Levitate Me Lions ค่ำคืนที่เสียงกีตาร์แผดคำรามสุดเสียง
- Story and photos by Montipa Virojpan
3 มีนาคม 2561
เมื่อคืนนี้ 75th Curveball โปรโมเตอร์คอนเสิร์ตทางเลือกได้ชวนเพื่อน ๆ จากทั้งไทยและสิงคโปร์มาเล่นที่งาน Levitate Me Lions มีวงเจ๋ง ๆ อย่าง Safeplanet, Hariguem Zaboy, Sobs, Cosmic Child และ Subsonic Eye พร้อมบรรเลงเพลงสายหูพร่าให้เราได้รับชมรับฟังกันที่ De Commune ไลฟ์เฮาส์สุดจริงจังแห่งใหม่ท้ายซอยทองหล่อ บอกก่อนว่าเราไม่เคยฟังเพลงของวงสิงคโปร์ที่มาเล่นในวันนี้มาก่อนเลย แต่ผู้จัดเขาเชียร์ขนาดนี้เราก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ
ตามตารางงานระบุว่าวงแรกจะเล่นประมาณสองทุ่ม เราก็ไปถึงงานตรงเวลา แต่ก็พบว่าตอนนั้น Sobs ยังซาวด์เช็กไม่เสร็จดี เพราะเหมือนกับว่ามีนักดนตรีจากสิงคโปร์เกิด accident ไฟลต์ดีเลย์ เลยทำให้งานต้องเลตไปนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็ได้ฟังเพลงของ Cocteau Twins กับ Pavement ไปพลาง ๆ จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ตอน 20.40 น. วงเจ้าบ้านอย่าง Safeplanet ก็ขึ้นมาประจำที่บนเวที พร้อมเปิดโชว์ในค่ำคืนนี้กันแล้ว
ปกติเราไม่คาดหวังกับโชว์ของวงนี้เท่าไหร่เพราะเคยดูเล่นสดมาบ้าง เลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแน่นอน ทั้งตัวเพลงที่เราคุ้นเคยกันดีหรือการแสดงที่มีพัฒนาการขึ้นเรื่อย ๆ แต่กับโชว์นี้เราเหวอมาก ๆ เพราะพวกเขา re-arrange เพลงใหม่ทั้งเซ็ต แม้บางเพลงจะทำใหม่แค่ช่วงอินโทรให้เพลงดูน่าสนใจขึ้น ยิ่งกับเพลงแรก โอยา คืออะไรรรร เพลงสนุกขึ้น ไลน์กลองที่มีสีสันจัดจ้าน หรือสัดส่วนของเพลง มีอยู่พาร์ตนึงที่เล่นแผกออกไปจากท่อนอื่น ๆ แล้วมันเท่มากกกก แบบนี้เรายิ่งรอฟังเพลงต่อ ๆ ไปเลยว่าจะทำออกมาแบบไหน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยเมื่อ กล่องดำ มีอินโทรเป็นกลองแบบแจ๊ส ตีหน่วง ๆ แมธ ๆ มาเลย กับเพลง ตัดสินใจ ที่เราได้ฟังสด ๆ ที่นี่เป็นครั้งแรก เฮ้ย ท่อนบริดจ์กับ outro เพราะมาก ๆ หรือกับเพลง ดินแดน ที่เรายกให้เป็นเพลงที่ชอบที่สุดของวงในวันนี้ก็เล่นสดออกมาได้แบบ โอ๊ย งดงาม เหมือนเรากำลังฟังดนตรีที่เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ มีฉากบรรยาย ฉากไคลแม็กซ์ และจุดคลี่คลาย ท่อนประสานเสียงคือดีมาก หรือท่อนนึงที่จังหวะกลองประมาณ drum n bass คือถูกต้องไปหมด ก่อนจะต่อด้วย ระบาย ที่อินโทรมาประมาณไซคีเดลิกโฟล์ก คือเรียกว่าเซอร์ไพรส์ทุกเพลงจริง ๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วย ห้องกระจก แบบที่มีคนร้องตามได้จนจบเพลง บอกเลยว่า Safeplanet เซ็ตนี้ดีงาม ใครไม่ทันดูงานนี้ก็ไปซ้ำได้ที่ Crossplay 2 นะจ๊ะ 10 มีนาคมนี้แล้ว (งานขายต้องมา ซื้อบัตรได้ ที่นี่)
จากนั้นไม่นาน Sobs ก็ขึ้นเล่น ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เล่นเปิดให้ Peach Pit บ้านเขาด้วย ต้องบอกว่าวงนี้คือร่างจำแลงของวงดรีมป๊อปจากยุค 90s ที่ถูกต้องมาก ฟังเพลงแรกนี่คือตัดสินใจเลยว่าจะต้องเป็นโชว์ที่ดีแน่นอน ทั้งตัวนักร้องเองก็มีเสน่ห์สุด ๆ จากทั้งเสียงร้องที่เหมือนวิญญาณ vocalist จากยุคนั้นมาสิง การโยกตัวเบา ๆ ไปกับเพลงของเธอหรือมุขที่บอกว่า ฉันจะไม่ยอมถอดแจ๊กเก็ตแน่ ๆ เพราะมันเป็นแฟชัน (แต่พอลงเวทีมาเธอก็ถอดนะ) วงขนเพลงมาเล่นเยอะมาก ๆ ทั้งเพลง Hunchback ในจังหวะ 3/4 ของพวกเขา หรือกลิ่นฟุ้งฝัน กลองจังหวะย่อง ๆ ไลน์กีตาร์สดใสสนุกสนานใน Party Song เพลงจาก EP แรกที่ชื่อ Catflap, Astronomy หรืออย่างเพลง Breakfast แม้จะเป็นเพลงเศร้าแต่ก็ถูกบรรเลงออกมาได้แบบตามสูตรดรีมป๊อปดีที่ควรจะเป็น แต่ท่อนหลังคือเล่นออกมาเป็นร็อกสาด ๆ เลย เท่มาก บางเพลงให้ความรู้สึกเหมือนฟังวงยุคนั้นหลาย ๆ วง
หนักกว่านั้นคือวงนี้เขาบอกว่าปกติไม่เล่นคัฟเวอร์ แต่ก็จัด I Love You The Way I Used To Do ของ Rocketship มาให้ด้วยหนึ่งเพลงถ้วนจ้า จากนั้นก็ตามด้วย Sundae, Ocean Song, Eastbound ที่เธอบอกว่าจะเล่นเร็วมาก ๆ นะ เราก็จัดให้ค่ะ เต้นยับ แล้วไลน์กีตาร์น่ารักมาก แล้วเป็น Girl ก่อนจะปิดท้ายด้วย Telltale Signs ฟูลฟิลมากเด้อ สนุกมาก ปล.นี่โดนลากไปอยู่กลางวงมอช คืออะไรรรรรร
ต่อกันด้วยวงเจ้าภาพอย่าง Hariguem Zaboy …โห คือ ต้องเปิดด้วยคำว่าโหจริง ๆ เพราะจากวง shoegaze แท้ ๆ ในอัลบั้มแรก สู่งานติดกลิ่นพังก์อันเดอร์กราวด์ปลาย 80s หนักหน่วงในชุดที่สอง การได้ดูโชว์ของพวกเขาในครั้งนี้กับการหยิบเพลงใหม่มาเล่น ทำเอาเรานี่รอฟังอัลบั้มชุดที่สามเต็ม ๆ ของวงนี้เลย ปีหน้าได้ฟังโดยพร้อมเพรียงกันอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้พวกเขาก็หยิบเพลงจากงานชุด Kart มาเล่นครึ่งนึง กับงานชุดใหม่อีกครึ่งนึง เริ่มจาก Semi Sec กับลิกกีตาร์พุ่ง ๆ ที่คุ้นเคย เป็นการอุ่นเครื่องปลุกพลังความร็อกในตัวคุณ ต่อกันที่ Echo ที่ปกติวงจะเอาเพลงนี้ไว้เล่นปิด แต่นี่มาถึงเพลงสองก็จัดกันเลยเด้อ (เราโพสต์เพลงนี้ลงเฟสบุ๊กส่วนตัวแล้วมีพี่มาคอมเมนต์ว่า เอาเพลงนี้ไว้เพลงสองได้ แสดงว่าเพลงอัลบั้มใหม่เดือดกว่าแล้ว ซึ่งเป็นอย่างที่เขาบอกจริง ๆ) ต่อด้วย Real Soon ที่ขยับจังหวะให้ได้เต้นแรง ๆ กันนิดนึง จากนั้นก็เป็น Spinnin’ Outside ณ จุดนี้เราโยกทั้งตัว โยกหัวหลุด แบบไม่ได้สนุกกับคอนเสิร์ตดิบ ๆ แบบนี้มาพักใหญ่แล้ว
ถึงเวลาที่พวกเขาหยิบเพลงจากอัลบั้มใหม่มาเล่น อินโทรขึ้นมาก็หลอนแล้วในเพลงแรกที่ชื่อ I’m in the Stripeland ซึ่งจุดนี้พวกเขาเลยคำว่าชูเกซไปไกลมาก ๆ แล้วครับ กลายเป็นวงพังก์เท่ ๆ ไปแล้วววว ไลน์กีตาร์ดิบทื่อ แต่ยังแอบมีท่อนที่เมโลดี้เพราะ ๆ โผล่ขึ้นมา เบสหนึบหนับชวนโยก กลองย่อง ๆ ในจังหวะกลาง การโหวกเหวกโวยวายที่ไม่ใช่การร้องเพลงอีกต่อไป เรานึกถึงโชว์ของวง Iceage ชุดเก่าที่ทำเพลงประมาณนี้ เท่จังโว้ย ต่อเนื่องด้วย Sarcasm เพลงนี้ใครที่ตามแฟนเพจของวงก็จะได้ฟังพวกเขาโพสต์บรรยากาศในห้องซ้อมให้ได้ลองชิมกันเล็กน้อยมาก่อนแล้ว เพลงนี้นี่เดือดดาล เมามาย รวดร้าวจิตใจมาก พลงที่ฟังดูจะเหมือนนุ่มนวล ฟังง่าย แต่กลับแฝงความเกรี้ยวกราดเอาไว้แบบ โว้ยยยย เป็น avant garde ไปแล้วววว และปิดท้ายด้วย Christine Thompson เป็นโชว์ที่สุดมาก ติดตามพวกเขาไว้ให้ดี ๆ
แล้วก็ถึงคิวของ Cosmic Child เราได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของวงนี้มาจากพี่ที่ออฟฟิศที่เป็นแฟนเพลงของวง แล้วยังมีโอกาสได้ไปเจอสมาชิกวงเขาโดยบังเอิญตอนไปงาน Laneway เมื่อต้นปีด้วย พวกเขาคือวงชูเกซจากสิงคโปร์ที่เขียนเมโลดี้แต่ละเพลงได้เพราะมาก เริ่มกันที่เพลงจังหวะกลาง Cats, Cats, and Cats Again ท่วงทำนองล่องลอยอย่าง การร้องประสานกันระหว่างมือกีตาร์ผู้ชายและมือเบสผู้หญิงคือถูกต้องมาก ขึ้นเพลงมานี่ขนลุกเลยเด้อ
ต่อกันที่การเล่นแบบเรียงแทร็คในอัลบั้มตั้งแต่ Into You เพลงจังหวะเร็วกับการรัวกลองและความเวิ้งว้างในซาวด์กีตาร์กับซินธิไซเซอร์คือได้ใจเราไปจริง ๆ Warm เมโลดี้อินโทรที่เพราะจนอดใจไม่ไหวกับการหวดกลองหนัก ๆ ตามด้วย verse ชวนดิ้นในทำนองที่ฟังสบาย และ Blue/Green อินดี้ร็อกเพลิน ๆ ก่อนจะเป็นเพลงที่ช้าฟังสบายแต่เอามาเร่งบีตให้โชว์สนุกขึ้นอย่าง Other Song และ Thinking of You ที่พอเล่นเร็วแล้วนึกว่า Smashing Pumpkins เลย ฮือ จากนั้นจึงเล่นเพลงจากชุดเก่า Kaleidoscope ท่อนประสานเสียงผู้หญิงคือชวนฝันมากเลย แล้วกลับมาที่เพลงหูพร่า Bread ที่ตอนต้นนึกว่าจะช้า ๆ โยก ๆ แต่พอเล่นไปได้ช่วงนึงก็กลายมาเป็นเพลงเต้นสนุก ดนตรีเท่ ๆ อีกเพลง ตามด้วย Girl From Mars และ September Coffee และส่งท้ายด้วย One Day We’ll Grow Up And Nothing Will Matter In The End เป็นอีกเพลงที่เพราะมาก ฟังแล้วขนลุกเลย
ปิดท้ายกันที่วงจากสิงคโปร์อีกวง Subsonic Eye ที่ต้องขอบอกว่าตอนนี้ ดิฉันได้วาร์ปไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ (หมายถึงเมามาก เต้นเหนื่อยมากจนผล็อยหลับไปเอง ฮือ) แต่ก็ได้สอบถามลิสต์เพลงจากผู้จัดมาให้ผู้อ่านได้ไปฟังกันต่อ ต้องขออภัยมาก ๆ เลย แต่นี่ทันเพลงแรกนะ Illiter8 Stars รู้สึกว่าเสียงร้องเขามีเสน่ห์มาก ๆ คือจะใสก็ไม่ใส จะเท่ก็ไม่เท่ มันผสมกันอยู่ อันที่จริงเพลงนี้มีความเป็นแมธอยู่หน่อย ๆ ด้วย ส่วนต่อจากนี้เชิญหาฟังกันต่อได้เลยค่า In Limbo, You In Pleasant Things, Cherry, Cosmic, Realignment, Sorry, Dive Into Me, Sun Kissed Skin และ Enter The Void
จบคอนเสิร์ตไปเป็นที่เรียบร้อยก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่มางานนี้ ได้เจอวงที่เล่นตรงแนว แล้วความสามารถถึงกันทุกวง ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานมาก ๆ จนปล่อยให้ตัวเองวาร์ปเนี่ย ฮือ แต่ก็นั่นแหละ จากความรู้สึกช่วงที่ยังมีสติอยู่ เราขอยกให้นี่เป็นงานที่ดีที่สุดของสาย shoegazer, dream pop เลยจริง ๆ และสำหรับงานหน้าที่เราจะไประเห็ดเตร็ดเตร่กันต่อ (ถ้าไม่ผิดแผนนะ) เตรียมเจอกันที่ #JAMNight Live with Beach Fossils + Her’s ได้เลย