Levi’s X NYLON Music Hopping
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Nylon Thailand Fanpage
26 กันยายน 2558
ก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยได้ยินกิจกรรม Gallery Hopping Night ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยจะมีกลุ่มคนรักศิลปะหรือผู้สนใจพากันดอดไปแกเลอรีนั้น แกเลอรี่นี้ ย่านเจริญกรุง หรือพระโขนง ที่ตอนนี้กำลังมีหลาย ๆ กลุ่มพยายามผลักดันทั้งสองย่านให้เป็น art district ซึ่งก็มีผลตอบรับที่ดี เพราะเหมือนคนกลุ่มนี้ก็มี community เล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แบบที่ถ้าเจอหน้าก็เป็นต้องทักกันเพราะเห็นหน้ากันบ่อยเหลือเกิน งานนี้เลยเหมือนเป็นการมาพบปะสังสรรค์ gathering มาดริงค์ มาพูดคุย มาชื่นชมงานศิลปะ ช่วยกระชับสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนเรื่องในแวดวงศิลปะกันยิ่ง ๆ ขึ้นไป หรือนอกจากนี้ก็มี cafe hopping, bar hopping ด้วยอีกเหมือนกัน แต่ก็จะเปลี่ยน target ไปที่การดอดไปจิบกาแฟหรือนั่งชิวที่ร้านนั่นนี่ในละแวกใกล้เคียงกันแทน (แค่อันนี้ยังไม่มีกลุ่มไหนทำจริงจังนะ จะเป็นเจ้าตัวคนที่ชอบกินดื่มไปจัดเองกับเพื่อน ๆ มากกว่า) อย่างว่าแหละ เดี๋ยวนี้มีร้านกาแฟและบาร์ผุดอยู่ทั่วกรุงแทบจะทุกหนระแหง เลือกไปกันไม่หวัดไม่ไหวเลยทีเดียว
สำหรับ Music Hopping ของ Levi’s ที่จับมือกับ NYLON Thailand นี้ก็ไม่ต่างกันนัก ด้วยคอนเซปต์เท่ ๆ ที่ดึงเอาคนรักเสียงดนตรีและแฟชันมาไว้ด้วยกัน เพื่อพร้อมที่จะบุกไปยัง venue ย่านเจริญกรุง ที่อัดแน่นไปด้วยเสียงเพลงจากศิลปินหลากแนว สำหรับสถานที่ที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ก็ได้แก่ SoulBar เจริญกรุง 26 ที่เราเคยเขียนถึงในคอลัมน์ระเห็ดเตร็ดเตร่ยุคแรก Soy Sauce Factory เจริญกรุง 24 และ Eighty Twenty (ร้าน Saddle and Bun เก่า) เจริญกรุง 33 โดยมีวงดนตรีที่น่าสนใจตบเท้ามาร่วมเล่นกันอย่างคับคั่งทั้ง Polycat, The Parkinson, Yellow Fang, Cyndi Seui & Gramaphone Children, DCNXTR, Helmetheads, Peace Piece, The Lowdowns และ DJ Chamapoo ที่จะถูกจัดสรรไปยังสถานที่ที่เหมาะสมกับแนวเพลงของแต่ละวง ที่ SoulBar ก็จะเป็นวงสาย oldies พวก funk, soul, rock and roll ส่วนที่ Soy Sauce Factory จะเป็นวง electro pop และที่ Eighty Twenty ดูจะหลากหลายสุดเพราะเป็น pop, garage-lofi, และเป็นงานดีเจนะฮะ
Peace Piece ที่ Eighty Twenty
ความพิเศษของงานในครั้งนี้นอกเหนือจากจะจัดในสถานที่ 3 แนวเพลงในบรรยากาศ 3 สไตล์ ยังมีกิมมิคเล็ก ๆ ที่ถ้าคุณโหลดแอพลิเคชัน Jeanspiration ของเขามาแล้ว 100 คนแรก ก็จะได้รับผ้าพันคอ Levi’s กันไปแบบฟรี ๆ ตอนเราซื้อบัตรก็จะได้สิทธิแลกเครื่องดื่มที่บาร์ใดก็ได้ แต่ถ้าใส่ยีนส์ Levi’s มาด้วยก็จะได้เพิ่มอีก 1 แก้ว ซึ่งแต่ละร้านจะมี signature cocktail จากที่ได้ลองชิมแล้วน่าจะมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย อย่างที่ SoulBar ก็เป็นค็อกเทลเบสน้ำอ้อยกับมะนาว หวาน หอม อมเปรี้ยวชื่นใจ ขณะที่ Soy Sauce Factory ก็เป็นคามิกาเซ่ ว้อดก้ากับน้ำกระเจี๊ยบชุ่มคอหน่อย ๆ กับที่ Eighty Twenty เป็นค็อกเทลตะไคร้ ที่ให้หลากหลายแบบนี้เหมือนจะบอกเป็นทีว่าถ้าใครอยากลองทั้งสามแก้วก็ต้องฮอปไปให้ครบทั้งสามร้าน นอกจากนี้ยังมี food truck อาหารญี่ปุ่น และบาร์บีคิวหรือแซนวิชจาก Deli-Q ให้บริการหน้า SoulBar กับ Soy Sauce Factory แถมยังมี UberX credit 150 บาท ให้ได้ใช้กันทั้งขาไปและขากลับ เรียกว่างานนี้มีแต่คุ้มกับคุ้ม
Yellow Fang ที่ Eighty Twenty
ทีนี้เรามาดูแผนที่การผจญเพลงของเราในค่ำคืนนี้กันดีกว่า
ไหนดูซิว่าวงไหนเล่นที่ร้านไหนและกี่โมงกันบ้าง
เอาล่ะ ได้เวลารายงานสถานการณ์สด เมื่อเรามาถึงงานพร้อม jeans costume เข้าธีมแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่ Eighty Twenty ก่อนเลยเพราะวงแรกจะขึ้นเล่นที่นี่ก่อนคือ Peace Piece วงพ็อพที่ชนะเลิศการประกวด Live in Levi’s Live on Stage ซึ่งเราเคยเขียนถึงพวกเขาในเห็ดใหม่เดือนมิถุนายน และได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นมาแล้ว เรามาทันในเพลงสุดท้ายของพวกเขาพอดี งานพ็อพสดใสกับการเล่นที่ดูตั้งใจ ชวนโยกโบกไม้โบกมือ พร้อมจะชวนคนดูให้สนุกไปกับพวกเขา จากนั้นก็พักช่วงที่วงต่อไปจะขึ้นเล่นด้วยเพลงแดนซ์บีทหนักสุดตื๊ด
The Lowdowns ที่ SoulBar
ไม่นานนัก Yellow Fang ก็ขึ้นเล่นด้วยเพลง พลั้ง และ เลี้ยง แต่ในช่วงนี้รู้สึกว่าระบบเสียงจะมีปัญหามาก เสียงกลองไม่ออก ไมค์ติด ๆ ดับ และคุณภาพเสียงที่อาจจะพบข้อผิดพลาดได้สูงเพราะควบคุมได้ยากเนื่องจากสถานที่จัดเป็นโถงสูง และล้อมด้วยกระจก อย่างไรก็ดี เราอยู่ฟังแค่สองเพลงนี้แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปที่ SoulBar ที่ก็มีอีกวงขึ้นเล่นในเวลาเดียวกันนั่นคือ The Lowdowns ที่ประจำการอยู่แล้วเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่วีคนี้พวกเขาก็ได้ถูกเชิญให้มาเล่นในงานด้วย ในร้านคนแน่นมากกกกก ที่มารอดูวง soul funk ฝีมือฉกาจด้วยลีลาเพลงสุดเปรี้ยวและเท่ ไม่รวมนักร้อง/มือคีย์บอร์ดสุดฮอตของวงที่มีสาว ๆ ตามมาให้กำลังใจกันเพียบ แต่ในไลฟ์นี้มีคุณจอห์น มือทรัมเปตคนใหม่มาร่วมเล่น ทำให้เพลงของพวกเขามีสีสันและมิติที่ต่างออกไป เรียกว่า เก๋าและล้ำขึ้นมาก ๆ คืนนี้เล่นเพลงใหม่ กับ Streetsweeper, Foxy Lady
DCNXTR ที่ Soy Sauce Factory
แต่อยู่ฟังไม่ได้นานก็ขอแวบไป Soy Sauce Factory ที่ตอนนี้ DCNXTR ขึ้นเล่นแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะเล่นกันชั้นล่างแต่เอาเข้าจริงคนรอดูกันอยู่ด้านบน วิชวลสุดล้ำถูกเล่นลูปต้อนรับเรา เรียกว่าเดินเข้ามานี่เมาไฟกันเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายมาก ๆ ที่แอร์ไม่ค่อยเย็น และพัดลมไม่สามารถต้านทานมวลมนุษย์อันหนาแน่นได้ ทีแรกก็ว่าจะช่วยเขาเต้นแล้ว เห็นคนดูยืนนิ่งมาก ๆ ทั้งที่เพลงเล่นมัน แต่ความร้อนมันเกินต้านทานจริง ๆ วันนี้พวกเขาขนเพลงจากอัลบั้มชุดใหม่มาเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น P./Again, Y และ Dark(er) Knight
Polycat ที่ Soy Sauce Factory
Polycat ก็รอเราอยู่แล้วที่ชั้นล่าง แต่ คนดูยืนรอเยอะมาก หนาแน่นมากจริง ๆ ทว่าก็ขึ้นเล่นเลทมาก คืนนี้พวกเขาเล่น เพื่อนไม่จริง เมื่อเธอมาส่ง และ setlist สาวขาแดนซ์ยุค 90s ไม่ว่าจะเป็น Boom, Boom, Boom, Boom !! ของ Vengaboys และ Barbie Girl ของ Aqua ที่ทำเอาเหวอไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็เต้นกับแก๊งเพื่อนสาวได้สนุกมาก ต่อด้วย ปล่อยให้ตัวฉันไป และ เวลาเธอยิ้ม ซึ่งนั่นแหละ เราก็ขอแหวกฝูงชนออกมาก่อนเพราะกลัวดู Helmetheads ที่รออยู่ที่ SoulBar ไม่ทัน ซึ่ง สุดท้ายก็ไม่ทันจริง ๆ ฮือ เสียใจ
The Parkinson ที่ SoulBar
แต่ไม่นานก็เป็นคิวของ The Parkinson วงสุดท้ายในค่ำคืนนี้ที่ร้านนี้ วงโซลคุณภาพคับแก้วที่เล่นเพลงฮิตอย่าง จะบอกเธอว่ารัก และคืนนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบ soul master piece อย่าง Let’s Stay Together ของ Al Green มาเล่นแบบเป๊ะทุกเม็ด เนียนกิ๊ง
Cyndi Seui & Gramaphone Children ที่ Soy Sauce Factory
แล้วด้วยตารางที่เริ่มรวนนักเข้าเราเลยดูวงนี้ได้ไม่นาน ก็ต้องขอโดดกลับไปที่ Soy Sauce Factory เพื่อไปปิดท้ายงานกับ Cyndi Seui & Gramaphone Children ที่มี เบียร์ สรณัฐ มัสยวานิช มาร่วมแจมด้วย ซึ่งโชว์นี้ก็ไม่เป็นที่ผิดหวังแต่อย่างใด ยังเล่นแน่นเล่นสนุกเหมือนเคย
สรุปงานในค่ำคืนนี้ ถือว่า Levi’s X Nylon Music Hopping เป็นงานที่จะเป็นตัวบุกเบิก music scene ในเมืองไทยได้เลยนะ คือในต่างประเทศเขาทำแบบนี้กันมานานแล้ว ฟีลมันจะคล้ายเทศกาลดนตรีที่เราต้องวิ่งไปที่เวทีนั้นที เวทีนี้ที แต่อันนี้ก็ย้ายร้าน เปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยเลย ส่วนตัวก็อยากให้จัดงานแบบนี้เป็นประจำทุกเดือน อันนี้กระซิบบอกผู้จัดทุกกลุ่มเลยนะ เพราะมันก็สร้าง community ได้มากประมาณนึง ลองดู ๆ ให้งานนี้เป็นใบเบิกทาง น่าจะประสบความสำเร็จในการสร้างสีสันใหม่ ๆ ให้วงการอินดี้บ้านเราที่กำลังไปได้สวยยิ่งคึกคักกว่าเดิมอีกนะ