งานดนตรีที่สุขใจผู้ใหญ่ ถูกใจผู้รับ กับ ลงขัน มิวสิกเฟส 2 : The Power of the Fan
- Story and photos by Montipa Virojpan
21 กรกฎาคม 2561
ไหนใครได้ไปหย่อนเงินให้ศิลปินที่ชื่นชอบกันที่งาน ลงขันมิวสิกเฟส 2 เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาบ้าง นี่คืองานดนตรีที่เป็นการช่วยเสริมสร้างสังคมดนตรีเล็ก ๆ ของเราให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรงขึ้น จากการผลักดันแนวคิด ‘คอนเสิร์ตเข้าฟรี แต่ถ้ารู้สึกดี ต้องหย่อนตัง’ เหมือนจะบอกกลาย ๆ ว่า ถ้าเราไม่สนับสนุนศิลปิน แล้วเขาจะมีกำลังใจผลิตผลงานต่อไปได้ยังไง ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วนะ หลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากครั้งแรกที่จัดใน Acmen เอกมัย ส่วนในปีนี้ก็เขยิบมาที่ The Link มักกะสัน ที่แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวแค่ไหน แต่ก็มีผู้ชมใจดีตบเท้ามาดูวงแรกกันตั้งแต่บ่ายสองเลยล่ะ
ตอนที่เราเดินเข้ามาในงานก็ได้เจอกับโต๊ะลงทะเบียนกันก่อนเลย พอเรากรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อยก็จะได้ไหมพรมมาผูกข้อมือว่าอายุถึงเกณฑ์ซื้อเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์ได้หรือเปล่าน้า จากนั้นก็สแกน QR code แอด official account ของงานไว้เป็นเพื่อน เพื่อจะได้รับข่าวสารอัพเดตตลอดเวลาที่งานกำลังดำเนินไป พอผ่านจุดลงทะเบียนมาแล้ว รอบ ๆ งานก็มีกิจกรรมให้ไปร่วมสนุกเยอะมาก ทั้งบูธวาดภาพโดยน้อง ๆ จากโรงเรียนติวศิลปะ ลงสีเซรามิกจาก T-La-Bai พร้อมเผาให้ด้วย แต่งหน้าแฟนซี accessories น่ารัก ๆ บูธจากร้านน้องท่าพระจันทร์ หรือจากค่ายเพลง อย่างที่เห็น ๆ ก็คือ Muzik Move ที่มีซีดีและของที่ระลึกของศิลปินมาจำหน่าย กับ Tomato Love Records ที่มี ‘เทพเจ้ามะเขือเทศ’ มาเป็นลูกกลมโตแดงแจ๋เลยครับ พร้อมติดทองคำเปลวสามแหมะ และมีกระบอกเซียมซีให้เสี่ยงโชคเพื่อลุ้นรับเทปคาสเซ็ต ‘เพียงขอพ่อก็ให้’ หรือ compilation album ที่มีเพลงของศิลปินจากค่ายวงละสองเพลงให้กลับบ้านไปฟังเพลิน ๆ ด้วยนะ หรือถ้าใครเสี่ยงไม่ได้เทปก็จะได้สแกน QR code เพลงที่เหมาะกับท่านในวันนี้ไปฟังแทน ค่ายนี้เขาไม่ได้กิมมิกเยอะแค่กับเพลง แต่การมาออกบูธของเขาก็ลูกเล่นเยอะด้วย สนุกมากเด้อ
ได้เวลามาโฟกัสที่วงดนตรีกันบ้าง อันที่จริงตอนที่เรามาถึงงาน วงโฟล์กสามชิ้นจากจันทบุรีกำลังเล่นเพลงแรกกันอยู่ พวกเขาคือ Scootslande เป็นวงที่ต้องสารภาพว่าไม่เคยฟังหรือดูสดที่ไหนมาก่อน แต่พอได้ฟังเพลงของพวกเขาที่มีความออแกนิกสูงมาก ๆ ท่วงทำนองที่ผ่อนคลายก็ทำให้เราตั้งใจฟังและเพลิดเพลินกับโชว์ได้ไม่ยาก โดยวันนี้พวกเขาเล่นเพลงโฟล์กฟังสบายจังหวะช้า ๆ ชื่อ Room ต่อด้วยเพลงบลูส์น่ารัก ๆ ชื่อ รองเท้าแตะ แล้วต่อด้วยเพลงที่พูดถึงการไม่ให้มองคนแต่เพียงเปลือก ให้ดูในเนื้อแท้ของเขาอย่าง เมล็ดพันธุ์ ตามด้วย นภา และเพลงจังหวะน่ารัก ๆ ชื่อ They Cry เมโลดี้สว่าง ๆ และเสียงขับกล่อมอันทรงพลังของนักร้องนำทำให้เรานึกถึงวง Fleet Foxes ก่อนที่เขาจะบอกว่าจะจากไปด้วยสองเพลงเศร้า นั่นคือ Go Away ที่มีความเคว้งคว้างล่องลอย การทอดเสียงมีความ emotional มาก และ 8 1 18 16 ซึ่งเพลงสุดท้ายนี้ใช้คำว่า soulful ไปเลย ไดนามิกเพลงกระแทกกระทั้น และเสียงร้องช่วยเพิ่มพลังความรุนแรงทางความรู้สึกในเพลงได้ดีมาก น่าจับวงนี้มาเล่นคู่กับจินตะคงได้รวดร้าวไปทั้งคืน
จบจากวงนี้ พี่แพท บุญสินสุข ที่รับหน้าที่พิธีกรก็พูดต้อนรับผู้ชมในงาน แม้ ณ เวลานั้นจำนวนจะยังไม่มากเท่าไหร่แต่ก็เห็นได้ว่ามีคนตบเท้าทยอยเข้ามาด้านในเรื่อย ๆ พร้อมกับชวนศิลปินมาแนะนำตัวระหว่างที่ทีมงานเซ็ตเวทีสำหรับวงต่อไป นั่นคือ World Nopparuj ศิลปินผู้มีชื่อจากเวที The Voice Thailand และเป็นสมาชิกล่าสุดจาก Believe Records เมื่อเขาพร้อมแล้วก็จะเห็นได้ว่าผู้ชมเริ่มเขยิบมานั่งกันด้านหน้าเวทีมากขึ้นก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงของเขาทั้ง ซ่อน รู้ไหม รวมถึงเพลงใหม่น่ารัก ๆ ชื่อ รักเธอต่อไป ตามด้วยคัฟเวอร์งานจาก 25 Hours อย่าง คืนเหงา ที่ยิ่งเป็นเสียงเวิลด์ขับกล่อมไปกับเพลงนี้ยิ่งทำให้รู้สึกเหงาขึ้นไปอีก และปิดท้ายด้วยซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมานั่นคือ รอยยิ้มเธอยังอยู่ ที่ไม่ว่าจะฟังอีกกี่ครั้งก็ต้องขนลุกและซึมไปซะทุกที
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตอนนี้เราก็ไปสำรวจดูบูธขายอาหารหน่อย เรียกว่าละลานตามาก เกี๊ยวปลานึ่ง ข้าวผัดทะเลพี่บอม ภูมิจิต ไก่คาราอาเกะทิวลิปกับข้าวแกงกะหรี่ของดีไซเนอร์ MM. และ Tae Parvit ส่วนของมึนเมาก็มาหมดคราฟต์เบียร์ไทยเจ้าดัง ยูเบียร์ เจมสัน อยากเมาแบบไหนเลือก!
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ถึงคิวของ Fluffypak หรือ ภัคธ์ Jelly Rocket ที่ปล่อยโปรเจกต์เดี่ยวไปเมื่อประมาณเดือนก่อน ซึ่งเธอก็หยิบเพลงนั้นมาเล่นเป็นเพลงแรกคือ บ้าบอที่สุด เพลงป๊อปอาร์แอนด์บีที่น่ารักสุด ๆ แล้วก็กรูฟชวนโยกเอามาก ๆ ด้วย ไม่เคยฟังภัคธ์ร้องเพลงสด ๆ เต็ม ๆ เพลงแบบนี้ ซึ่งมีความเป็นธรรมชาติมาก ตามด้วย ควรจะทำยังไง ที่พาร์ตดนตรีของเธอร้ายกาจสุด ๆ ต่อด้วยเพลงอัพบีตอีกสักเพลงที่ชื่อ บุคคลอันตราย และปิดท้ายกันกับเพลง ได้ไหม ที่ตอนหลังพี่แพทบอกว่าภัคธ์เคยส่งมาให้ลองฟังเพราะไม่มั่นใจ แต่เราขอบอกตรงนี้เลยว่าเป็นเพลงที่เมโลดี้เพราะมาก รอให้ปล่อยอยู่นะจ๊ะ
แล้วก็เป็นอีกวงที่เราอยากให้ทุกคนติดตามผลงานของพวกเขาให้ดี ๆ Mole the Explosion วงดนตรีจากค่าย Macrowave กับดนตรีแนวทดลอง neo soul, nu r&b ที่ได้กลิ่นฟรีแจ๊สอบอวลอยู่ในเพลงละมุนละไมของพวกเขา โชว์นี้เรียกได้ว่าเป็น full band เลยก็ได้เพราะว่ามีมือคีย์บอร์ดเพิ่ม มีทีมคอรัสเพิ่ม และแอบเห็นคนหน้าคุ้น ๆ อย่าง เอิง (หรือเอยกันน้า ฮือ) Summer Stop มาเป็นหนึ่งในสามคอรัสด้วย เปิดมากับ intro ชวนชุ่มฉ่ำหัวใจที่พาเราล่องลอยไปไหนต่อไหน ตามด้วยซิงเกิ้ลแรกที่พวกเขาปล่อยออกมาคือ ชายคนแรกผู้มอบดอกไม้ให้กับเธอ และ เข้าใจง่าย ก่อนจะเป็นซิงเกิ้ลที่สองของพวกเขาที่เขียนให้กับคนรักที่อยู่ไกลใน เมื่อเธอฝันฉันตื่น ประมาณว่าเวลาของสองประเทศไม่ตรงกัน พอที่นี่เป็นกลางวัน อีกที่นึงที่คนรักอยู่จะเป็นกลางคืน
ตามด้วยเพลง ภาพวันพรุ่งนี้ และเพลงล่าสุด จันทราในแอ่งน้ำ ที่เป็นเพลงจังหวะกลาง ๆ โดดเด่นด้วยเสียงเปียโนซึ่งเพิ่งปล่อยมาหมาด ๆ และได้ ญาณิน ศิลปินมากความสามารถที่ featuring ในเพลงขึ้นมาร่วมร้องด้วยในโชว์นี้ เสียงของญาณินก็ดูลึกลับมีความเฉพาะตัว หรือเสียงของออฟเองก็ทุ้มต่ำเท่ เป็นการร่วมงานกันที่ลงตัวมาก ๆ ก่อนจะจบด้วยเพลง Stephen ถือเป็นอีกโชว์ที่น่าประทับใจของงานนี้
สังเกตได้ว่าตอนนี้ผู้คนเริ่มหนาตาจากช่วงแรกมาก เพราะเป็นเวลาของวงป๊อปร็อกในตำนานที่เราต้องเคยกรี๊ดกันในสมัยวัยรุ่นกับ Supersub ที่วันนี้พวกเขาขนเพลงดังมาเล่นเพียบ แทบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงก็เปิดโชว์ด้วยเพลงสวิงร็อกสนุก ๆ ที่แค่ขึ้นมาท่อนแรกทุกคนก็ร้องกันได้แล้วใน สกาว ตามด้วยอีกเพลงสนุกแต่เนื้อหาชวนเศร้ากับ ที่ที่ไม่มีเรา ต่อด้วยเพลงรักช้า ๆ หวานซึ้งสองเพลงคือ คำนั้น และ …ก่อน งานล่าสุดของพวกเขา และกลับมาที่เซ็ตสุดท้ายด้วยสามเพลงจังหวะเร็ว ๆ ให้เต้นกันได้เริ่มจาก Awaken ก่อนจะส่งเพลง Clock มาให้ได้ฟังกัน นี่คือเพลงที่ทำให้เรารู้จักกับพวกเขาเป็นครั้งแรกก็เหมือนได้กลับมาย้อนวัยกันอีกครั้ง โยกกันยับเลย และปิดท้ายด้วย บรรเลง ครื้นเครง รื่นรมย์ ที่เรียกเหงื่อกันไปได้อีกยกหนึ่ง
ต่อด้วยอีกวงที่หลายคนรอคอยอย่าง Superbaker คัดเลือกเพลงฮิตทั้งเก่าและใหม่มาเล่นให้คลายความเดือดจากวงก่อนหน้า ที่ครั้งนี้ก็ได้ แมว Summer Stop มาช่วยเล่นคีย์บอร์ดด้วย เริ่มกันที่งานจากชุดล่าสุดที่ชื่อยาวเฟื้อยแต่เพลงน่ารักเอามาก ๆ นั่นคือ อยากให้เธอได้รู้ว่าฉันคิดถึงเพียงแต่เธอรู้ไหม ตามด้วยอีกเพลงในตำนานที่ชื่อยาวไม่แพ้กัน ความรู้สึกของฉันที่มีเธออยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคนบนโลกใบนี้ เอาให้เขินม้วนกันไปเลย ก่อนจะกลับมาที่เพลงบัลลาดป๊อปความหมายดี ๆ อย่าง ความรัก และเพลงน่ารักที่ไม่ได้ฟังมานานมากกกก นั่นคือ กอด แล้ววงก็ตัดจบมู้ดหวาน ๆ กลายเป็นเพลงสุดซึมเพลงใหม่ แค่ผ่านมาเจอ ก่อนจะดึงฟีลให้ไม่ดิ่งจนเกินไปด้วยการเล่นเพลง เขิน ตามด้วย รักคือสิ่งสวยงาม และปิดจบแบบสนุก ๆ กันที่เพลงออกซิเจน ยังคงเป็นวงที่เล่นสดได้สนุกและเอ็นเตอร์เทนคนดูได้เก่ง ไม่ว่าเพลงไหนทุกคนก็ร้องตามได้และดูเอ็นจอยไปกับเพลงทั้งสิ้น
จากนั้นก็เป็นเวลาของวงที่เราติดตามอย่างเหนียวแน่น วงหน้าใหม่ที่พอเอาเพลงมาลงใน Fungjai แล้วเราก็ติดงอมแงม นั่นคือ Waltz รวมพลพรรคนักดนตรีหัวหินจากค่าย Tomato Love Records ที่งานนี้วงเขาก็เอาเสื้อแฮนด์เมด เพนต์มือน่ารักมาก ๆ สีไม่ซ้ำ ไซส์คละ แบบกะให้ลิมิเต็ดอีดิชัน มีแค่ไหนแค่นั้น ซึ่งเพลงแรกก็เปิดมาด้วย Life is Happiness อันที่จริงตอนแรกที่ฟังเพลงในสตรีมมิงเราก็คิดว่าสมาชิกเขาจะไม่เยอะเท่านี้ พวกรายละเอียดเสียงซินธ์ต่าง ๆ คงเปิดกับ md แต่นี่เขาสดหมดทุกชิ้น นักดนตรีละลานตามาก ๆ ร่วมสิบชีวิต จากนั้นพวกเขาก็เล่นเพลงโปรดของเราคือ Pets Make Everything Better โดดเด่นด้วยการเอาเบสมาเดินเป็นทำนองหลักและใส่ความจีนเข้าไปในเมโลดี้สุดติดหู ไปจนถึงสัดส่วนของเพลงก็เท่เสียเหลือเกิน มีความดัง ความค่อย ตอนท้ายที่กระหน่ำกันแบบต้องโยกตามแรง ๆ แล้วก็เป็นเพลงเท่ ๆ ที่ชื่อ Desire ที่ทำให้เรานึกถึง Alt-J ผสมกับ Nick Hakim จนถึงคิวของเพลง หมาเห่ารถไฟ ที่ต่อ นักร้องนำเขียนกับ มะขวิด เพื่อนนักดนตรีแจ๊สที่เสียชีวิตไป เป็นเพลงที่เพราะมาก ๆ แบบฟังแล้วก็ขนลุกตาม ตามด้วยเพลงขาหักที่สีสันของเพลงต่างจากเพลงก่อนหน้าโดยมีความเป็นอินดี้ร็อกมากขึ้น และปิดท้ายด้วยเพลง To Die เพลงที่ร้องว่าอยากตายแต่ท่วงทำนองและเสียงร้องของเขาช่างละมุนละไมเหลือเกิน ถ้าเราได้ฟังเพลงนี้ตอนถึงวินาทีนั้นของชีวิตก็คงเป็นความตายที่มีความสุขมากแน่นอน จบโชว์จากวงนี้ไปแล้วก็รู้สึกเลยว่าพวกเขาคือยอดฝีมือที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก และเป็นอีกวงที่น่าสนับสนุนมาก ๆ
และนี่ก็จะเป็นวงสุดท้ายที่เราได้ดูก่อนที่จะต้องไปรับช่วงต่อที่งาน ฟังใจมัน 4 ซึ่งจัดอยู่ที่สถานที่ซึ่งห่างออกไปประมาณ 10 นาทีรถวิ่ง ทำให้เราพลาดดูวงต่อ ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น Syps นักร้องป๊อป r&b ที่เราได้ดูเขาเล่นแค่สองเพลงเท่านั้น ดูจะเอ็นเตอร์เทนคนดูได้เก่งด้วยสิ แล้วยังมี ญาณิน เอิ๊ต ภัทรวี Whal & Dolph The Ginkz และ The Super Glasses Ska Ensemble ต้องบอกเลยว่าเสียดายมาก ๆ แต่ในเมื่อแยกร่างไม่ได้ก็คงต้องเลือกบริหารเวลาด้วยประการฉะนี้ T-T อย่างไรก็ดีต้องบอกว่า งานลงขันนี้เป็นอีกงานที่น่ารักมากเพราะเปิดพื้นที่ให้กับศิลปินที่น่าสนใจแต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักได้มาปล่อยของกันในเวทีนี้ และยังเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ชมตระหนักถึงการสนับสนุนศิลปินที่พวกเขาชอบเพราะการสร้างสรรค์ดนตรีไม่ได้ทำกันออกมาแบบฟรี ๆ นี่ก็หย่อนไปหลายขัน (กล่อง) เหมือนกัน หวังว่าทีมงานจะยังจัดงานดี ๆ แบบนี้อีกในปีต่อ ๆ ไปและพาวงเจ๋ง ๆ มาให้เราได้รู้จัก ผลักดัน และสนับสนุนกันอีก สู้ ๆ นะคะทั้งทีมงานทั้งศิลปินทุกคนเลย <3