Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

รวมพลคนเดือดใน Egomaniac’s Kiss กับ 4 วง 4 สไตล์ที่ทำเอาโดดยับ

  • Story and photos by Montipa Virojpan

31 มกราคม 2562

75th Curveball โปรโมเตอร์ที่มักจะเสิร์ฟวงดนตรีรสชาติแปลกใหม่ให้เราได้ลองฟังกัน กลับมามอบความสนุกอีกครั้งในคืนสิ้นเดือนมกราคม แต่ที่พิเศษคืองานนี้มี Hariguem Zaboy และ Summer Dress ขนเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่ยังไม่ปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการให้ได้ฟังกันแบบไม่กั๊ก ร่วมด้วยการกลับมาของวงบริตร็อกรุ่นพี่ Redtwenty และศิลปินเดี่ยวจากเบอร์ลินอย่าง Atariame เน้น แน่น ไปเลย 4 วงในคืนเดียว

เวลาประมาณสามทุ่มสิบห้าที่ De Commune ผู้ชมเริ่มทยอยเข้ามาด้านในฮอลหลังจากได้ยินเสียงเธอกล่าวอะไรเล็กน้อยก่อนเล่นโชว์ใครจะนั่ง หรือจะนอนฟัง หรือจำทำสมาธิ ก็ตามสบายเลยนะคะAtariame ยิ้มเขิน สปอตไลต์ส่องลงมาตรงจุดที่เธอยืน และเริ่มบรรเลงเพลงแรกด้วยกีตาร์โปร่ง เป็นแอมเบียนต์โฟล์กที่ใช้เสียงร้องไปทำ looping ซ้อนกันหลาย เลเยอร์ เสียงฮึมฮัมในลำคอทำให้รู้สึกว่าร้องไม่เป็นภาษา แต่ขณะเดียวกันความหวานใสและกังวานในเนื้อเสียง รวมถึงลุคของเธอไม่ต่างอะไรไปจากเทพธิดาจากสรวงสวรรค์มาร้องรำให้เราฟังก็มิปาน แล้ววินาทีนั้นรู้สึกว่าโชว์ของเธอสร้างสมาธิให้เราได้ดีมาก จากการเล่นน้อยชิ้น ทำให้ต้องตั้งใจฟังรายละเอียดในเสียงเบา พวกนั้นที่ผสมออกมาอย่างระณีต คือถ้ามีใครคุยขึ้นมาเราจะถูกตัดขาดจากการสื่อสารของเธอทันที ดังนั้นแล้วเราจึงต้องหาจุดเหมาะ ในการยืนฟังเป็นพิเศษ

เมื่อเพลงแรกผ่านไปก็เริ่มเป็นเพลงที่มีจังหวะจะโคนมากขึ้น แต่ก็ยังเน้นความเป็นโฟล์กจากกีตาร์โปร่งอยู่ ส่วนอีกเพลงหนึ่งก็เปิด midi เป็นลูปเหมือนกำลังสะกดจิตคนฟัง ด้วยองค์ประกอบของอิเล็กโทรแอมเบียนต์เลยทำให้เพลงโฟล์กหม่น นี้ดูไม่ซึมเซาจนเกินไป ทั้งยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของทุ่งหญ้ากว้าง เหมือนเป็นที่อาศัยของชนเผ่าท้องถิ่นสักกลุ่ม แม้เพลงของเธอจะมีน้อยมากแต่คุ้มค่าจริง ที่ได้มารับชมเธอในวันนี้

จากนั้นก็ถึงเวลาสนุกสนานกับ Summer Dress ที่เราได้ข่าวมาว่าตอนนี้วงกำลังซุ่มทำเพลงอัลบั้มสามกันอยู่ และแน่นอนว่าวันนี้พวกเขาก็มีเพลงใหม่มาให้เราลองฟังกันสด ด้วยถึงสองเพลง เปิดมาด้วย Upset ถ้าใครติดตามวงนี้อยู่ก็จะเห็นว่าพวกเขาเคยอัดไลฟ์คลิปเพลงนี้ให้เราได้ดูกันในแฟนเพจของวง สีสันที่แปลกใหม่ในเพลงนี้ยิ่งทำให้เราเหวอพอ กับตอนที่อัลบั้ม Serious Music ถูกปล่อยออกมา เมื่อเพลงนี้อัดแน่นไปด้วยความเป็นนีโอไซคีเดลิก ซาวด์พุ่ง เหมือนกำลังจะไปวิ่ง 4 x 100 และการเรียบเรียงเหลือร้ายทำให้เรารอไม่ไหวแล้วที่จะฟังทั้งอัลบั้มแบบเต็ม ก่อนจะกลับมาเล่นเพลง 1-10 บอสซาโนว่าสไตล์ Summer Dress ที่ทำให้ต้องร้องเพลงตาม และรอให้ถึงท่อนโซโล่จะได้โยกไปกับเมโลดี้ย้วย หนึบ

แล้วก็มาถึงเพลงที่สามที่บอกเลยว่า hyped มาก กับเพลง Fun D ที่มีความเป็นคลาสสิกร็อกยุค 70s ติดความคาวบอยนิด แต่มีเอเลเมนต์อิเล็กทรอนิกและซินธ์สุดหลอนทำให้เพลงโดดเด่น แต่ที่พีคที่สุดคือเนื้อหาของเพลง จะมีการร้องว่าฝันดี ฝันเด่นเล่นกับคู่แฝดคนดังในอดีต (ซึ่งทั้งเท่ กวน และกล้ามาก  ตรงที่ท่อนนึงร้องว่า ‘ฝันดี ฝันเด่น พวกเขาเป็นดารา’) แต่อันที่จริงคือการเพ้อถึงคนที่แอบชอบในฝัน มีท่อนที่พึมพำเหมือนตกอยู่ในห้วงรักแบบโงหัวไม่ขึ้น ตามด้วย Sunny Talk ที่อินโทรเป็นการขึ้นมาแค่กีตาร์ของเต๊นท์ ก่อนจะตามสมทบมาด้วยคีย์บอร์ดที่ปรับโทนให้คล้ายเปียโนสุดหลอนจิตของปอนด์ และไล่ระดับความมันไปถึงจุดที่ใช้ซินธ์เสียงแตกสุดเดือด จากนั้นก็เป็น The Beatles Fever ที่ไม่แน่ใจว่าตอนต้นโชว์แกล้งเล่นเพลง น้ำลาย ของ Silly Fools แซวกันหรือเปล่า และปิดท้ายกันไปที่ Soundscape ที่เรารู้สึกว่าเพราะมากหลังจากที่ไม่ได้ฟังมาพักใหญ่ ขอยืนยันเสมอว่า Summer Dress คือวงที่เล่นสดได้น่าตื่นเต้นและมีการอะเรนจ์ใหม่แทบทุกครั้ง ทำให้เราไม่เคยเบื่อโชว์ของพวกเขาเลย

จนกระทั่งเวลาเกือบห้าทุ่ม ก็เป็นคิวของ Hariguem Zaboy ที่โชว์นี้พวกเขาจัดเต็มกับเพลงจากอัลบั้มชุดที่สามแบบเน้น ให้เราได้หูพร่ากันถ้วนหน้า ก่อนกลับเข้าไปถึงกับมีคนถามเราว่าเอา earplug ไหม เพราะดูท่าทางแล้วซาวด์ในวันนี้จะเปิดสุดแอมป์กันเลย มาเจอกันกับเพลงแรกด้วยดนตรีที่แตกต่างจากสองชุดก่อนหน้าลิบลับ ความดิบเถื่อนและความหน่วงเมาแบบ stoner rock ที่ต้องโยกตามแรง ใน I’m in the Stripeland ต่อด้วยเพลงชื่อ No Services ที่ความพังก์พุ่งพล่านแบบหยุดไม่อยู่ ต่อด้วย Pier No. 41 ที่ จ้า ฟรอนต์แมนพูดอะไรบางอย่างใส่เข้าไปในเครื่องแปลงเสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟังวิทยุรุ่นเก่า ความ lo-fi และดิบตั้งแต่ต้นในเพลงนี้บวกกับ Jagermeister 2 ช็อตที่ไหลเวียนในเส้นเลือดทำให้เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ตามมด้วย Say Goodbye to Margot ที่ทำให้เราเผลอนึกไปว่า นี่กำลังอยู่ในไลฟ์เฮาส์ลอนดอนที่พวก oi! เล่นเพลงพังก์กันอยู่หรือเปล่า เดือดมาก มีท่อนที่ mute เครื่องดนตรีทุกชิ้นแล้วกลับมาเล่นต่อคือเท่เกินไปแล้วววว

กลับมาที่ Southpole ที่เป็นเพลงเน้นไลน์เบสหนักหน่วง และมีเสียงแทมบุรินขึ้นมาเคาะจังหวะ ก่อนจะให้บรรยากาศเหมือนกำลังฟังได้ฟังเพลง Joy Division สักเพลง แล้วจึงเป็นเพลง My Teenage Letter กับบีตย่อง น่ารัก ประหนึ่งลุง Lou Reed มากล่อม ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกแบบเพลงไซคีเดลิกร็อกหนัก สารภาพว่าตอนนี้เริ่มปะติดปะต่อไม่ค่อยได้แล้วว่าเพลงอะไรเป็นอะไร อาจจะมีการอธิบายลักษณะของเพลงคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ก็ไปขอรายชื่อเพลงที่วงเล่นมาเผื่อจะไปติดตามกันต่อหลังจากอัลบั้มปล่อยแล้ว ซึ่งเพลงต่อไปที่เล่นก็คือ T.N.T.B Hurt, (She Loves Her) Expenzive Hair Style และปิดท้ายด้วยเพลงเบสวิ่ง ในชื่อ Christine Thompson โอ้โห เอาจริงคือไม่ต้องบรรยายอะไรมากสำหรับวงนี้ เพราะทันทีที่จบโชว์ก็มีคนดูประกาศตัวเป็นแฟนคลับทันทีทั้งที่ไม่เคยฟังเพลงเหล่านี้มาก่อน

งานก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงช่วงสุดท้าย ที่พี่ใหญ่ Redtwenty ขึ้นมาประจำการบนเวที ถ้าให้ย้อนกลับไปถึงการดู Red Twenty เล่นสดครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นช่วงงาน 16 ปี Panda Records ที่จัดที่โรงภาพยนตร์ธนบุรีรามา ย่านจรัญสนิทวงศ์ เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ก็เหมือนเป็นการได้กลับมารียูเนียนกันอีกครั้ง แบงค์ ฟรอนต์แมน เปิดโชว์ด้วยสุนทรพจน์เกี่ยวกับการรณรงค์ให้กัญชาถูกกฎหมายสักทีในประเทศไทย แล้วก็พากันกลับไปช่วงยุค 90s – 2000 กับเพลงบริตป๊อปมัน ของพวกเขา เปิดมาด้วยเพลงจากอัลบั้มคอมพิเลชัน 6 Dialogues Come Through the Wall อย่าง Rockstar สุดจะร็อกแอนด์โรล ต่อด้วย Every Little Love ที่เปิดมาด้วยเบสหนักหน่วง กับซาวด์ดนตรีอัลเทอร์เนทิฟหนัก และการร้องอย่างเกรี้ยวกราด แต่เข้าท่อนฮุกด้วยเมโลดี้สวยงาม แล้วจึงเป็นเพลงเท่ สนุก จาก EP TwentyTen ใน Rolling Like The Stones มีจังหวะขัด กับไดนามิกเพลงที่ดรอปลงมาให้ผงกหัวตาม และลูกส่งท้ายเพลงที่วัยรุ่นเอามาก ตามด้วยเพลงใหม่ล่าสุดของพวกเขาที่เพิ่งปล่อยเมื่อเดือนที่แล้ว Stop and Say Hi ที่ได้กลิ่นอายบริตป๊อปอัพบีตจากเพลงก่อนหน้าจนเราต้องเต้นพล่าน จากนั้นก็เล่น You’re So Special โดดเด่นด้วยริฟฟ์กีตาร์ที่ตรงรุ่นมาก ถูกยุคมาก แล้วปิดท้ายกันไปที่ DJ is a Friend of Mind เอาให้ร็อกแอนด์โรลกันแบบสุดตัว เมโลดี้น่ารักมากแบบที่ฟังทีเดียวก็ต้องโดดไปกับเพลงแล้วร้องตามได้อย่างรวดเร็ว

Egomaniac

เป็นงานที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก และรู้สึกว่ายังไม่ดึกเลย กำลังคึกสุด แบบนี้มันต้องไปต่อ! เอ้ย เดี๋ยว สรุปงานก่อน ก็คือแต่ละวงในวันนี้ทั้ง Atariame, Summer Dress, Hariguem Zaboy และ Redtwenty ต่างมีซาวด์ดนตรีเฉพาะตัวแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทุกวงก็ดึงศักยภาพของเพลงที่มีออกมานำเสนอได้แบบถูก channel ทำให้เราสนุกและอินไปกับทุกวงจริง ขอบคุณวงที่กลับมาเล่น ขอบคุณวงที่กล้าเอาเพลงใหม่มาให้ได้ฟังกันแม้จะไม่เคยปล่อย studio version ออกมา ขอบคุณที่ทำให้ได้มารู้จักกับศิลปินที่มีพรสวรรค์ แบบนี้จะไม่ให้ติดตาม 75th Curveball ต่อได้ยังไงล่ะ ตั้งแต่จำความได้แก๊งนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้งเลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้