Fwends เล่นเสร็จก็พร้อมนอนเลยที่ Night and Day Album Launching Party
- Story and photos by Montipa Virojpan
1 ธันวาคม 2561
ในโอกาสที่ Fwends มีอัลบั้มเต็มของตัวเองทั้งที พวกเขาก็ขอจัดปาร์ตี้เปิดอัลบั้ม Night and Day เล็ก ๆ อบอุ่นขึ้นที่ Goose Life Space สนามเป้า (ชั้นบนของ Whab และชั้นล่างของ Overseoul) และพอเป็นงานที่ทีม Conflakes มาช่วยจัด แน่นอนว่าต้องมีธีมงานและเดรสโค้ดสนุก ๆ ให้แต่งตามและงานนี้ก็คือ Pajamas Party หรือมีชื่อภาษาไทยกวน ๆ ว่า ชุดนอนไม่ได้นอน นั่นเอง! ในงานก็มีวง Fwends ที่เข้าธีม คนดูบางส่วน แล้วก็มีแก๊งที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำ แค่นี้ก็ดูสนุกกันแล้ว
เวลาประมาณทุ่มครึ่งที่คนดูยังไม่หนาตามากนัก The Photo Sticker Machine ซึ่งเป็น guest artist ของงานนี้ก็ประจำที่พร้อมกับเปิดแทร็คเพลง Morning ของ Fwends ในท่อนเวิร์สแล้วเริ่มบิดฟิลเตอร์ให้เพลงดูมี distort แล้วพักนึงก็กลายเป็นรีมิกซ์เวอร์ชันอิเล็กทรอนิกดุเดือด จนเพลงน่ารักกลายเป็นเพลงเท่ไปในทันที จากนั้นพวกเขาก็เริ่มบรรเลงฟิวชันแจ๊ส มีกรูฟแบบฮิปฮอปให้เราพอโยกได้ ความเป็น jazzy drum and bass ที่เราชอบ ก่อนจะต่อด้วยแทร็คที่เป็น experimental มีการใช้เสียงจ๋อมแจ๋มเหมือนน้ำหยดเข้ามาในเพลง แต่ใส่ความเป็นร็อกเข้าไปจนกลายเป็นเพลงเดือด ๆ อีกเพลง ก่อนที่ โหน่ง TPSM จะหยิบเครื่องดนตรีหน้าตาคล้าย ๆ เครื่องเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรแต่สร้างเสียงได้หลายแบบมาก เหมือนเป็นทรัมเป็ตไฟฟ้า ที่บางเพลงก็ส่งเสียงเหมือนรถไฟจอดเทียบชานชาลา บางเพลงก็เหมือนเสียงสแครชแผ่นไวนิล เท่มาก ๆ อิมโพรไวส์กันไปตลอดโชว์ แล้วก็มีเพลงนึงที่ได้ไวบ์ของโซลหนัก ๆ เล่นเร็ว ๆ จนเท้าอยู่ไม่สุก ขอยกความดีความชอบให้นักดนตรียอดฝีมืออีกสามท่าน อ้น มือแซ็กโซโฟน ปอม มือกลองจาก Sasi, Beagle Hug, Torphan และไหม จาก Maitoy ที่หลาย ๆ คนน่าจะได้ฟังผลงานของพวกเขากันไปบ้างแล้ว
สักพักก็เป็นเพลงที่มีอินโทรที่ใช้ซาวด์คีย์บอร์ดกรุ๊งกริ๊ง เป็นเพลงช้า ๆ ไลน์เบสนุ่ม ๆ กับอินโทรที่คุ้นเคยนั่นคือเพลง Last Summer ซึ่งได้ เมย์ Fwends มาร่วมร้อง ถ้าได้ติดตามโชว์ของ TPSM มาบ้างจะทราบว่าช่วงหลัง ๆ เมย์ได้ไปช่วยร้องมาหลายโชว์แล้ว เพราะอันที่จริง TPSM ก็ได้หยิบเพลง Why Can’t You See ไปทำในเวอร์ชันภาษาไทยประกอบภาพยนตร์ ‘ฉลาดเกมส์โกงนั่นเอง’ ว่าแล้วพวกเขาเลยร่วมบรรเลงเพลงที่ว่าในเวอร์ชันแจ๊สพุ่ง ๆ ซึ่งก็ได้ตองมาเล่นกีตาร์ให้ด้วย ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝีมือร้ายกาจไม่หยอก ก่อนจะปิดท้ายไปด้วยเพลง จุดที่เปลี่ยน เมย์เล่าว่ารู้จักเพลงนี้ของวงสมัยอยู่มัธยม เหมือนเป็นการเช็กอายุคนในงานเบา ๆ ก็สร้างเสียงหัวเราะได้ในช่วงนึง
จนประมาณสามทุ่มกว่าก็ถึงคิวฉายหนังสั้นเบื้องหลังการทำงานในอัลบั้ม Night and Day โดย Cody Sandberg ที่เคยทำสารคดีบันทึกการแสดงสดของ City Plant และ Freeman มาแล้ว ก็ทำให้เราได้เห็นตัวละครลับเบื้องหลังอัลบั้มนี้นั่นคือ เมลวิน โปรดิวเซอร์ของวง แล้วก็ได้ดูโมเมนต์ตลก ๆ บ๊อง ๆ ของวงที่บางคนอาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามทุ่มสี่สิบห้า วง Fwends เข้ามาเซ็ตอุปกรณ์ของตัวเองพร้อมเล่นเพลงทุกเพลงในอัลบั้มให้เราได้ฟังกัน แฟนเพลงหลายคนก็ดูพร้อมแล้วที่จะได้ฟังบางเพลงสด ๆ ที่นี่เป็นครั้งแรก และเพลงแรกที่พวกเขาหยิบมาเล่นให้ฟังคือ Talk Outside ที่ถ้าเราฟังวงนี้กันมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ จะพบว่านี่เป็นเพลงร็อกเล่นสาด ๆ เซอร์ ๆ ดิบ ๆ ที่สุดของวง แต่คราวนี้กลายเป็นเพลงนิ่ง ๆ เน้นซาวด์อิเล็กทรอนิกดู subtle ขึ้นเยอะ อารมณ์ประมาณ The XX โยกเพลิน ๆ เป็นการอุ่นเครื่อง ตามด้วยเพลงน่ารัก ๆ Summer Love กับลิกกีตาร์ที่ห้ามให้โยกหัวตามได้ยากยิ่ง แล้วก็เป็นเพลง For a While ที่พวกเขาบอกว่าแก้มาไม่ต่ำกว่าสามรอบ จนมาลงตัวที่เวอร์ชันละมุนละไมที่ได้ยินกันในวันนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเล่นเพลงที่ไม่เคยเล่นที่ไหน 145 at 6am เพลงเท่ ๆ ที่เมย์เล่าเบื้องหลังว่าแต่งขึ้นมาจากเหตุการณ์ที่กำลังขับรถไปออกกองตอนหกโมงเช้า แล้วกำลังเหม่อ พอได้สติก็พบว่าตัวเองขับรถอยู่ที่ความเร็ว 145 km/h ตามด้วยเพลง Dear Friend ที่เมย์เล่าเสมอว่าแต่งให้กับเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับไปและเป็นเพลงที่สำคัญกับเธออย่างมาก
จนเข้าสู่ช่วงประมาณครึ่งโชว์ อินโทรล่องลอย hypnotized ก็บรรเลงขึ้น จนพักนึงเราถึงนึกออกว่านี่คือเพลง Morning งานที่ทำให้เราว้าวกับวงและรอฟังอัลบั้มเต็มอย่างใจจดใจจ่อ แล้วจึงเป็นเพลงที่ชื่อ No Pressure ซึ่งเนื้อเพลง ‘ไร้ความกดดัน’ สมชื่อเพลงจริง ‘sleeping, eating on the floor’ ที่เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากห้องซ้อมดนตรี Music Group ของพวกเราเหล่านักดนตรีนั่นเองหะ ต้องยกเครดิตให้พี่ติในการคิดแคปชันรูปของแต่ละวงที่ไปซ้อมแล้วพี่แกถ่ายไว้จริง ๆ จากนั้นก็เป็นเพลง Front Row ที่เพิ่งปล่อยไปหมาด ๆ เพลงนี้ได้ Cuco มาช่วยเป่าทรัมเป็ตให้ พบว่าตอนเล่นสดเพลงนี้น่ารักและสนุกกว่าฟังออดิโอมาก ๆ ก่อนที่จะเล่น Why Can’t You See แต่อินโทรเพลงเลี้ยงมาในจังหวะสามช่า ก็ย่อกันไปประมาณนาทีนึงแล้วจึงกลับมาเป็นเพลงเท่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งเวอร์ชันเล่นสดนี้ก็มีเสียงทรัมเป็ตเข้ามา เท่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว ตามด้วยเพลง Friend Trip ที่เมย์แต่งให้กับความประทับใจในมิตรภาพที่เพื่อน ๆ ของเธอมอบให้กันอยู่เสมอ
เรารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากหลังจากร้องและเต้นไปกับเพลงของ Fwends รู้ตัวอีกทีคือหมดเพลงจากในอัลบั้มแล้ว ถ้าจะไม่อังกอร์ก็ยังไงอยู่ แต่ก่อนที่จะเข้าช่วงอังกอร์ ตอนขึ้นเพลง Field Trip แล้วเมย์บอกว่าเป็นเพลงสุดท้ายแล้ว ก็มีคนตะโกนไปว่า เอาอีก แล้วฟ้าใสก็บอกว่า ค่อยขอหลังจบเพลงนี้ ทุกคนในงานก็ขำกันกับการสปอยล์ในครั้งนี้ แล้วพอเข้าช่วงอังกอร์จริง ๆ เราก็ได้ฟังเพลง Fade Away ซิงเกิ้ลแรกของวงที่ทำให้พวกเรารู้จักกับ Fwends โดยเวอร์ชันนี้ก็มีทรัมเป็ตมาเสริม ฟีลเพลงยิ่งมันเข้าไปอีก เพลงต่อไปทุกคนก็ร้องขอ Where Do We Go? กันโดยอัตโนมัติและช่วยร้องจนจบเพลง แต่ตอนนี้เพลงของวงหมดแล้วจริง ๆ ทว่าคนดูอารมณ์ยังไม่จบ พวกเขาเลยแถม Something About Us ของ Daft Punk ให้อีกเพลงก่อนจะเป็นช่วง DJ Burton.G ที่นางบอกว่าจัดเพลย์ลิสต์มาตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอน ให้เราได้เต้นกับเพลงเทคโนเบา ๆ เพลงนูดิสโก้กรูฟ ๆ ยาวไปตลอดคืน แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ด้านบนก็มี Overseoul ที่เปิดเพลงเกาหลีที่ใคร ๆ ก็ร้องได้ เต้นตามได้ มาทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ TVXQ – Mirotic Jennie – Solo, SHINee – Ring Ding Dong แล้วก็ 2NE1 – 내가 제일 잘 나가 (I am the Best) ส่วนข้างล่างก็มี ไปส่งกู บขส. ดู๊ ที่เราลงไปก็ทันเพลง Smoke on the Water ที่โคตรเท่ โคตรสนุก ตามด้วย พ่อผมเป็นสุลต่าน และ ม้าลายอยากขับรถจี๊ป ซึ่งคนดูช่วยกันร้องได้ ก็บรึ้น ๆๆๆๆ กันไปจนจบในค่ำคืนนี้ สนุกแบบแรนด้อม ได้ครบทุกแนวกันไปเลย
สำหรับงานเปิดอัลบั้ม Fwends ก็จบลงไปอย่างสวยงาม ขอแสดงความยินดีกับอัลบั้มแรกของทุกคน ทั้งวงและคนดูดูจะสนุกและอิ่มเอมกับงานวันนี้มาก ๆ เรารอดูการเติบโตก้าวต่อ ๆ ไปของวงอยู่นะ