เต้นกันให้ตีนแตกหมอไม่รับเย็บ ห้าวงดนตรีเจ็บ ๆ ที่ไม่รู้จักไม่ได้แล้วใน ฟังใจมัน 3
- Story and photos by Peerapong Kaewthae and Montipa Virojpan
8 สิงหาคม 2560
เวียนมาอีกครั้ง กับคอนเสิร์ตที่ ฟังใจ ไม่เคยได้กำไร แต่ได้ใจคนฟังถล่มทลายกับ ฟังใจมัน 3 ปีนี้ก็ไม่ทิ้งคอนเซปต์เปิดพื้นที่ให้ศิลปินฝีมือดีที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก หรือยังไม่เคยแสดงที่ไหนมาใส่ไลน์อัพ โยกกันให้เต็มอิ่มถึง 5 วง บอกเลยว่าใครไม่ได้มานี่คือพลาดมาก!
เป็นครั้งแรกที่เรามาจัดกันบน Buffalo Bridge Gallery ชั้น 5 ที่ให้อารมณ์เหมือน gig ใต้ดินเถื่อน ๆ ดิบ ๆ ในผับซักแห่งกลางกรุงลอนดอน บรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเองช่วยทำให้เราผ่อนคลายและรู้สึกใกล้ชิดกับศิลปินมาก ๆ กับโซนดูดบุหรี่บนดาดฟ้าที่โคตรชิล ทำให้เรารู้สึกดีกับสถานที่นี้ไปตลอดทั้งงาน
ซดเบียร์ยังไม่หมดกระป๋อง Costlywood ก็ขึ้นเล่นสองทุ่มตรงเวลาเป๊ะ ส่วนตัวคือไม่รู้จักน้อง ๆ เลย ยังไม่ได้ฟังทำการบ้านมาด้วย กะมาวัดใจที่งานนี้โดยเฉพาะ แล้วพวกเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ดนตรีเฉิ่ม ๆ แนว soft rock ของพวกเขาได้ใจเราไปหมดเลย อาจเพราะเราไม่ได้คาดหวังอะไรด้วยเลยเซอร์ไพรส์เป็นพิเศษ เป็นคลื่นอีกลูกในวงการดนตรีที่น่าจับตามองมาก วันนี้วงเล่นเพลง Last Man ซึ่งเป็นเพลงแรกอันแสนภาคภูมิใจของพวกเขา ต่อด้วยเพลง ไม่ไปไหน ที่คนดูเริ่มร้องตามกัน จากนั้นก็เป็นเพลงใหม่ชื่อ Be Patient ที่จัดกันเดือด ๆ หนักแน่น แมน ๆ และ By Your Side รวมถึง Maryland ที่แม้ดนตรีจะฟังดูคล้าย ๆ กับเพลงที่แล้ว แต่เล่นสดสนุกมาก ชวนดิ้นทุกเพลง แถมยังได้วิชวลสวย ๆ จาก Sirasith Visual เจ้าเก่ามาสร้างสรรค์ภาพมายาละลานตาในงานวันนี้ และปิดท้ายกันด้วยคัฟเวอร์งานจาก The Beatles – Revolution 1 กันแบบเดือด ๆ โชว์ศักยภาพทางดนตรีที่ดุดัน เสียงร้องก็มีเสน่ห์สุด ๆ
ไม่รอช้าต่อด้วย Evil Dude ที่เหมือนเป็นการรียูเนียนของวง Seal Pillow เพราะควงแขนมั่มซ่า กับอารยา มาเล่นแบ็คอัพด้วย เราเป็นแฟนตัวยงของวงนี้อยู่แล้ว เรียกว่าดีเหมือนที่คาดไว้ ดนตรีสนุกสนานสไตล์ power pop แฝงซาวด์เคลิ้ม ๆ ลอย ๆ โยกตัวไปมาเบา ๆ ตามจังหวะกลอง เพลินร่างมาก ที่สำคัญคือ โม นักร้องนำน่ารักมาก ได้เห็นเธอมายืนร้องเพลงใกล้ ๆ แบบนี้แล้วใจละลาย กับเพลงที่ขนมาเล่นในวันนี้ทั้ง High on Wheels และเพลงคัฟเวอร์วงน้อง ๆ The 1975 อย่าง Pale Waves – There’s A Honey ต่อด้วยเพลงใหม่ที่ยังไม่ได้ปล่อยที่ไหน Wasted Life ก่อนจะสลับกลับไปคัฟเวอร์ Ariana Grande เพลง Into You ที่เอามา re-arrange ผสมผสานกับท่อนเบสติดหูจากเพลง Billie Jean ของ Michael Jackson แล้วจึงเป็นเพลง Polaroid ของวง Seal Pillow ที่ถูกนำมาทำใหม่เป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษและอัพบีทขึ้นเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยเพลง Sea Foam Blue ที่แอบเล่นผิดนิดนึง แต่ไม่เป็นไร เพราะโชว์โดยรวมก็ทำเราบันเทิงได้ไม่น้อยเลย
แล้วก็ถึงวงที่รอคอย Orbital XX ฟินเหมือนยานแม่มารับ เป็นวงที่มีเพลงแตกต่างจากวงอื่น ๆ เพราะเขามาเป็น house, electronic ยังไงล่ะ ติดใจมากจากงานครั้งก่อนที่เป็นปาร์ตี้ค่าย Comet Records เขาล่ะ ทีมงานฟังใจสายแด๊นซ์นี่รวมตัวกันที่หน้าลำโพงฝั่งซ้ายของเวที เต้นยับกันตั้งแต่เพลงแรก รู้สึกดีที่ประกาศตัวเป็นแฟนเพลงวงนี้มานาน โยกหัวจนปวดคอ กระโดดโลดเต้นสุดเหวี่ยงจนเข่าแทบทรุดใน Intro เพลงแรกต่อด้วยเพลงที่ทำให้เราติดพวกเขางอมแงมอย่าง Gravity แถมยังได้ ญาณิน นักร้องโฟล์กเสียงสวยมาร่วมร้องในเพลงใหม่ Alright ให้คนดูเซอร์ไพรส์ และปิดท้ายกันที่เพลงภาษาไทย จม เท่าที่เต้นไปนับไปดูเหมือนว่าเขาเล่นแค่ 4 เพลงเองมั้งน่ะ เสียดายมาก รู้สึกคืนนั้นมันยังไม่พอ ถ้าไม่ติดว่าอยากดูวงอื่น ๆ ที่เหลือคงพุ่งตัวไป BE<M กันหมด ไว้ถ้า Orbital XX ไปเล่นที่ไหนอีกจะตามไปดูให้ได้เลย
วงที่สี่ตามมาอย่างรวดเร็วกับ Apollo 13 วงน้องใหม่ฝีมือจัดจ้าน ลีลานักร้องนี่สุดสวิงริงโก้เอาคนดูได้อยู่หมัด โดยหยิบเพลงของตัวเองอย่าง สังคมก้มหน้า, ได้เจอ มาเล่น ก่อนที่จะเป็นคัฟเวอร์เพลงจากอัลบั้มใหม่ของ Two Door Cinema Club – Bad Decisions แบบเนียนกริ๊บ แล้วยังคัฟเวอร์เพลงของ คำบางคำ ของ Squeeze Animal ในสไตล์ตัวเองได้สุดมาก เผลอหลุดเต้นออกไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนปิดท้ายกันที่เพลง พอกัน คาดว่าคงกลายเป็นขวัญใจวัยโจ๋ โกยแฟนคลับกลับบ้านไปเป็นกระบุง
ปิดท้ายกันที่วง BOYJOZZ ที่เป็นขวัญใจทีมงานจนต้องชวนมาเล่นในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เราตกใจมากที่ตัวเองรู้สึกสนุกไปกับเพลงฟังก์สำเนียงใต้ของเขาได้ เป็นความแปลกประหลาดในประสบการณ์ฟังเพลงมากทั้งเพลง หรอยเว้อ หรือเพลง ลมเพลมพัด ที่เป็นงานจากวง มาลีฮวนน่า ก่อนจะไปต่อที่งานตัวเองอย่าง ใต้โคนพร้าว, ไข่นุ้ยอยู่โบล๊ะ แล้วปิดท้ายกันที่เพลงโด่งดังอย่าง อีสาวเห้อ เต้นกันจนขาขวิดเรยนิไอ้ไข่นุ้ย! หน้าพี่บอยจ๊อสดูมีความสุขตลอดเวลา เอนเตอร์เทนคนดูได้สนุกมาก ทุกคนยังอังกอร์อย่างพร้อมเพียงกันเพราะไม่อยากให้ความสุขในคืนนี้จบลงเลย
งานเลิกแล้วแต่ฟังใจก็ยังดูแลเราตลอดทางกับโค้ด UBER ที่ช่วยประหยัดค่ารถกลับบ้านได้ครึ่งต่อครึ่ง ระหว่างทางก็เลยหยิบเพลย์ลิสต์ ฟังใจมัน 3 ขึ้นมาฟังอีกครั้ง ต้องยอมรับว่า Costlywood เป็นวงที่ได้ใจเรามากที่สุดในคืนนี้ เลยเปิดฟังไปตลอดทางกลับบ้านเลย