MELA Clubnacht กว่า 12 ชั่วโมงกับเพลงเต้นรำและแสงไฟที่ชุบชีวิตให้มีชีวาอีกครั้ง
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chucheewa Cheepchol
30 มิถุนายน 2561
จากที่เราเคยมาบอกข่าวว่าเร็ว ๆ นี้จะมีปาร์ตี้ MELA Clubnacht ฉลอง 5 ขวบปีของกลุ่มดีเจดนตรีอิเล็กทรอนิกนามว่า MELA จัดขึ้นที่ De Commune โดยจะลากยาวตั้งแต่บ่ายสามโมงไปจนถึงตีหนึ่ง เราก็คิดว่าคงจะดีถ้าได้ลองเอาตัวเองเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ที่ว่านั้นจริง ๆ มันซะเลย อีกใจก็เกิดป๊อดขึ้นมาว่าร่างโทรม ๆ ที่ถูกใช้ไปกับปาร์ตี้ คอนเสิร์ต และดูบอลนัดหยุดโลกมาก่อนหน้านี้หลายคืน จะอยู่ยงถึงจบงานมั้ยนะ.. เอ้า ไม่ลองไม่รู้ มา!!!
แต่แล้วพอถึงวันงานจริงเราก็ไม่สามารถไปถึงงานได้ตั้งแต่บ่ายสามเพราะมีธุระปะปังต้องไปจัดการ แถมก่อนหน้านั้นเขามีงาน Norm Market ที่ ดาดฟ้า เวนิวใหม่แถวลาซาลซอย 33 ที่จะมีทั้งตลาดนัดของทำมือ eco friendly อาหารเครื่องดื่มต่าง ๆ ออแกนิก เราก็แว้บไปช็อปปิ้งและดูวง Game of Sounds เขาซักหน่อย ก่อนจะดิ่งกลับมาที่ทองหล่อ
เรามาถึงที่งานประมาณทุ่มครึ่ง มีการเล่นวิชวลไลท์ติ้งกันตั้งแต่ตรงหน้างานบริเวณที่ขายบัตรแล้ว ซึ่งตอนแรกเราก็ตกใจนิดนึงที่เห็นเขามีกล้วยวางไว้หลายหวีมาก แล้วก็ถึงบางอ้อเพราะนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่มีของกิน เขาเอากล้วยมาให้แกยังชีพเผื่อเต้น ๆ ไปแล้วหิว หมดแรงไรงี้ เวิร์ลมากครับ ปรบมือ
พอเดินเข้าไปในห้อง ตอนนั้นเป็นเวลาที่ดีเจ Fishmonger กำลังเล่นอยู่ และถึงคนที่มางานจะไม่ค่อยเยอะมากแต่สังเกตได้ว่าไม่มีใครยืนนิ่งสักคน ทุกคนเต้นกันไม่หยุด และความคาดหวังว่างานในคืนนี้ต้องสนุกมากแน่ ๆ ก็เกิดขึ้นกับเรา เมื่อดูโอ้ดีเจจากภูเก็ตเริ่มเปลี่ยนบีตเต้นรำเทคโนสนุก ๆ มีความเรโทรเล็ก ๆ ให้มีความหนักหน่วง ไปจนถึงวิชวลของ S C R V I D สุดละลานตาถูกยิงขึ้นไปบนผ้าบางที่ขึงตึงเป็นเลเยอร์ซ้อนกันหลายชั้นจนมองเห็นเป็นภาพลวงตาสามมิติ ส่วนงานของ Zih Siou ศิลปินจากไต้หวันจะมีความเท่และมินิมัลกว่า ก็ดีคนละแบบนะ แต่ต้องบอกว่านี่เป็นอีกสิ่งที่ดีที่สุดในงานนี้เลย แบบ เฮ้ย คิดได้ไง มันเท่และเพลินมากเวลาเต้นไป ฟังเพลงไป ตาก็ดูอะไรหลอน ๆ ทะลุมิติข้างบนไปด้วย แล้วจะมีคนดูบางคนที่ชูมือขึ้นไปให้แสงจากโปรเจกเตอร์ส่องผ่านมือของพวกเขา
จากนั้นก็เป็นคิวของ Krit Morton ที่ขึ้นมาเปิดต่อกันเลย เราได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาคนนี้มาพักนึงแล้วในฐานะผู้ร่วมก่อนตั้ง MELA และดีเจที่มีฝีมืออีกคนนึง แต่ไม่เคยฟังเขาเปิดเพลงสักที แล้วก็ได้พบว่าเพลงดีปเฮาส์ หรือเทคโน เทคเฮาส์ที่เลือกมาเปิดในครั้งนี้มีความวาไรตี้สูง คือเต้นได้เพลิน ๆ ฟังสบายย่อยง่าย แต่มีความลุ่มลึกเท่ ๆ อยู่ ซึ่งก็จะมีบางเพลงที่ทำเหวออยู่เหมือนกัน อย่างบีตที่สัดส่วนเพลงไม่เท่ากันสักห้อง แบบ จะเต้นยังไงวะ หรือบางเพลงที่บีตหนักแต่จังหวะดันคล้ายเสียงฆ้องโหม่ง เสียงกลองยาวขบวนแห่อะไรแบบนั้น ไอ้ทีมเต้นเรื้อนอย่างเราก็รำวงกันเลยครับ ณ จุดนี้ แต่ที่เด็ดคือการเชื่อมจากเพลงนึงสู่อีกเพลงของเขามันทำให้ความวาไรตี้นั้นดูมีอะไรขึ้นมาสุด ๆ สนุกมากไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยสังขารไม่ค่อยสมประดีเลยทำให้ต้องออกมาพักหายใจหายคอข้างนอกกันพักนึง
และทันทีที่เราได้ยินเสียงเบสหนัก ๆ ก็รู้เลยว่า Kova O Sarin หรือ กร วง Fwends มารับไม้ต่อจากพี่กฤษแล้วแน่ ๆ ในบรรดาดีเจ MELA น่าจะเป็นกรเนี่ยแหละที่เรามีโอกาสได้ดูอยู่บ่อย ๆ กับอีกคนคือ Jirus และ DOTT ซึ่งสิ่งที่ได้ฟังที่เขาเปิดที่ BEAM เรียกได้ว่าที่งานนี้โหดกว่ามาก ที่ Studio Lam งานนึงก็ว่าเดือดแล้วแต่ยังไม่เคยเจอลิสต์เดือดขนาดนี้ เหมือนไปเก็บกดมาจากไหนแล้วอยากปล่อยทุกอย่างที่อยากสื่อสารออกมาจนหมดเม็ด ปกติก็เป็นเทคโนมินิมัลเท่ ๆ เต้นเพลิน ๆ มีลูกบิ๊วให้ระดับความสนุกไต่ขึ้นทีละนิด ๆ ไม่รีบร้อน ซึ่งต่างจากอันนี้โดยสิ้นเชิงที่เป็นเทคโนที่หนักหน่วงจนช่วงแรก ๆ คิดว่า จะเหนื่อยเกินจนเต้นไม่ไหวปะวะ แต่ปรากฏว่า เฮ้ย พลังกูกลับมาแล้ว มาได้ไง ซึ่งเพลงมันก็ยังหนักอยู่อย่างนั้นแหละ และเหมือนยิ่งหนักขึ้น ๆ แค่ด้วยบีตที่เอามาเชื่อมเพลงต่อเพลงมันส่งกันจริง ๆ มีเสียงเฮเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ เมื่อการเปลี่ยนบีตนั้นร้ายกาจเอาเรื่อง นี่ก็เต้นจนจบแบบไม่เหนื่อยเลย แถมจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยซ้ำ โยกยับเลยครับ
แก๊งนี้ไม่ปล่อยให้ความร้อนระอุลดลงไปแม้แต่น้อย ส่ง Jirus ดีเจตัวจี๊ดที่เข้ามาสวมรอยกรได้อย่างแนบเนียน เพลงที่พวกเขาเลือกมามีความคล้ายกันแค่ในช่วงแรกของเซ็ต แต่พอมิวเล่น ๆ ไปก็พบว่าบีตมันมีความชัดกว่า เต้นง่ายกว่า แต่ความสนุกมันยังอยู่ ณ ตอนนี้เพื่อนร่วมชะตาของเราก็เมาปลิ้นไปแล้ว แต่มันยังฟื้นมาเต้นได้ต่อประหนึ่งนกฟินิกซ์ไม่มีวันตาย และยังถ่ายรูปมาประกอบบทความนี้ให้ได้ด้วย ขอบคุณมากค่า ซึ่งเรารู้สึกว่า selection ของเขาเป็นเหมือนโลกขั้วตรงข้ามของดีเจคนก่อนหน้า คือเพลงกรจะดาร์ก ๆ เท่ ๆ ไปเลย แต่ของมิวจะดูมีสีสันเต้นมัน ๆ ราวกับว่าเพลงที่พวกเขาเลือกมามันอาจจะบอกรสนิยมและ personalities ได้จริง ๆ ข้อสังเกตอย่างนึงคือดีเจกลุ่มนี้ไม่ค่อยเปิดเพลงเอาใจคนฟังเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ไม่ซื่อสัตย์กับความชอบของตัวเอง เรียกว่าบาลานซ์ demand กับ supply ได้อย่างลงตัวก็ไม่ผิด
มีจังหวะนึงที่เราเหลือบดูนาฬิกา ไม่ใช่ว่าไม่สนุกหรือเบื่อง่วง แต่เพียงเพราะอยากรู้ว่าปาร์ตี้ดำเนินไปถึงช่วงไหนแล้วเพราะมันสนุกจนลืมเวลาเนี่ยแหละ ปรากฏว่ามันตีสองเข้าไปแล้วครับ เอ้า ไหนว่าจบตีหนึ่ง แล้วจบจากมิวปาร์ตี้ก็ยังไม่จบนะครับ พี่กฤษกับกรกลับมาเปิดกันต่อ แต่คราวนี้เหมือนเป็นผลัดกันเปิด ไม่แน่ใจว่าเรียกว่า b2b หรือเปล่า และเพลงช่วงนี้คือเป็นอะไรที่ลงตัวสุด ๆ เหมาะกับจะเป็นบทสรุปของค่ำคืนที่เพลงก็ไม่ได้หนักไป เบาไป สนุกทั้งเซ็ต แล้วเราก็สังเกตตัวเองว่าเต้นหนักมากในช่วงนี้ คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน เรามองไปรอบ ๆ แล้วเห็นพี่น้องเทคโนเดินเข้าไปกอดกัน ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่หลาย ๆ คนที่ทำแบบนี้ เป็นภาพที่เห็นแล้วก็ต้องเผลอยิ้มออกมา คือมันเป็นวัฒนธรรมโบร ๆ ที่ไม่ค่อยเห็นที่ไหน แล้วรู้สึกได้ว่าทุกคนมีความสุขกันจริง ๆ แต่แล้วเราก็ต้องเหวออีกครั้งเมื่อบีตเพลงที่คุ้นเคยแทรกตัวเข้ามาในเพลงก่อนหน้า นั่นคือ Rain Gurl ของ Yaeji ศิลปินอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่กำลังมาแรงสุด ๆ และนี่คือเพลงโปรดของเรา กรี๊ดแตกไปเลยค่า เซอร์ไพรส์มาก จนเต้นไปเรื่อย ๆ เวลาประมาณตีสามก็เห็นว่าไฟเฮาส์เปิดขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าใกล้หมดเวลาความสนุกนี้แล้ว เพลงสุดท้ายของพวกเขาเราต้องใช้คำว่า ‘สวยงาม’ เลยแหละ คือมันให้ความรู้สึกเหมือนเช้าที่พระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นผ่านกลีบเมฆ มีบรรยากาศด้านบวกที่เติมพลังให้กับเราอย่างแท้จริง เมื่อเพลงค่อย ๆ เฟดลง ฝูงชนตบมือโห่ร้องให้กับผลงานที่ทุกคนสร้างขึ้นในค่ำคืนนี้ แม้เราจะพลาดโชว์ของ Jakkawan, Munta Morton และ Elaheh แต่เราเชื่อว่า selection ของพวกเขาต้องดีไม่แพ้คนอื่น ๆ อย่างแน่นอน
สารภาพว่าเราเคยเป็นคนที่ไม่เก็ตเพลงอิเล็กทรอนิกหรือไปปาร์ตี้ดนตรีเทคโน ดีปเฮาส์ มาก่อน จำได้ว่าตอนนั้นไปงาน Ultra Singapore กับเมย์, กร วง Fwends ปั้น Jelly Rocket ลำพังในงานพี่ก็ไม่เก็ตเพลง EDM อยู่แล้ว ไปยืนโยก ๆ ในเวทีเล็กที่เขาเปิดแต่ดีปเฮาส์หรือ IDM เพราะช่วงนั้นก็มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักเพลงประมาณนี้มานิดนึงแล้วเหมือนกัน ก็คือจำได้ว่าคืนนั้นเมย์กับกรชวนไปคลับเทคโนที่นึงที่มี after party แต่ ณ เวลานั้นยังไม่ค่อยมีคน พอไปถึงแล้วก็ไปยืนงง ดูเขาเปิดเพลงวน ๆ แล้วก็ร้องไห้ออกมา ฮ่า ๆๆ แบบ กูมาทำไรวะเนี่ยยยย แต่พอตอนหลังก็ลองพยายามทำความเข้าใจมัน เพื่อน ๆ ก็ลองส่งเพลงตาม mixcloud มาให้ฟัง วันไหนที่ว่างตรงกับแก๊ง MELA หรือ More Rice เปิดก็จะแวะไปฟังเนี่ยแหละ
แต่จากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ MELA Clubnacht แล้วก็ต้องบอกว่า นี่เป็นงานเทคโนเต็มรูปแบบที่จุดไฟให้เราได้จริง ๆ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกัน ดีใจที่ได้พาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนมีความสุขและมอบความสุขให้กันและกันตลอดทั้งคืน