‘เห็ดสด 6’ ปิดฉากความสนุกของคอนเสิร์ตใหญ่โดย ‘ฟังใจ’ จนกว่าจะพบกันใหม่
- Writer: Montipa Virojpan and Kunchanit Liengudom
- Photographer: Gundercuss and Buktouch
8 กันยายน 2561
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าคอนเสิร์ตประจำปีของฟังใจอย่าง เห็ดสด ได้เดินทางมาถึงครั้งที่ 6 และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ชวนวงในตำนาน วงฮอตฮิต ณ ปัจจุบันขณะ และวงหน้าใหม่ที่น่าสนใจ ให้มาร้องบรรเลงดนตรีบนเวทีเดียวกัน ซึ่งชาวฟังใจหลายคนก็ใจหายไปตาม ๆ กัน (ทั้งผู้ติดตามและพนักงานเองเนี่ยแหละ) ดังนั้นแล้วเราจึงให้คำมั่นสัญญาว่าครั้งสุดท้ายนี้จะต้องเป็นอีกเห็ดสดในความทรงจำของทุกคน ด้วยการให้ Retrospect (เมทัล/อีโม) Monotone (โซลป๊อป) Inspirative (โพสต์ร็อก) Phum Viphurit (อัลเทอร์เนทิฟโฟล์ก/อินดี้ป๊อป) TELEx TELEXs (ซินธ์ป๊อป) และ Boyjozz (ฟังก์ทองแดง) มาเล่นงานเดียวกันนี้ซะเล้ยยยย
และทุกครั้งงานเห็ดสดของเราจะมีธีมสนุก ๆ หมุนเวียนกันไป ล่าสุดก็เป็นธีม ‘เห็ดผี’ (อย่าผวน!) ซึ่งก็มีที่มามาจากว่าปาร์ตี้เปิดตัวบริษัทฟังใจทีแรกกกก เลยเนี่ยเราใช้ชื่อเดียวกัน เพราะมันเกิดขึ้นตอนวันฮาโลวีนพอดี ก็เลยเหมือนเป็นการรำลึกความหลังประมาณนึง ด้านหน้าฮอลที่นอกจากจะมีของที่ระลึก exclusive เฉพาะงานเห็ดสดแล้ว ก็มีบูธให้ถ่ายรูปเพื่อนรับ photostrips กันฟรี ๆ อีกด้วย จนเมื่อเวลา 17.45 ก็ถึงคราวที่วงแรกจะได้ขึ้นแสดง แต่ด้วยความที่งานเริ่มค่อนข้างเร็วกว่าคอนเสิร์ตปกติเลยทำให้จำนวนคนในฮอลที่เข้ามาดูวงแรกไม่ได้แน่นขนัดอย่างที่ควรจะเป็น (แต่ก็หนาตาอยู่แค่ไม่เต็มฮอล เสียดาย) ซึ่งตอนนั้นเป็นโชว์ของศิลปินรุ่นใหม่ที่ฮอตสุด ๆ ณ ขณะนี้ ภูมิ วิภูริศ
ทันทีที่ศิลปินปรากฏตัวบนเวทีหลังจากที่พิธีกรพูดเปิดคอนเสิร์ต ผู้ชมต่างส่งเสียงร้องต้อนรับพวกเขาพร้อมกับอินโทรสดใสถูกบรรเลงขึ้น แอบเหลือบดูนาฬิกาคือโชว์เริ่มตรงเวลามาก ๆ เพลงแรกที่พวกเขาเล่นคือ Adore กับท่อน ดึ๊ดจือจือดึดจึดจือ ที่คนดูให้ความร่วมมือร้องตามอย่างสนุกสนาน ซึ่งภูมิก็ได้โชว์พลังเสียงในเพลงนี้ กับขอให้คนดูช่วยตบมือเข้าจังหวะ ช่วงท้ายของเพลงมีการอะเรนจ์ให้เป็นจังหวะเร็กเก้โยก ๆ ด้วย จากนั้นก็เป็น Run ที่ก่อนเริ่มก็ให้คนตบมือนำเข้าเพลงแล้วพวกเขาจึงเล่นตาม
จบจากเพลงนี้ภูมิก็แนะนำสมาชิกในวงที่มีมือคีย์บอร์ดคนล่าสุดมาร่วมเสริมทัพนั่นคือ สอง I Can See Your Voice ปอม Part Time Musicians เล่นเบส (เพิ่งรู้ว่าเป็นรองแชมป์บีตบ็อกซ์ประเทศไทยด้วย) กับเด็กไทยหัวใจอินเดียที่กลอง และ Taiwanese John Mayer ที่กีตาร์ (ขออภัยที่จำชื่อน้อง ๆ ไม่ได้) แล้วจึงเล่นเพลงโฟล์กสดใสแต่กลิ่นกีตาร์มีลิกเป็นฟังก์เบา ๆ อย่าง Paper Throne ก่อนที่ภูมิจะบอกว่า ต่อไปเป็นช่วงที่เป็นธรรมเนียมของงานเห็ดสด ที่ทุกวงจะต้องหยิบเพลงมาคัฟเวอร์ ทีแรกภูมิไม่ได้บอกว่าจะเล่นเพลงอะไร ให้ลองฟังกันดู เราก็ไม่คุ้นหรอกในเพลงช้า ๆ กีตาร์หวาน ๆ เพลงนี้
จนกระทั่งเขาได้ร้องท่อนแรกของเพลงขึ้นมาเราถึงกับขนลุกเกรียว นี่คือเพลงที่ชอบที่สุดเพลงหนึ่งของคณะ Part Time Musicians ที่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ได้ซาบซึ้งงดงาม The Only One น้ำเสียงของภูมิและการบรรเลงเนิบช้าภายใต้แสงไฟที่ดิมลงมากับสปอตไลต์ส่องไปยังนักดนตรีแต่ละคนทำให้เราต้องมนต์สะกดไปเต็ม ๆ ก่อนจะกลับเข้าสู่เพลงสนุก ๆ อย่าง Strangers in a Dream ที่รีอะเรนจ์ท่อนโซโล่เป็นฟังก์ที่เท่มาก ๆ ตามด้วย Sweet Hurricane ที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่า อารมณ์ของความสวยงามแต่ว้าวุ่นทรมานมันเป็นแบบนี้เอง ท่อนที่เป็นบรรเลงอย่างเดียวคือเขาได้เฉิดฉายความเป็น John Mayer ออกมารุนแรงมากจริง ๆ
จบเพลงนี้ภูมิบอกว่า เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่มายืนดูอยู่ข้างหลัง จนวันนี้เขาได้ขึ้นมาเล่นบนเวที เป็นอะไรที่เซอร์เรียลมาก เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงไปอีกหนึ่งยก ก่อนจะเล่น Long Gone อีกเพลงฮิตของเขาที่ตอนนี้แสงบนเวทีเปลี่ยนเป็นโทนชมพูเขียวน่ารักมาก ๆ มือกลองกับปอมโซโล่เบสได้เท่มาก ๆ ก่อนจะจากไปในเพลงสุดท้ายอย่าง Lover Boy ที่ต้นเพลงรีอะเรนจ์ซะหล่อเป็น Phum Mayer ไปแล้ว ถึงจะดึงกลับเข้าจังหวะน่ารัก ๆ ที่คุ้นเคย กับตอนท้ายภูมิก็เล่นเพลง Happy Birthday ให้อ๊อฟ เจ้าของค่าย Rats Records ในจังหวะเซิร์ฟร็อกน่ารัก ๆ บอกเลยว่าเป็นโชว์ที่น่าประทับใจที่สุดโชว์นึงของภูมิที่เคยดูมาเลย
จากนั้นก็ถึงคิวของ Boyjozz ที่ยกทัพดนตรีไทยฟิวชันมาสร้างความบันเทิงให้ชาวเห็ดสดกันถ้วนหน้า เราได้ฟีลเซ็กซี่ ๆ และความสนุกขี้เล่นจากซาวด์ที่มีความสากล เสียงเบสเน้น ๆ ผสมผสานไปกับการใช้เครื่องดนตรีท้องถิ่นทางอีสานเคล้าด้วยเนื้อร้องภาษาใต้ ซึ่งบอยจ๊อสก็ย้ำเตือนว่าเขาอยากที่จะสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ ตลอดทั้งโชว์ของพวกเขาก็ทำให้เราเอ็นจอยในแบบที่อดขยับยักย้ายและเซิ้งตามความซิ่งจากดนตรีของบอยจ๊อสไม่ได้จริง ๆ บอยจ๊อส เริ่มด้วยอินโทร ต่อด้วย ฟังค์หวังเวิ้ด และ รักแหม๊ดใจ จนเพลง หรอยเว้อ ทางฝั่งนี้นอกจากจะแดนซ์ไม่หยุดแล้วก็พากันตะโกนร้องตามท่อน ‘หรอยหรอยหรอย หรอยหรอย หรอยเว้อ!’ อย่างดัง เอาเป็นว่าถึงไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนก็สามารถสนุกไปกับพวกเขาได้แน่นอน
ก่อนจะโชว์ สะตอ Funk แทร็ค instrumental วาดลวดลายดนตรีแบบบอยจ๊อสที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เซอไพรส์เราต่อเมื่อนางรำมโนราห์ขึ้นมาร่ายรำอ่อนช้อยไปพร้อม ๆ กับเพลง พรกยาง เป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำในคอนเสิร์ตจนหลาย ๆ คนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้ จากนั้นจึงต่อด้วย ใต้โคนพร้าว และ อย่าไปรักเขาเลย เพลงที่บอยจ๊อสเลือกคัฟเวอร์จากต้นฉบับของ แร็ปเอก พลิกออริจัลที่เป็นเพลงอะคูสติกให้กลายเป็นเวอร์ชันน่าโยกตามกับซาวด์เซ็กซี่ ๆ ที่ทำออกมาอย่างลงตัว
ก่อนที่บอยจ๊อสจะขอเสียงคนจากภาคต่าง ๆ ในงานเห็ดสดแล้วเล่นเพลง ไข่นุ้ยอยู่ในล๊ะ เพื่อบอกกับทุกคนว่าต่อให้เราจะเป็นคนต่างภาคต่างภาษากันแต่เราก็รักกันได้ ทิ้งท้ายด้วยเพลงดัง อีสาวเห้อ “อีสาวเห้อ?” เราก็รีบตะโกนรับ “เห้อ!” สุดเสียงอีกครั้ง “อีสาวเห้อเห้อเห้อ!!!” นำด้วยดนตรีท้องถิ่นของไทยเรา เสียงพิณม่วน ๆ ชวนให้เราเซิ้ง
ไม่รอช้าจังหวะกลองหนัก ๆ ก็ขึ้นเป็นสัญญาณให้เราเต้นแบบไม่ลืมหูลืมตาต่อจากนั้น (แต่ยังไม่ลืมว่าเราต้องเขียนระเห็ด!) ซึ่งเพลงนี้ก็ได้ ยาวีแมน จาก เฟ็ดเฟ่ ขึ้นมาร่วมแร็ปและเอ็นเตอร์เทนพวกเราด้วย หลังจากที่บอยจ๊อสแนะนำสมาชิกบนเวทีเสร็จก็โชว์ลีลาการดีดกีตาร์สุดมัน และจบโชว์ลงอย่างสวยงาม
แล้วก็ได้เวลาของวงดนตรีในทำนานที่หลายคนตื่นเต้นกับการกลับมารวมตัวกันของพวกเขา (น้อง ๆ ทีมงานแอบเล่าให้ฟังว่าตอนเอาน้ำเข้าไปให้ศิลปินที่หลังเวที พวกเขาพูดคุยกันราวกับเป็นงาน reunion รวมรุ่น ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างน่ารักอบอุ่น) เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่บุกไปยืนแทบจะหน้าเวที แบบ ไม่ได้จริง ๆ เป็นวงที่ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยแท้ และเมื่อพวกเขาขึ้นมายืนประจำที่ ทำนองเพลงคุ้นหูก็เริ่มบรรเลง และเราก็กรี๊ดสุดเสียงให้กับ กิฟท์ Monotone ที่มาในลุคน่ารักสดใสพร้อมเพลงที่ทำให้เธอดังเป็นพลุแตกอย่าง รักคือ โอ้ย เขินที่ร้องตามได้เสียงดังมากตั้งแต่ต้นจนจบกับผู้หญิงที่ยืนเต้นอยู่ด้วยกันข้าง ๆ เนี่ย (เอาวะ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ย้อนวัยอยู่คนเดียว)
ตามด้วยการปรากฏตัวของ น้ำฝน ภักดี อีกศิลปินหญิงที่เรากรี๊ดมากในความสมาร์ตของเธอ คือนอกจากจะเป็นนักร้องแล้วยังเป็นครูสอนบุคลิกภาพที่ John Robert Powers อีกด้วย และแน่นอนว่าเพลงของเธอเห็นจะไม่พ้น โปรดฟังอีกครั้งนะ กับน้ำเสียงสุดออดอ้อนแต่ก็มีท่อนให้โชว์พลังเสียง
เพลงต่อไปเธอได้ชวนเพื่อนอีกคนขึ้นมาร่วมร้อง แม้ที่จริงแล้วเพลงนี้จะต้องเป็นน้ำฝน กับใหญ่ Monotone แต่ความที่เขาติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมโชว์ได้จริง ๆ เลยได้ เอ๋ มารับหน้าที่แทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความขลังของเพลง กลัว นี้หายไปเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นก็ส่งคอมโบเพลงในตำนานอีกเพลงนั่นคือ นานอีกหน่อย มาให้เราได้ฟังแบบสด ๆ นาทีนั้นคือเราโดนสะกดไปเล้ย ไม่ต้องเสียงพี่ใหญ่ก็โดนพี่เอ๋กล่อมไปแล้วค่า แล้วก็ถึงคิวของสมาชิกคนต่อไปคือ แอนจี้ หรือ Anngie & the Pussycat ที่เราไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเธอเลยหลังจากไปเป็นพนักงานต้อนรับบนสายการบินแถบตะวันออกกลาง แต่ตอนนี้เธอบอกแล้วว่ากลับมาเป็นนกแอนจี้แล้วค่ะ ซึ่งเพลงที่เธอหยิบมาร้องเป็นเพลงที่ไม่ได้ฟังนานมาก ๆ คือ ตั๊ดตา ที่เคยถูกใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาตัวนึงเมื่อนานมาแล้วในจังหวะบอสซาโนว่า ที่ร้องว่า ‘ตั๊ดตาดั๊ดตัดตา ต่าดัดต้าดัดต๊าดัดตัดตา’ คือถ้าได้ยินเพลงนี้จะต้องร้องอ๋อแน่ ๆ และอีกเพลง Chocolate Man ที่เป็นแจ๊สเพราะ ๆ เล้ย ร้อง bebop โหดมาก เจ้าตัวบอกว่าเพลงนี้เคยขึ้นชาร์ต Fat Degree ด้วยล่ะ
ต่อด้วยการปรากฏตัวของผู้ชายอีกคน ถั่ว Monotone ที่เป็นเจ้าของเพลงช้ำในตำนานของ Monotone กับเพลง หยุด โอ้โห ความรู้สึกที่ได้ฟังเพลงนี้สด ๆ เป็นครั้งแรกคือฝันที่เป็นจริง นี่ถ้ากำลังเฮิร์ตคงดูไปน้ำตาไหลพราก ๆ ไปแน่นอน
และเพลงต่อไปที่เขาเล่นคือเพลงคัฟเวอร์ซึ่งเขาก็เป็นคนที่โปรดิวซ์มันเองกับมือนั่นคือ รักที่ไม่มีเธออยู่ ของสิงโต นำโชค โอ้โฮย ไม่คิดว่าจะเล่นได้แน่นและดีขนาดนี้ จากนั้นสมาชิก Monotone ทุกคนก็ขึ้นมารวมตัวกันบนเวทีและร่วมกันร้องเพลง ช่วงเวลา A Day เพลงซึ้งความหมายดี ๆ เป็นการจบโชว์ในความทรงจำนี้ไปอย่างสวยงาม
สดใสประทับใจกันไปแล้วก็ได้เวลาของวงโพสต์ร็อกดำดิ่งอย่าง Inspirative สำหรับวงนี้ทุกคนสามารถคาดหวังกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ของพวกเขาว่าจะต้องเป็นอะไรที่ทรงพลังและเข้าถึงทุกอารมณ์ความรู้สึก และความพิเศษในค่ำคืนนี้ก็คือการกลับมาของ เอม มือกลองยอดฝีมือที่เว้นวางจากการแสดงสดไปพักนึงเพราะต้องไปเป็นแอร์โฮสเตสอีกเช่นเดียวกัน แต่วันนี้เธอมาอยู่บนเวที่ร่วมกับสมาชิกคนอื่น ๆ เราตั้งตารอที่จะฟังเพลงแรกของพวกเขาไม่ไหวแล้ว
ซึ่งก็เปิดมาเลยกับ เพลงส่วนตัว คลาสสิกพีซของ Inspirative ที่ฟังเมื่อใดต้องมีอากาศดิ่ง วูบ กับความสับสนหมองเศร้าในเพลงนี้ (ดาเมจพอ ๆ กับเพลงระฆังลมจากอัลบั้มชุดเดียวกัน) จากนั้นก็เป็นเพลง อุโมงค์เวลา ที่พาเราวาร์ปเข้าสู่ความดำมืดไร้ที่สิ้นสุด หนักหน่วงขึ้นทันทีในท่อนที่ร้องว่า เธอบอกอย่าเสียเวลา ใครกำลังบาดเจ็บภายในนี่โดนกรีดแทงเข้าไปแบบคอมโบ ต่อด้วย Mainland ตอนนี้เราเริ่มยืนโยก วิญญาณเด็กโพสต์เก่าเข้าสิงโดยสมบูรณ์ คิดถึงช่วงประมาณ 5-6 ปีที่แล้วที่เพลงแนวนี้เขาเฟื่องฟูแบบสุด ๆ
จากนั้นจึงเป็นเพลง พื้นที่ว่าง เพลงล่าสุดที่พวกเขาปล่อยออกมาให้เราได้ฟังกัน เป็นอีกเพลงที่มีเนื้อร้องของวงที่ต้องบอกตรง ๆ ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เพลงของ Inspirative มีเนื้อร้อง พลังทำลายล้างก็ไม่ได้น้อยลงไปจากเพลงบรรเลงที่อาศัยจินตนาการของผู้ฟังแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เกิดปัญหาเล็กน้อยที่สายเบสขาด แต่เขาก็สามารถเปลี่ยนสายได้อย่างรวดเร็ว มืออาชีพมาก ๆ จนนพ มือกีตาร์พูดติดตลกว่าต้องเปลี่ยนชื่อวงเป็น ‘Broken String Band’ แล้ว
ก่อนจะเป็นเซอร์ไพรส์เพลงคัฟเวอร์ที่… เราไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ทรงพลังขนาดนี้ ไฟสีขาวฟุ้งบนเวทีฉาบศิลปินเหมือนเรากำลังเห็นภาพในความฝัน เป็นการตีความเพลง อยู่ตรงนี้แต่แสนไกล ของ Selina and Sirinya ออกมาได้เวิ้งว้างห่างไกล ฟังแล้วขนลุกเป็นระลอก ๆ และเป็นเพลงเดียวในโชว์นี้ที่เราเสียน้ำตาให้ คือมันไม่ได้เศร้าแบบจะขาดใจ และคำว่า งดงาม ก็ไม่ได้เกินจริงสำหรับเพลงนี้เลย เสียงแอมเบียนต์สว่าง ๆ ขับกล่อมไปตลอดโชว์ก่อนจะโหมกระหน่ำด้วยเมโลดี้รวดร้าวท้ายเพลง ทำเราตายไปเลยจ้า ก่อนจะส่งท้ายด้วยเพลง Why ตามธรรมเนียมของวง สมใจแฟนโพสต์ร็อกที่ได้รำลึกอดีตและเติมเต็มความฟินไปตามระเบียบ
ราว ๆ สี่ทุ่มหลังพักเบรกได้สักพัก พิธีกรเห็ดสดของเราก็ประกาศว่าก็ได้เวลาของ TELEx TELEXs แล้ว ! แบ็คกราวด์ของเวทีถูกย้อมด้วยไปด้วยไฟสีชมพูและ Labelle ถูกเล่นเป็นแทร็คเปิดตัวในวันนี้ พร้อมกับ ออม นักร้องนำที่พก energy มาเต็มเปี่ยม กระโดดไปทั่วเวทีเพื่อเอ็นเตอร์เทนชาวเห็ดสด “ใครมาเห็ดสดคนเดียว ไม่เป็นไรช่างมัน ๆ” ร้องระบายความอัดอั้นในเพลง Shibuya
เรื่อยไปยาว ๆ กับ เพื่อนชื่อความเหงา ที่มีไลท์ติ้งสาดเป็นลำเท่ ๆ ประกอบ ต่อด้วยซาวด์อินโทรอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลง เรือใบ แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องตามดนตรีก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลงซิ่ง ๆ ชวนแดนซ์อย่าง หยุดตรวจ แล้วมีหรือที่เราจะพลาดกระโดดโลดเต้นตาม แถมด้วยท่อนโซโล่กีตาร์เท่ ๆ ก่อนจะกลับไปโหมดใจพังกับอีกหนึ่งเพลงฮิตอย่าง ถาม ที่หลาย ๆ คนอินจนแม้ช่วง outro เพลงที่มีเสียงซินธิไซเซอร์คลอเบา ๆ กับเสียงเบส คนดูก็ผลัดกันกรี๊ดไม่ขาดสาย
ตามมาด้วยอีกหนึ่งในเพลงไตรภาคล่าสุดของพวกเขาอย่าง เอายังไง ? ที่เริ่มด้วยซาวด์อะคูสติกพร้อมกับยื่นไมค์ให้พวกเราร้องท่อนฮุคติดหู ‘บอกให้ฉันรู้ทีว่าเธอจะเอายังไง เอายังไง’ ก่อนที่อินโทรจริง ๆ จะเริ่ม หน่วงหัวใจตลอดเพลงจนต้องตะโกนร้องตามซ้ำ ๆ พร้อมกันในช่วงท้ายเพลง ถึงคราวของเพลงคัฟเวอร์ใน เพลง รู้สึกผิด จาก Lemon Soup ก็ถูกหยิบมาร้อง แถมยังได้ บิว นักร้องนำในเพลงต้นฉบับมาร่วม featuring ประสานจนออกมากลมกล่อม
ต่อเนื่องกับ ซ่อน อีกหนึ่งเพลงโปรดของเรา ซึ่งก็เอ็นจอยในการร้องตามแบบสุด ๆ ปิดโชว์ด้วยอีกหนึ่งเพลงที่ต้องโยกตามอย่าง 16090 โดยเฉพาะท่อนแร็ปมัน ๆ จาก ปิ้ว มือซินธ์/คีย์บอร์ด ส่วนชาวเห็ดสดเองก็พากันชูมืออย่างสุดแขน ถึงแม้เนื้อหาเพลงของ TELEx TELEXs จะเต็มไปด้วยเรื่องราวเจ็บปวดรวดร้าวเกือบแทบทุกเพลงแต่โชว์สดของพวกเขาก็สนุกจนทำให้ลืมความเศร้าไปได้เลย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่อ เห็ดสด 6 เข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่เวลาห้าทุ่มนิด ๆ วงดนตรีที่เรียกว่าโตมาด้วยกันกับพวกเราหลายคนพร้อมแล้ว ความเดือดดาลเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่ที่ แน้ป Retrospect บอกให้ “ผู้ชายมาตรงกลาง!!!!” ชายหนุ่มกลัดมันพากันแห่ไปอยู่ตรงกลางฮอล พร้อมกับเพลง ลุกขึ้นสู้ ปลุกพลังความร็อกในตัวคุณที่ท่อนกลางของเพลงแน้ปบอกว่า “แหวก ๆๆๆๆ !!!” เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่กลางฮอลที่คนแบ่งตัวเป็นสองฝั่งเหมือนกำแพงที่พร้อมจะพุ่งเข้าหากันได้ทุกเมื่อ จนถึงท่อนไคลแมกซ์สำหรับการปลดล็อก wall of death
ตอนเข้าเพลง แค่นิยาย แน้ปก็ยังไม่หยุดบิ๊วอารมณ์พุ่งพล่านของทุกคนด้วยการพูดว่า “ความสามัคคีของพวกมึงอยู่ไหน!!!!” คนเริ่มมอชกันอย่างดุเดือด แล้วถึงได้พูดว่า “เพลงต่อไปนี้จะหนักสัส ๆ ขอผู้ชายหน่อย” ชายฉกรรจ์ก็มารวมตัวกันกลางฮอลอีกครั้งกับเพลง เจ็บกว่าคือฉัน แล้วจากที่มอชกันอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ฝูงชนก็เปลี่ยนเป็นวงกลมขนาดใหญ่เกิดเป็น circle pit ที่ทุกคนวิ่งกันและมอชไปรอบ ๆ เราก็เข้าไปแจมอยู่ในเซสชันนี้ด้วยเหมือนกัน สนุกจังโว้ยยย แล้วพวกเขาก็บอกว่าจะเล่นเพลงจากอัลบั้มแรก นั่นคือ เพราะว่ารัก โอ้โห เพลงชาติชาวอีโมขนาดนี้ “รู้หน้าที่กันหน่อย” ทุกคนก็มอชกันสิครับบบ ย้อนวัยสุด ๆ ไปเลยโว้ย แล้วก็ได้เวลาพักหายใจที่แน้ปพูดว่า ไม่คิดว่าชาวเห็ดสดจะขนาดนี้ นึกว่ามาคอนเสิร์ตเมทัล ก่อนจะเล่นเพลง เหนื่อยไหมหัวใจ ที่เราเพิ่งได้ตั้งใจฟังเพลงนี้ดี ๆ (พร้อมกับพี่น้องรายรอบเราที่แหกปากร้องเพลงนี้กันจนคอแตก) ท่อนโซโล่กีตาร์ท้ายเพลงเพราะมากเด้อ ความดีงามของเพลงอีโมก็คือความหนักหน่วงของเพลงแต่ยังคงความสวยงามของเมโลดี้เอาไว้อยู่นี่แหละ มันเปี่ยมด้วยอารมณ์!!!
แล้วพี่แน้ปก็ยังไม่เลิกแจกยาหอมด้วยการพูดว่า “เป็นผู้ฟังที่สุดยอดมาก ในรอบสิบปีไม่เจออะไรแบบนี้มานานมาก จัดเห็ดสดต่อได้ไหม!!!!” พร้อมกับเสียงเฮของผู้ชมที่กำลังเครื่องติดแบบสุด ๆ ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้เห็ดสดยังมีต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนกันแหละนะ แต่ขอพักแปปป แล้วพวกเขาก็จัดอีกเพลงในตำนานให้ฟังกันนั่นคือ ปล่อยฉัน โว้ย จุดนี้คือ ร้องได้ทุกท่อน ท่อนว้ากผมก็เอากับเขาด้วย มันไม่ไหวแล้วววว จบเพลงนี้พี่แน้ปก็พูดต่อว่า เห็นใส่เสื้อสี ๆ งี้ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดือด ๆ อยากจะบอกพี่แน้ปเหลือเกินว่า ทุกคนมันมีเลือดเด็กอีโมอยู่ในตัว!!!
ต่อกันเลยกับเพลง หักหลัง และเพลงต่อไปที่พี่แน้ปบอกว่าใครมากับเพื่อนให้กอดคอกับเพื่อจนแล้ว headbang ให้หนักที่สุดที่เคยทำมาในเพลง ไม่มีเธอ ซึ่งนี่น่าจะเป็นเพลงสุดท้ายละ โอ้โห บอกเลยวันรุ่งขึ้นคอเคล็ดแน่นอน โยกกันหัวแทบหลุด ซึ่งช่วงเบรกดาวน์ พี่แน้ปบอกว่า “ออกไปให้ไกลที่สุด…” ทุกคนกลายเป็นทะเลแหวกเตรียม wall of death อีกครั้ง “…กูนับถือหัวใจพวกมึง ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้… จำเอาไว้ ร็อกไม่มีวันตายไปจากเมืองไทย และจำไว้ว่า พวกกูคือ Retrospect!!!!” ฝูงชนสองฝั่งพุ่งตัวเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครกลัวเจ็บตัวแม้แต่น้อย ภาพที่เราเห็นคือใบหน้าเปื้อนยิ้มและเม็ดเหงื่อของทุกคน แม้จะมีคนล้มลงไปแต่ทุกคนก็พร้อมใจแหวกและฉุดคนคนนั้นขึ้นมา เป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตในตำนานได้อย่างชื่นมื่นจริง ๆ
แต่ความสนุกยังไม่หมดเท่านี้ เมื่อเพลงที่เปิดต่อในฮอลคือรวมมิตรทุกแนว ตั้งแต่ In My Feelings ของ Drake โอ้โห จุดนี้ออกสเต็ปกันยังกะอยู่ Dirty Bar ไปยันเพลงเมทัลเฮดแบงกิ้งกันหนักหน่วง ต่อด้วย เต่างอย ของจินตหรา พูนลาภ ที่พากันเซิ้งทั้งทีมงานทั้งผู้ชมที่ยังมีแรงเต้นไหว และจบด้วยเพลง คืนความสุข…
…เออ ค่ำคืนเห็ดสด 6 ก็จบลงด้วยประการฉะนี้ หวังว่าทุกคนที่ได้มางานจะได้รับความสุขกลับไป จากพวกเรา ชาวฟังใจ แล้วพบกันใหม่ สวัสดี