทำอาหารในร้านบูริโต้กาก ๆ ในเท็กซัส ในช่วงที่ผมรอสมัครเข้าเรียนภาพยนตร์ในออสติน แล้วการมาทำวงนี้มันทำให้ผมได้เจออะไรที่ดีกว่านั้นมาก ๆ เหมือนฝันเลย
แล้วตอนเรียนจบไม่อยากทำงานทางภาพยนตร์บ้างหรอ
ผมยังอยากเป็นผู้กำกับอยู่นะ
ใครเป็นผู้กำกับคนโปรดของคุณคือใคร และหนังเรื่องโปรดของคุณคือเรื่องอะไร
ผู้กำกับหนังอเมริกันร่วมสมัยที่ผมชอบคือ Paul Thomas Anderson ที่กำกับ Magnolia, There Will Be Blood ผมว่าเขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมาก ๆ คนนึงเลยนะ ชอบตั้งแต่เข้ามหาลัยแรก ๆ แล้ว แต่จะให้บอกว่าชอบหนังเรื่องอะไรที่สุดคำตอบมันก็คงจะเหมือนเวลาถามว่าชอบฟังเพลงไหนที่สุดแหละครับ คือมันมีหนังหลายเรื่องมากที่ผมชอบ Missing, The Vanishing, The Blue Velvet, Fallen Angels ของหว่องการ์ไว Tokyo Drifter น่าจะประมาณนี้ครับ
นี่เป็นครั้งแรกที่มากรุงเทพ ฯ ใช่ไหม
ใช่ครับ
คาดหวังจะให้โชว์ในคืนนี้เป็นยังไง
ก็อยากให้มันออกมาดีและทุกคนมีความสุขกับโชว์ของผม เพราะว่างานที่เราจัดมันอยู่ที่คลับที่ทุกคนควรจะได้เต้นกันสนุก ๆ ผมก็พยายามจะทำมันออกมาให้ดีให้ทุกคนมาสนุกกัน
แล้วเราจะได้เจออะไรในโชว์ของคุณ มีเซอร์ไพรส์ไหม
ทุกคนคงจะเมากันมั้ง (หัวเราะ) คุณน่าจะได้ยินอะไรที่สดกว่า น่าตื่นเต้นกว่าที่เคยฟังจากในแผ่นนะครับ อ้อ แล้วพวกคุณก็จะได้เห็นสเตปเต้นแย่ ๆ ของผมบนเวทีด้วย (หัวเราะ)
อะไรในกรุงเทพ ฯ ที่ทำให้คุณประทับใจ
อย่างแรกเลยก็ skyline ครับ พวกตึกระฟ้ากับแสงไฟนี่สวยเอามาก ๆ งานสถาปัตยกรรมก็สวย แล้วผมก็ชอบอาหารด้วย เมื่อกี้ผมกินข้าวกะเพราไก่กัน ชอบอะไรเผ็ด ๆ น่ะ เมื่อวานผมกินปากเป็ดทอดด้วยนะ มันแปลกมาก แล้วผมมาลอง ๆ คิดนะ ความตลกคือตอนเราไปเมืองจีน เราจะจินตนาการรสชาติแบบที่เราเคยได้กินในไชน่าทาวน์ในนิวยอร์ค แต่พอเราไปกินจริง ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เหมือนที่ไทย เรากินผัดไทยที่นี่กับที่อเมริกานี่มันคนละเรื่องเลย ที่นู่นใส่เนื้อวัวด้วยนะ แล้วไหนจะอาหารเม็กซิกันอีก ผมเจอเขาใสบร็อคโคลีในบูริโต้ ผมก็แบบว่า คนพวกนี้ทำอะไรกับอาหารเม็กซิกันของผมเนี่ย นั่นแหละ อเมริกันนี่เป็นประเทศที่แย่ในการสร้างสรรค์ภาพจำใหม่ จะเรียกว่าช่างคิดค้นนะ มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีอะไรแท้จริงหรือดั้งเดิมเลย
แล้วได้เจอรถติดในกรุงเทพ ฯ หรือยัง
เรียบร้อย ตอนนั้นติดแหงกอยู่ชั่วโมงครึ่ง รถค่อย ๆ ขยับไปทีละนิด ๆ อารมณ์ประมาณอยู่ลอสแอนเจลิส ผมก็เคยสงสัยนะว่าที่ไหนคือที่ที่รถติดมากที่สุดในโลก อาจจะที่จาการ์ตาใช่มั้ย เพราะเขามีมอเตอร์ไซค์เยอะมาก แล้วมันไม่มีเลนเฉพาะ มันก็เลยเหมือนว่าทุกอย่างค่อย ๆ เคลื่อนไป
เมื่อวานเป็นวันลอยกระทง ได้ไปลอยมั้ย
แน่นอน ผมไปนะ แต่ว่าฝนมันตกลงมาตอนที่เราพยายามจะจุดธูปเทียนพอดี แล้วพอจะลอยนี่ แปปเดียวมันก็จมเพราะฝนตก แต่ความจริงมันสวยมากนะ จริง ๆ ผมควรจะมาลอยกระทง ไม่ได้มาจมกระทง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันจมเองนะ ฟ้าฝนมันไม่เป็นใจ
เคยได้ฟังเพลงไทยบ้างไหม
เคย ๆ ตอนนั้นผมฟังพวก mixtape เพลงยุค 60s 70s 80s แล้วผมไปเจอวงนึง น่าจะคาราบาว เพลงเขาเจ๋งมากเลยนะ ผมชอบ
ถ้าจะแนะนำเพลงให้คนที่ไม่เคยฟัง Neon Indian มาก่อนลองฟัง เพลงนั้นจะเป็นเพลงอะไร
ถ้าใครไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยคงจะเป็น Polish Girl เพราะมันง่ายสุดแล้วที่คุณจะลองมาทำความรู้จัก แต่ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ผมจะให้ลองฟัง Dear Skorpio Magazine
ฝากอะไรกับแฟนเพลงของคุณหน่อยไหม
มีหลายประโยคภาษาไทยที่ผมจำจะมาพูดนะ แต่ตอนนี้ผมลืมหมดแล้ว เอาเป็นว่า ผมหวังว่าพวกคุณจะมีความสุขกับสิ่งที่ผมเตรียมมาให้ดูกันบนเวทีในคืนนี้ครับ… เดี๋ยว ๆ ผมขอเปลี่ยนคำตอบ คือวันนี้ผมไปกินข้าวแล้วก็เห็นพนักงานเสริฟใส่เสื้อที่เขียนว่า “If I can’t make you smile, then I have failed” (ถ้าผมทำให้คุณยิ้มไม่ได้งั้นก็แปลว่าผมคงเป็นคนที่ล้มเหลว)
เมื่อคุยกับอลันจนได้คำตอบครบแล้วก็ให้เขาได้เตรียมตัวขึ้นแสดง พวกเราเดินออกมาสำรวจบริเวณหน้างานก็เห็นกิมมิคน่ารัก ๆ อย่างไอศกรีมผลไม้ที่ทำเป็นรูปหน้าอลันและป้าย VEGA Intl. Night School แบบบนปกอัลบั้ม มีทั้งรสสตรอเบอร์รี ลิ้นจี่ บลูฮาวาย เราโดนรสลิ้นจี่มาแล้ว อร่อยมาก ๆ ไม่นานนักเราก็ได้เข้าไปดูโชว์แรกจาก DCNXTR ที่ยังคงท็อปฟอร์มเหมือนเดิม โดยขนเพลงจากอัลบั้ม CONNEXT ทั้ง P./Again, DARK(ER) Knight, ECHO และอีกมากมาเล่นในงานนี้
แล้วก็ได้ให้เวลาคนดูออกมาพักหายใจหายคอก่อนกลับไปดิ้นกันต่อกับ Neon Indian ที่แม้พื้นที่ด้านในจะไม่ค่อยอำนวยด้วยความที่เป็นคลับที่แท้จริง แบบ คลั๊บ คลับ ทำให้คนดูชั้นสองเต้นกันลำบาก คนที่มองไม่เห็นก็ต้องช่วยเหลือตัวเองโดยการปีนป่ายขึ้นชานที่ยื่นออกไปด้านหน้าเวที หรือปีนโซฟาก็ตามที ตอนเต้นนี่ยากไปหมดเพราะเบาะยวบยาบแถมเมาอีกไง ส่วนชั้นล่างก็ดีดดิ้นกันใช้ได้ ความพีคคือทันทีที่อลันออกมา วิญญาณความเป็น entertainer มืออาชีพเปล่งประกายเจิดจรัสบนเวทีพอ ๆ กับไฟที่ยิงกันแบบไม่เกรงใจจากทีม AUTOSAVE คือบอกเลยว่าไม่เมาเหล้าก็เมาไฟ ไฟดีมาก ๆ สร้างบรรยากาศให้งานได้ดีเลยแหละ กลับมาที่อลัน ที่เล่นเพลงจากทั้งอัลบั้มเก่าและชุดล่าสุดมาทำให้ไนท์คลับแห่งนี้ร้อนระอุ ไม่ว่าจะเป็น Dear Skorpio Magazine, Annie, The Glitzy Hive, Slumlord, Deadbeat Summer หรือ Polish Girl ที่คนดูร้องตามกันอย่างสนุกสนาน ถึงระบบเสียงจะไม่เอื้อบ้างในบางช่วงของโชว์ แต่ต้องชื่นชมมือคีย์บอร์ดกับมือเบสที่อะไรจะเก่งกาจขนาดนั้นอ้ะ ตาอลันเองก็ลีลาการเต้นไม่เบา บิลด์คนดูให้เต้นตามได้อย่างไม่เคอะเขิน แบบเราดูนี่อยากจะเต้นตามแต่สกิลไม่อำนวยจริง ๆ ขากับเอวพี่เขาสุดสวิงริงโก้มากจ้า
สำหรับงานนี้คงบอกได้คำเดียวว่าฟินกันไปตาม ๆ กัน และเร็ว ๆ นี้ Have You Heard? ก็จะมีงาน Perfume Genius จัดที่เดียวกันกับงาน ‘ฟังใจลอย’ของเรา ส่วนงานหน้า ๆ HYH? จะชวนใครมาเล่นอีกก็ไปติดตามกันได้ที่ fanpage หลักของพวกเธอได้ และสำหรับระเห็ดเตร็ดเตร่งานหน้าเดี๋ยวเราจะมารีวิวเทศกาลดนตรี Neon Lights ที่อุตส่าห์บินไกลไปดูถึงสิงคโปร์กับ line up สุดโหดที่คันปากอยากเล่าจริง ๆ ไม่นานเกินรอ