ปิดท้าย BAMM! กับ Khruangbin กลิ่นอายดนตรีแบบไทย ๆ ที่ทำให้คนไทยและฝรั่งเซิ้งกันยับ!
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Thanaporn Sookthavorn
ปิดท้ายงาน BAMM! ได้อย่างงดงามไปกับวง Khruangbin ที่ฝีไม้ลายมือจัดจ้านสุด ๆ เครื่องดนตรีแค่สามชิ้นแต่เอาคนดูอยู่หมัดแถมยังร่ายมนต์ให้ทุกคนโยกย้ายไปกับจังหวะโจ๊ะ ๆ ของพวกเขาได้อย่างสนุกสนาน กับดนตรีไซคีเดลิกที่ผสมกลิ่นอายแบบหมอลำลงไป ใครได้ยินเป็นต้องเซิ้งยับ! ซึ่งพวกเขาเคยมาเยือนเมืองไทยแล้วครั้งหนึ่งในงาน Wonderfruit ที่ผ่านมา แต่คนเมืองแบบเราก็ไม่สู้จริง ๆ ครั้งนี้เลยรู้สึกว่าโชคดีมาก ๆ ที่ได้ดูพวกเขามาเล่นสดกันที่ใจกลางกรุงเทพ ฯ บอกเลยเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก
งานครั้งนี้ยังจัดที่สวนลอยฟ้า Helix Garden ชั้น 5 ของ Emquartier ซึ่ง Cosmo Pyke ก็จัดที่นี่เหมือนกัน ก็ต้องยอมรับว่าเป็น venue ที่น่าสนใจดีกับการเป็นเวทีโอเพ่นแอร์ ซึ่งก็เจอปัญหาเหมือนเดิมที่เคย ระเห็จ Cosmo Pyke กันไปแล้ว คือร้อนและเสียงค่อนข้างอื้ออึงเหมือนเดิม แต่เพื่อวงที่เรารักเราก็สู้โว้ย
เริ่มกันที่ Summer Dress ที่ขึ้นได้ตรงเวลามาก พวกเขาก็ไม่ปรานีคนไทยหรือฝรั่งหน้าไหนทั้งนั้น จัดเซ็ตลิสต์แบบหนักหลอนหูมาใส่กันไม่ยั้ง แถมเอาเพลงฮิตของตัวเองอย่าง D-OK มาเล่นด้วย ช่วงโซโล่ตอนสุดท้ายก็ทำได้สุดเหมือนกัน ก่อนจะส่งท้ายด้วยเพลงสุดท้ายที่ปล่อยของกันแบบสุดตัวทั้งวงกับการขยี้ท่อนโซโล่ ทำเอาฝรั่งที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับพนักหน้าแล้วพูดว่า awesome กันเลยทีเดียว
ต่อกันด้วย The Photo Sticker Machine ซึ่งเราไม่เคยดูเขาเล่นสดมาก่อนเลย ก็ต้องบอกว่าเซอร์ไพรซ์สุด ๆ ซึ่งเพลงแรกก็ดีงามเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นคือการก้าวข้ามทุกความท้าทายบนโลกนี้ด้วยการอิมโพรไวส์กันสด ๆ ยิ่งไลท์ติ้งดีไซน์แบบบ้านผีปอบที่ข้างหลังยิงแสงสีเขียวสาดขึ้นไปบนต้นไม้และมีเวทีเป็นไม้ไผ่เก๋ ๆ ชิค ๆ ก็ทำให้เพลงพวกเขายิ่งเฮี้ยนขึ้นไปอีกระดับ ทั้งเสียงกีตาร์ เบส กลอง ซินธ์และแซกโซโฟนที่พยายามจูนเข้าหากันจนกลายเป็นการแจมดนตรีที่สนุกมาก ๆ แม้จะแลกมาด้วยการที่คนเดินออกจากหน้าเวทีไปพอสมควร แต่เราและคนที่ยืนฟังอยู่ก็เอ็นจอยสุด เพลงที่สามที่เริ่มด้วยเสียงซินธ์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์น่ารัก ๆ แล้วทุกคนก็สามารถตามจังหวะกันทันได้ เป็นอะไรที่ลงตัวมาก หลังจากอิมโพสไวส์กันหลุดโลกไปถึงสามเพลง ก็ปิดท้ายด้วย Why Can’t You See ของวง FWENDS แต่เอามาปรับให้เป็นสไตล์ของ TPSM ก็ตื่นหูตื่นใจมาก ๆ จบด้วยท่อนโซโล่ที่ขยี้กันสุด ๆ แบบไม่มีใครยอมใคร ส่งวงมืออาชีพวงนี้ลงจากเวทีไปอย่างงดงาม แต่ระหว่างที่วงเล่นก็เศร้านิดหน่อย เพราะระหว่างที่วงเล่น ร้านอาหารที่อยู่อีกฝั่งของตึกก็เปิดเพลงเสียงดังลั่นออกมา ทำเอาสมาธิหลุดไปแป๊ปนึงเหมือนกัน
หลังจากเลทไปประมาณ 20 นาที Khruangbin ก็ขึ้นเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดที่ต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น ตอนแรกเราคาดหวังไว้ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้มันต้องชิล ๆ ลอย ๆ โยกกันเบา ๆ ที่ไหนได้ โคตรเดือด สมาชิกทั้งสามคนเล่นกันได้อย่างเข้าขามาก ๆ แถมยังปล่อยของกันเต็มที่ทั้งลีลาในการโซโล่กีตาร์หรือการตีเบสได้อย่างมีชั้นเชิง มีเครื่องดนตรีแค่สามชิ้นแต่สามารถสร้าง vibe ที่สนุกสนานไปได้ตลอดทั้งโชว์ ความรู้สึกแรกที่ได้ดูวงนี้คือเพิ่งรู้สึกว่าเพลงมันโป๊จัง เพราะทุกครั้งที่ Laula Lee ได้ขยี้เบส เธอก็จะร่อนเอวไปด้วย เซ็กซี่มาก ๆ แถมยังดีต่อหูอีกด้วย แถมยังขนเพลงอัลบั้มแรกมาเล่นเยอะพอสมควร เปิดโชว์ก็วอร์มอัพคนดูด้วย Two Fish and an Elephant ที่กลมกล่อมสุด ๆ หรือเพลง August Twelve ที่ผมชอบมาก เล่นสดแล้วรื่นหูโคตร ท่อนจบก็เร่งจังหวะโซโล่ขึ้นได้มันส์หยดย้อย รวมไปถึง White Gloves และ Dern Kala ด้วย
แต่ก็ยังเอาเพลงจากอัลบั้มใหม่มาจัดกันให้เต็มเหนี่ยว ทั้ง Friday Morning ที่เล่นสดแล้วประทับใจสุด ๆ กับท่อนที่สลับจังหวะจากเร็วไปช้า จากช้ากลับมาเร็ว วงก็นำมาเล่นสดได้เหนือชั้นและสนุกมาก และแน่นอนที่พลาดไม่ได้เลยคือเพลง Maria También ที่เอามาเล่นสดที ทุกคนก็เต้นกันจนลืมตายทั้งไทยทั้งฝรั่ง แถมวงยังเซอร์ไพรซ์คนดูด้วยการเอา intro เพลงแร็พหลาย ๆ เพลงมาทำให้ดนตรีดูน่ารักและเมดเล่ย์จนเราหยุดโยกตามไม่ได้ หรือการเล่นเพลง Apache ก็เรียกเสียงหัวร่อจากคนดูได้อย่างคับคั่ง และทำออกมาได้อย่างมีสไตล์ แน่นอนทุกคนก็เต้นกันไม่หยุด กว่าจะรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็จบโชว์เสียแล้ว แน่นอนว่าทุกคนตะโกนพร้อมกันว่า เครื่องบิน!! เครื่องบิน!! เครื่องบิน!! เพราะไม่อยากให้คืนนี้จบลงเลย วงก็ขึ้นมาซัดเต็มเหนี่ยวอีกสองเพลงก่อนจากกัน โดยเฉพาะเพลงสุดท้าย People Everywhere (Still Alive) ที่โซโล่กันตับแล่บ คนดูก็เซิ้งกันไฟลุก สร้างความประทับใจให้ทุกคนไปตลอดกาล
แอบเสียดายนิดหน่อยที่โชว์เมื่อคืนเป็นโชว์ที่ดีมาก ๆ แต่เครื่องเสียงช่วงวงไทยสองวงแรกค่อนข้างไม่โอเคเท่าไหร่ ช่วงที่พวกเขาทั้งสองวงกำลังขยี้เครื่องดนตรีกันหูดับตับไหม้ แต่เคืร่องเสียงกลับขับความสามารถของพวกเขาออกมาได้ไม่เต็มที่ ยังดีที่ช่วง Khruangbin ขึ้นเครื่องเสียงก็ดีมาก ๆ แต่ก็มีปัญหาเชิงเทคนิคระหว่างโชว์พอสมควร ทั้งเสียงหอนของไมค์หรือเสียงจี่ระหว่างเล่น แต่ความสนุกก็กลบข้อด้อยเหล่านี้ไปจนหมด ถือว่าหยวน ๆ แหละ
และเมื่อคืนคนดูก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่เหมือนกัน ทั้งสูบบุหรี่ (แต่การ์ดน่าจะจัดการได้ทันทีเพราะได้กลิ่นแป๊ปเดียว) การยกมือถือขึ้นมาไลฟ์ซึ่งสังเกตว่ามีคนต่างชาติสองคนที่ไลฟ์ลง facebook ตัวเอง แต่ก็มีคนไทยด้วยคนหนึ่ง เราก็ไม่แน่ใจว่าการไลฟ์ลง facebook เป็นวัฒนธรรมที่พวกเขาทำกันเป็นปรกติรึเปล่า แต่ก็ค่อนข้างไม่โอเคเพราะมันก็บดบังอรรถรสคนอื่นเหมือนกัน และปัญหาโลกแตกอย่างการคุยกันในคอนเสิร์ต ซึ่งเราก็คิดไม่ออกว่าจะจัดการปัญหานี้ยังไง เราชอบเสพวงที่ขายดนตรีเจ๋ง ๆ ไม่เน้นเนื้อร้องแบบนี้บ่อย ๆ ด้วย ทำให้เราเจอคนคุยกันบ่อยมากในคอนเสิร์ต ก็อยากจะบอกว่าช่วยไปคุยกันข้างนอกหรือเกรงใจคนที่เขาตั้งใจเสพดนตรีกันบ้างเถอะ
หมดไปแล้วกับไลน์อัพซ่องแตกที่ขนศิลปินน่าสนใจมาจัดเต็มกันให้ทั่วกรุงเทพ ฯ ถ้าใครประทับใจก็รอตามข่าวจากเพจ Medium Rare Live ไว้ให้ดี ๆ เผื่อเขามี BAMM! อีกเซ็ตที่รอการตอบรับจากแฟน ๆ ชาวไทยอยู่ก็ได้จ้า