เข้าห้องเรียนตื๊ด FungjaiLab กับ TELExTELEXs, SOLE, DCNXTRม Cyndi Seui
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
15 มิถุนายน 2561
ครั้งที่สองแล้วสำหรับคอนเสิร์ตซีรีส์ Tiger presents Fungjai Lab : Electronic 101 กับเพลงอิเล็กทรอนิกหลากหลายแนวให้เราได้มาศึกษาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันกับ TELEx TELEXs, S.O.L.E, DCNXTR และ Cyndi Seui
งานยังจัดที่เดิมที่ Glow Fish สาธร แต่สิ่งที่ใหม่สำหรับงานนี้เห็นจะเป็นการเซ็ตอัพเวทีเป็นแนวตามยาวรับกับแปลนห้อง ทำให้คนดูเหมือนมายืนเข้าแถวหน้ากระดานในชั่วโมงโฮมรูม ซึ่งคุณครูคนแรกที่ขึ้นสอนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน TELEx TELEXs เองจ้า วงซินธ์ป๊อปที่ได้อิทธิพลซิตี้ป๊อปมาอย่างรุนแรงจากงาน EP ชุดก่อน หลังจากที่พวกเขาปล่อยเพลงใหม่ออกมาสามเพลงทำให้เราเห็นพัฒนาการชนิดก้าวกระโดด แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งเสียงวินเทจซินธ์เอเชียน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาไปเสียทีเดียว รวมถึงวิธีการร้องของออมก็เปลี่ยนไป รึเปล่า อาจจะคิดไปเอง แต่เรารู้สึกว่ามันกลมกล่อมกว่าเดิมมาก
เริ่มที่การเปิดซาวด์เป็นอินโทรของโชว์ บอกว่าเทเล็กซ์มาแล้วนาจา คล้าย ๆ กับที่เราเคยได้ยินในโชว์ของ DCNXTR เมื่อก่อน วงนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Tiger Jams แล้วก็เล่นในงานฟังใจมันครั้งแรก ๆ ด้วย ถือว่าอยู่กับเรามายาวนานเหมือนกัน วงเองก็บอกว่า คิดถึงชาวฟังใจจังเลยยย คิดถึงเหมือนกันฮะ เปิดด้วยเพลง Labelle ซึ่งแฟนเพลงก็ให้ความร่วมมือช่วยร้องกันเป็นอย่างดีตั้งแต่ในเพลงแรก ตามด้วย Shibuya จากนั้นออมก็ถามว่า ไหนใครมาคนเดียวบ้างงง เป็นการนำเข้าสู่เพลงใหม่ เพื่อนชื่อความเหงา คือในบรรดาสามเพลง เราชอบสีสันดนตรีของเพลงนี้ที่สุดกับความน่าสนใจที่เอาซาวด์ใหม่ ๆ มาใช้และดูโตขึ้นด้วย จากนั้นก็เชื่อมเข้าเพลง เรือใบ แบบเนียน ๆ เลย รู้สึกว่าวงเก๋าขึ้นมาก และเพลงก็เท่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว ตามด้วย หยุดตรวจ เป็นเมดเลย์ต่อกัน เพิ่งได้ตั้งใจฟังเพลงนี้และดูสด ๆ ครั้งแรกก็เป็นอีกเพลงที่เจ๋งของวงนะ จากนั้นก็เป็นอีกเพลงฮิตของวง นั่นคือ ถาม และเพลงใหม่ เอายังไง ซึ่งเราชอบเสียงซินธ์แกว๊ง ๆ ตอนต้นเพลงมาก (เรียกว่ายังไงดี เสียงมันแกว๊ง ๆ อะ) ก่อนจะต่อกันที่ ซ่อน และส่งท้ายกันไปด้วย 16090 ที่ได้ เติ้ล The Whitest Crow หรือ S.O.L.E ขึ้นมาช่วยสร้างสีสันในการแร็ปกับปิ้วด้วย
จากนั้นก็ถึงคิวของ Cyndi Seui อีกวง nu-disco, funk ในตำนานที่มาร่วมงานฟังใจครั้งแรก เรารอพวกเขามาเป็นส่วนหนึ่งของงานฟังใจมานานมาก ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ซึ่งโชว์นี้ไม่ธรรมดาตรงที่มีแขกรับเชิญพิเศษมาร่วมร้องถึงสามคน คือ เบียร์ สรณัฐ จากวง ไมตรี, ไมเคิล สวัสดิ์เสวี และ เมย์ วง Fwends โดยเพลงที่หยิบมาเล่นก็มีทั้งเพลงดัง เพลง B side และเพลงที่ทำให้หลายคนคิดถึง เริ่มกันเลยที่ All It Takes ให้เราโยกกันหนึบ ๆ ต่อด้วย Ever Ready เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่น่ารักมาก ชวนเต้นได้สนุกเลย แต่ปัญหาที่เราเห็นตอนนี้คือเพลงเต้นได้นะ แต่คนไม่เต้นกัน แต่ก็ยังตั้งใจดูกันอยู่ก็ยังโอเค จากนั้นก็เป็นเพลง Lover Player ที่เบียร์ขึ้นมาร้องด้วยแล้ว สลับให้ไมค์ขึ้นมาทำหน้าที่ต่อใน Flash Back แต่คนก็ยังไม่จอยกับเพลงอยู่ดี เราก็เลยต้องเต้นบิ๊วอยู่ข้าง ๆ เวทีแบบ ที่ยืนข้างหน้าไม่มีแล้วก็ทนซาวด์ตรงบริเวณนั้นที่เหมือนหูอื้อไปข้างนึง ตามด้วย Cow Cow Boy Boy ที่จังหวะดรอปลงมาให้หายใจหายคอนิดนึง แล้วจึงเป็นเพลงที่หลายคนน่าจะรู้จักคือ Toy Boy ที่ตอนนี้สังเกตว่าคนเริ่มเต้นกันมากขึ้นแล้ว ใจชื้นแทนวงแล้วครับ ต่อด้วย Hey You กันเลย และทันทีที่ Zeropolis กำลังจะเล่น พอต้าบอกว่าคนที่จะมาร้องด้วยในเพลงนี้คือเมย์ Fwends ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจของแฟนเพลงบางคน รู้สึกว่าเสียงของเมย์เหมาะจะมาร้องในเพลงแบบนี้มาก ๆ ก่อนส่งท้ายกันที่เพลง Up to the Beatz ที่เบียร์กลับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเพลงน่ารักของวงที่เราชอบมากอีกเพลง จากเพอร์ฟอร์แมนซ์ของวงถือได้ว่าเป็นโชว์ที่ดีที่สุดของงานในวันนี้เลย
แล้วก็ได้เวลาของ DCNXTR วงที่เคยฝากความประทับใจไว้ในงาน เห็ดสด 2 และหลังจากที่ห่างหายจากการแสดงสดไปนานก็กลับมาคืนเวทีอีกครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้ความรู้สึกระหว่างดูของเราคือ วงก็ยังเท่เหมือนเดิม แต่เทียบกับสองวงก่อนหน้าที่ค่อนข้างมีปฏิกิริยาโต้ตอบหรือเอนเตอร์เทนคนดูมากกว่านี้เลยทำให้โชว์สนุกกว่า ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้มาก ๆ คือพอเพลงไหนมี live bass มันจะรู้สึกมีชีวิตชีวากว่ามาก ๆ แต่เรื่องตัวเพลงที่บางเพลงก็นำมารีมิกซ์ก็ทำให้เพลงที่เคยฟังน่าสนใจขึ้น โดยวันนี้พวกเขาก็เปิดตัวด้วยเพลง Connext แล้วชาลีก็กล่าวทักทายแฟน ๆ โดยบอกว่าคิดถึงชาวฟังใจอีกเหมือนกัน แล้วก็ชวนเราดวดเบียร์กันในแทบทุกครั้งที่จบเพลง ต่อด้วย P./ Again ที่แฟนเพลงร้องตามกันได้ และเพลง Y กับทำนองสุดติดหู จากนั้นก็เป็นเพลงฮิต Summer Rain ที่นำมารีมิกซ์จนเท่ขึ้นมาก ประกอบกับไฟที่ยิงเป็นลำแสงสามสี่เส้นมาตรง ๆ เป็นแนวเดียวกับห้องที่จัดงานตามยาว สร้างมู้ดได้ดีมาก ตามด้วย Copy/Run และ Cont. ที่เป็นเวอร์ชันรีมิกซ์อีกเหมือนกัน ตามด้วยเพลงใหม่ กลับมาที่เพลงซึ่งหลาย ๆ คนคิดถึง Dark(er) Knight, Beautiful Moment และ Summer Rain อีกครั้งก่อนปิดท้ายที่ P./ Again ในเวอร์ชันรีมิกซ์
และในที่สุดก็ถึงวงสุดท้าย S.O.L.E วงที่เราการันตีความเดือด ยิ่งเล่นยิ่งเท่ ยิ่งมัน แม้ตอนนี้คนดูจะทยอยกลับบ้านกันไปเยอะแล้วจากที่ตอนแรกยืนกันแน่นขนัด ตอนนี้มีที่พอจะให้มอชพิตได้เลยล่ะ (ซึ่งตอนหลังก็มีคนมอชพิตกันจริง ๆ) เปิดกันด้วยการโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งของแฟนเพลง หลาย ๆ คนก็เป็นทีมงานฟังใจกันเนี่ยแหละเพราะก็ต้องยอมรับว่าชอบในความสุดของโชว์มาก มาเลยครับกับเพลง Bangkok Teenage Renaissance กับทำนองหมอลำสุดปั่น เด้อนางเด่ออะไรแบบนั้น ตามด้วย Cyber Punk ที่ตอนนี้เครื่องทุกคนติดแบบหยุดไม่อยู่ ฟากซ้ายของเวทีมีการเลื้อยเกิดขึ้น ตามด้วยเพลงโปรดของเรา Psycho Killer และอีกเพลงที่ขึ้นต้นด้วยเสียงกระเส่าจากเซ็กซ์โฟนอย่าง Call Me ที่แฟนเพลงกระโดดและแหกปากตะโกนตลอดท่อนฮุก แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะระเบิดกันอีกรอบในเพลง When Everyone is Doing a Moshpit เริ่มมีการมอชเบา ๆ เกิดขึ้นด้านหลัง และเพลงต่อไป Please Protect Me From What I Want ที่มันสุดติ่ง ก่อนจะยอมลดดีกรีความแรงด้วยเพลงเศร้าที่เขาแต่งเพราะคิดถึงแฟนเก่าอย่าง I Want You Back แอบได้ยินคนดูพูดว่าฟีลของเติ้ลในเพลงนี้มีความเป็น Kanye West อีกคนก็บอกว่า ‘ถ้าแฟนเก่าแต่งเพลงนี้ให้กูกลับไปหาเลยอะ’ หล่อจริงครับ จากนั้นก็กลับมาที่เพลงมีจังหวะหน่อยอย่าง Rich และปิดท้ายด้วย Like A Magic ในเวลาเที่ยงคืนตรง แต่สุดท้ายแล้วคนดูก็ตะโกนอังกอร์ วงก็จัดอีกสองเพลงให้คือ If You Want To Run, Run Faster และวงมอชก็บังเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับลากันไปด้วยเพลง Don’t You Know เป็นอันได้เวลาแยกย้ายกลับบ้าน
ยังเหลืองานครั้งสุดท้ายนั่นคือ Tiger presents Fungjai Lab : Thai Fusion 101 ให้เราได้ไปสนุกและซึมซับความแปลกใหม่ในความดั้งเดิมของดนตรีพื้นถิ่นที่อาจเคยได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน ใครยังไม่มีบัตรก็ไปจับจองได้ที่หน้างานเล้ย