Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับวงรุ่นเก๋าอย่าง Mr. Big Live in Bangkok 2018

  • Writer: Phongpatch Thanattrai
  • Photographer: PMG

12 มิถุนายน 2561

เย็นวันอังคารที่รถโครตจะติด หลาย ๆ คนคงอยากกลับบ้านไปพักผ่อน แต่เพื่อหนึ่งในแรงบันดาลใจในวัยเด็กที่ทำให้เราฝึกฝนดนตรีอย่างจริงจัง เราไม่ขอพลาดคอนเสิร์ตวงรุ่นเก๋าอย่าง Mr.Big Live in Bangkok 2018 เราเคยมีโอกาสได้ไปดู Mr.Big ครั้งแรกเมื่อปี 2009 เป็นสมัยที่เราพึ่งเริ่มเล่นดนตรีใหม่ ๆ แล้ว Paul Gilbert กับ Billy Sheehan นี่แหละ ที่ทำให้เราอยากซ้อมฝึกฝนฝีมืออย่างจริงจัง เวลาผ่านมา 9 ปีแล้วจากวันนั้น เราก็อยากกลับไปดึงบรรยากาศเก่า ๆ และพลังวันรุ่นกลับมาอีกครั้ง ไปกันเลยดีกว่า

เราไปถึงงานประมาณ 19.40 น. คนหน้าฮอลล์เริ่มแน่นหนา เราได้เจอชาว old school rock และศิลปินรุ่นใหญ่มากมายยืนแลกเปลี่ยนความคิดกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่ต้น Dezember, พี่ปู Blackhead, พี่บอย Lomosonic, พี่ตี๋ พี่หมู Sweet Mullet หรือแม้แต่พี่ตูน Bodyslam ก็ยังขอมาร่วมเสพความเก๋าครั้งนี้

เวลา 20.30 น. ตรง เพลงคลอเริ่มค่อย ๆ เบาลง ผู้คนเริ่มส่งเสียงเฮกันอย่างตื่นเต้น ว่าแล้วไปก็ดับลงไปประมาณนาทีนึงได้ เสียงดนตรี แสง สี เสียงได้ถูกจุดขึ้นพร้อมกันเหมือนพลุในวันลอยกระทงกับเพลงแรก Daddy, Brother, Lover, Little Boy ไม่ได้เจอกันมา 9 ปี เราสังเกตได้ว่าแต่ละคนก็มีความเหี่ยวย่นลงไปเยอะเหมือนกัน ฮ่า แต่ฝีมือของป๋า ๆ ไม่ได้ลดลงไปเลย เปิดมาเพลงแรกป๋า Gilbert กับ Sheehan ก็ได้โชว์การใช้สว่านโซโล่ซะแล้ว เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนดนตรีกันไป ต่อกันด้วยเพลงชวนโยกอีกสองเพลงอย่าง Undertow และ Alive and Kickin’

พามาถึงช่วงพักหูกับบ้าง ป๋า Eric Martin ฟรอนต์แมนของเราได้กล่าวว่าจะพาทุกคนย้อนกลับไปยังปี 1992 ว่าแล้วเสียง  harmonic guitar ของ Paul Gilbert ก็ได้บรรเลงขึ้นเข้าสู่เพลง Just Take My Heart ซึ่งคนดูก็ให้ความร่วมมือร้องตามกันอย่างดี ต่อกันที่เพลงหนักแน่นอย่าง Take Cover และ Green Tinted Sixties Mind เอกลักษณ์น่าจดจำของเพลงนี้คือไลน์ tapping intro ของ Paul Gilbert นั่นเอง ต่อเนื่องไปกับ Everybody Needs A Little Trouble เสียงผู้ชมเริ่มเฮดังขึ้นมากเรื่อย จนตอนจบเพลง Martin จึงต้องของเช็กเรตติ้งกันหน่อย โดยขอเสียงผู้ชายกับผู้หญิงสลับกัน จากที่เรายืนอยู่กลางฮอลนั้น สัมผัสได้ว่า เสียงผู้ชายน่าจะดังกว่าประมาณ 5 เท่าได้ ขนาดสมาชิกวงยังพากันเงิบเอามือกุมขมับกันไปตาม ๆ กัน ประมาณว่า นี่กูมาจัดคอนเสิร์ตที่ไหนก็มีแต่ผู้ชายไปดูหรอวะ ฮ่า ๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยริฟฟ์ที่หนักแน่นของเพลง Price You Gotta Pay ได้เริ่มบรรเลงขึ้น ในเพลงนี้เรารู้สึกเดจาวูมาก ภาพ Eric Martin ที่เดินอ้อมหลังไปเล่นเบสให้ Billy Sheehan ในขณะที่ป๋าแฮนโซโล่ยังคงติดตาจาก 9 ปีที่แล้ว แล้วก็กลับมาอีกในครั้งนี้ เหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยตัวเองบ้า guitar hero อีกรอบเลยแหละ

Mr Big

และแล้วสิ่งที่มือกีตาร์ฮีโร่หลายคนรอคอยก็มาถึงเมื่อ Paul Gilbert ได้อยู่ในสปอตไลต์และฉายเดี่ยวสักที แกงัดทุกเทคนิคที่เราเคยฝึกสมัยเด็กออกมาหมด ไม่ว่าจะเป็น speed picking, harmonic, tapping แถมยังมี back to black แถมมาติ่งนึงด้วย โซโล่เพลินจนไม่รู้ว่านานขนาดไหน Matt Starr ก็ได้วิ่งมาจากหลังเวทีเพื่อหวดกลองขึ้นเพลง Open Your Eyes ได้อย่างต่อเนื่อง มาถึงช่วงอะคูสติกกันบ้าง ทั้ง Paul Gilbert และ Erik Martin ต่างผลัดกันมาสะพายกีตาร์โปร่ง สะพายไม่ถึง 5 วิป๋า Paul ก็ปั่นกีตาร์โปร่งโชว์ซะงั้น ทุกคนในวงมองแบบ….. มึงเป็นอะไรมากมั้ย ฮ่า ๆ จนฟรอนต์แมนของเราต้องบอกว่า “I have taught him everything I have” แหม่ลุง แก่กันขนาดนี้แล้วยังมาเกทับกันอีก งานนี้ลุงๆแกก็ขอเล่นเพลงคัฟเวอร์ซักเพลงจาก Cat Stevens นั่นก็คือเพลง Wild World คนไทยหลาย ๆ คนก็พากันฟินและร้องตามได้เป็นอย่างดี ต่อกันด้วยเพลงที่มีทำนองออกโฟล์กหน่อยอย่าง Damn I’m in Love Again และ Promise Her the Moon ช้ากันมามากพอละ ป๋า Eric ก็ได้ถามว่า มีชาว old school อยู่แถวนี้มั้ยยยย เราไปมันกับ rock’n roll กันต่อดีกว่า ว่าแล้วก็มาถึงเพลง Rock & Roll Over และ Around the World เพลงนี้ประทับใจเป็นพิเศษตรงท่องโซโล่ที่ทั้ง Gilbert และ Sheehan ได้โชว์การ tapping unison ที่โครตจะฟิน

ทั้งวงได้ลงจากเวทีไป เหลือเพียงแต่ Billy Sheehan มือเบส 100 วงของเรา แต่ไม่ว่าเค้าจะเล่นให้วงไหน การโซโล่ของเขาก็ยังคงเป็นที่จดจำอยู่เสมอ กับการที่ใช้ทั้ง 4 นิ้วปั่นลงไปบนเบส Yamaha ของเขา tapping, sweeping คือ…. เล่นจนเรารู้สึกว่า นี่ลุงจำเป็นต้องเก่งขนาดนี้มั้ย ฮือ ผู้คนต่างพากันอึ้งกับฝีมือของลุงแก ไม่ทันตั้งตัว เสียงกลองก็ได้ดังขึ้นอีกรอบพร้อมกับเพลง Addicted to That Rush เพลงที่ทางวงได้เล่นโต้ตอบกับคนดูในท่อนฮุกอย่างต่อเนื่อง ในเพลงนี้เราได้เห็นถึงความเก๋าของลุง ๆ แกจริง ๆ ที่พาผู้ชมตั้งแต่รุ่นเราจนถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่เราสนุกไปกับเพลงได้ขนาดนี้ มาถึงช่วงท้าย ๆ ของงานแล้ว ทางวงได้หยิบเพลงสุดฮิตอย่าง To Be With You มาตอบสนองความต้องการแฟน ๆ ในช่วงนี้นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนพากันฟินแตกกันไปตาม ๆ กัน และปิดท้ายคอนเสิร์ตกับเพลงสุดหนักหน่วงกระหน่ำสองกระเดื่องอย่าง Colorado Bulldog หลังคอนเสิร์ตจบ ป๋า Billy Sheehan ได้ออกมาพูด ‘ขอบคุณครับ’ พร้อมกับลาคนดูทุกคนด้วยการไหว้ ทำเอาแฟน ๆ แถวหน้าหลับฝันดีไปหลายคืน

สำหรับเรา วงยุค guitar hero อย่าง Mr. Big เป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีหลายคนที่กลายเป็นศิลปินในปัจจุบัน ในวันนี้โลกได้เดินทางมาไกลมาก ดนตรีได้มีการพัฒนาไปในหลาย ๆ ทาง น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นวง 3 ชิ้นที่มีฝีมือระดับตำนานมาเล่น เราไม่แปลกใจที่เห็นนักดนตรียุคนี้ต่างพากันมาชื่นชมศิลปินระดับตำนานวงนี้ เพราะหากไม่มี old school เป็นรากฐาน ดนตรีคงไม่อาจเดินทางมาไกลถึงทุกวันนี้ ยังไงก็อยากให้ทุกคนฝึกฝนดนตรีเหมือนที่เคยได้รับแรงบันดาลใจจากวงเหล่านี้ แต่ก็อย่าหยุดที่จะเรียนรู้และตามโลกใบนี้ให้ทันนะจ๊ะ ^^

Facebook Comments

Next: