ปิดถนนเต้นหน้าเยาวราช! ‘Diga Diga Doo 2019’ ปาร์ตี้สวิงแดนซ์สุดมันกลับมาแล้ว
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Bangkok Swing
คอมมิวนิตี้ Bangkok Swing เริ่มขยับขยายและคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และพวกเขาก็ทำให้ซีนลินดี้ฮอปในไทยกลายเป็นที่จับตามองในกลุ่มนักเต้นทั่วโลก หลายคนยอมตีตั๋วเดินทางมาร่วมงานอยู่บ่อย ๆ ทั้ง Big Bang Swing ค่ายเต้นสวิงที่จังหวัดนครปฐม ที่จะให้เราเข้าไปเวิร์กช็อกเต้นแบบต่าง ๆ และมีไฮไลต์เป็นการเต้นรำบนถนนโดยมีฉากหลังเป็นพระปฐมเจดีย์ รวมถึงอีกงานใหญ่ Diga Diga Doo น่าเสียดายที่ปีที่แล้วพวกเขาเว้นว่างไป แต่นั่นก็ทำให้เกิดเป็นนิมิตหมายที่ทุกคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะยังคงจำได้ดีว่างานในปีที่ผ่าน ๆ มาสนุกแค่ไหน
Diga Diga Doo คือปาร์ตี้และเวิร์กช็อปเต้นรำโดยกลุ่มนักเต้นสวิงในกรุงเทพ ฯ เริ่มจัดงานมาตั้งแต่ปี 2015 พวกเขายกกันไปเต้นที่โรงแรม Shanghai Mansion ในเยาวราชและเปลี่ยนให้บอลรูมชั้น 6 กลายเป็นปาร์ตี้เต้นรำที่ย้อนกลับไปช่วงปี 1930s ซึ่งจะมีวงดนตรีสดและนักเต้นชั้นนำจากทั่วโลกมาร่วมแสดง รวมถึงมีผู้คนมาเต้นรำตลอดทั้งคืน
งานนี้จัดต่อเนื่องมาจนปี 2017 เรายังจำได้ดีกับความรู้สึกครั้งแรกที่ได้มาร่วมงาน Diga Diga Doo ในปีนั้น เราได้รับเชิญมาในฐานะสื่อโดยที่ความสามารถในการเต้นสวิงแทบเป็น 0 แต่ด้วยบรรยากาศของงานที่มีชีวิตชีวา ทุกคนตั้งใจมาปาร์ตี้เต็มที่ แต่งตัวจัดเต็ม หน้าผมเป๊ะมากเหมือนพาเราหลุดไปในยุคทองของเพลงแจ๊สที่เหล่า flappers พากันออกมาสังสรรค์ก็ไม่ปาน แค่นั้นก็ทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับงานแล้ว ซึ่งมันทำให้เราเกิดปฌิธานว่าจะต้องเต้นให้ได้ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้จัดงานนี้ในปี 2018 แต่มันจะกลับมาอีกครั้งในปี 2019 จากที่นับวันรอมาหลายเดือน และไปลงเรียนจนเต้นได้ประมาณนึง ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง
21 กันยายน 2562
อันที่จริงงานในปีนี้เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 กันยายน โดยมี welcome party ต้อนรับนักเต้นจากทั่วโลกให้ได้มาอุ่นเครื่องกันก่อน งานจัดขึ้นที่ The Hop สีลมซึ่งเป็นที่เต้นประจำของคอมมิวนิตี้นี้อยู่แล้ว ซึ่งเราพลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้ยินว่าบรรยากาศอบอุ่นมาก ๆ ตั้งแต่คืนแรก แบบที่ว่าเดอะฮอปแทบแตก!
จนมาถึงคืนวันเสาร์ซึ่งเป็นงานปาร์ตี้แบบทางการ ความพิเศษของปีนี้คือทีมงานได้ปิดถนนหนึ่งเลนบริเวณด้านหน้าสถานที่จัดงานอย่าง Shanghai Manshion เพื่อไม่ให้กระทบการจราจรที่เนืองแน่นของเยาวราช การปิดถนนเต้นนี้เป็นสิ่งที่ทีมงานตั้งใจจะทำในหลายปีที่ผ่านมา จนปีนี้พวกเขาก็ทำได้สำเร็จโดยปิดถนนเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงเริ่มตั้งแต่ทุ่มตรงเป็นต้นไป ถือเป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาของปาร์ตี้สวิงแดนซ์สุดยิ่งใหญ่งานนี้ แม้ฝนจะโปรยลงมาก่อนงานเริ่มจนหลายคนตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่า street jam จะเกิดขึ้นไหม สุดท้ายฝนก็หยุดทันเวลา นักดนตรีไปรวมตัวด้านหน้าโรงแรมพร้อมด้วยนักเต้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรามาทันการเต้นในเพลงสุดท้ายพอดีเลยได้ลงไปแจมกับเขา บอกเลยว่าถนนลื่นมากแต่ก็เป็นบรรยากาศที่แปลกไปอีกแบบ ยังไม่ทันไรก็เริ่มคึกคักกันแล้ว
พอเต้นกันเสร็จ ทุกคนก็ย้ายเข้ามาข้างใน Rose Room บาร์ของทางโรงแรม โดยมี Gordon Webster Band มาเล่นดนตรีพร้อมให้เราจิบค็อกเทลพิเศษที่มีขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อร่อยสดชื่นมาก ระหว่างนั้นเราอยู่บนชั้นลอยที่พอมองลงมาตรงบาร์ข้างหน้าก็เห็นนักเต้นบางคนเริ่มเต้นอุ่นเครื่องกันแล้ว
ประมาณสองทุ่ม ห้องบอลรูมก็เปิดให้ผู้เข้างานได้เข้าไป ระหว่างนั้นก็มีเพลงเปิดให้คนได้เริ่มเต้น เราก็เดินสำรวจในงานก็พบว่ายังมีบริการแต่งผม ตัดผมท่านชาย บริการขัดเงารองเท้า และมีร้านค้าเสื้อผ้าวินเทจ รองเท้าเต้นรำ accessory และของที่ระลึกของ Diga Diga Doo มาให้เลือกซื้อเช่นเคย
จนสองทุ่มครึ่ง Todd Yannacone และ Irina Amzashvili นักเต้นจากสหรัฐก็มี open class ให้ลูกเล่นประมาณ 3-4 ท่าในการเต้นลินดี้ฮอปกับทุกคน จนเวลาสามทุ่มสิบห้า ไฟในบอลรูมก็ถูกหรี่ลงให้ทุกคนเริ่มเต้นไปกับดนตรีสดจาก Gordon Webster Band ซึ่งแรกเริ่มก็ยังเป็นเพลงช้า ๆ ให้ได้วอร์มอัพ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงมีนักร้อง Jesse Selengut มาร่วมแสดง ระหว่างนี้เราก็จัดแจงกดไวน์แดงหนึ่งแก้วแล้วโดดลงไปที่ฟลอร์ เต้นแบบไม่ลืมหูลืมตา
ต้องบอกว่างานนี้ได้เต้นแบบแทบไม่มีพักเพราะฟลอร์ก็เนืองแน่นไปด้วยนักเต้นจากนานาชาติ เรียกว่าทุกคนจะได้เต้นกับทุกคนไม่ซ้ำหน้า สเต็ปของคนแต่ละประเทศก็แตกต่างจากลีดเดอร์ที่เราเต้นด้วยในกรุงเทพ ฯ แทบทั้งสิ้น เป็นการเปิดประสบการณ์ไปอีกแบบราวกับบินไปเต้นต่างประเทศ
ประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ ทันทีที่เพลง Shim Sham ถูกบรรเลง นักเต้นทุกคนก็มารวมตัวเป็นวงกลมโดยมิได้นัดหมายและเริ่มเต้นไปในท่วงท่าเดียวกัน ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นสัญญาณว่าการแสดงแรกจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว นักเต้นทุกคนมานั่งล้อมวงกันหน้าเวที รับชมการแสดงเต้นแท็ปจาก Thomas Wadelton จากออสเตรเลีย โดยการมาของเขาครั้งนี้ก็ได้มาเปิดคลาสสอนเต้นแท็ปที่ The Hop เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ด้วยท่วงท่าการแสดงและลักษณะของเขาก็ต้องเรียนตามตรงว่าเป็นขวัญใจของสาว ๆ นักเต้นเลยแหละ (เขาร้องเพลงได้ด้วย!)
จากนั้นก็เป็นโชว์ของทีมนักเต้น Todd Yannacone, Irina Amzashvili, Juan Villafane, Mariel Gastiarena, Weimeng Zeng, Beibei Huang และโชว์น่ารักจากคอมมิวนิตี้สวิงแดนซ์ Tuxedo Junction จากเกาหลีใต้ ซึ่งทุกคนมาในชุด flappers และสูทยุค 20s ตามด้วยโชว์จากเจ้าบ้าน Bangkok Swing ที่น่ารักมาก ๆ และไฮไลต์คือโชว์ burlesque หรือการเต้นเปลื้องผ้าสมัยก่อน จาก Mila Spigolon จากลอสแอนเจลิสที่เซ็กซี่เย้ายวนสุด ๆ
แล้วเวลาประมาณห้าทุ่ม Gordon Webster ก็กลับมาพร้อมโชว์สุดบ้าคลั่งกว่าเดิม เปิดมาด้วยเพลงที่ทุกคนเต้น Big Apple ล้อมวงกัน มันเป็น routine dancing ที่เต้นวน ๆ ไปพร้อมกับเพลงเร็ว ๆ จังหวะเร้า ๆ ซึ่งเรายังเต้นไม่เป็น ขอไปหัดก่อน (ฮา) แล้วแดนซ์ฟลอร์ก็กลับมาให้เราเต้นตามปกติ บอกเลยว่าเสียเหงื่อเยอะมากจนต้องหลบมาพักก่อนจะไปเต้นต่อ จนได้เวลาที่โชว์เซ็ตที่สองขึ้น คราวนี้โธมัสกลับมาพร้อมร้องเพลงสุดโรแมนติก เสียงร้องนี่อย่างหวานสาว ๆ เข่าอ่อนละลายไปตาม ๆ กัน ไหนจะเป็นโชว์ขี้เล่นที่เขาเต้น โชว์สเต็ปเท้าไฟที่ดูเบาและกระฉับกระเฉงคู่กับกอร์ดอน แล้วก็เต้นแท็ปแบบรับส่งกันไปมา เป็นโชว์ที่น่ารักมาก ๆ ตามด้วยโชว์จากมิล่า ที่รอบนี้มาแบบน่ารักในชุดนางพญานกยูงรำแพนหางสีเทอร์ควอยซ์ ค่อย ๆ ปลดเปลื้องทีละชิ้น วับ ๆ แวม ๆ แบบขี้เล่น ก่อนจะเป็นโชว์จาก Tuxedo Junction อีกครั้ง
แล้วโอ๊ต ตัวแทนจากกลุ่ม Bangkok Swing ก็ออกมาเล่าถึงที่มาของชื่องาน Diga Diga Doo ว่าเกิดจากการนั่งหาชื่อจากลิสต์เพลงใน iTunes จนมาเจอเพลงนี้ของ Duke Ellington ซึ่งทีมงานทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันที่จะใช้ชื่อสนุก ๆ ของเพลงนี้เพราะมันแสนจะเข้ากับชื่องานนับแต่นั้นเป็นต้นมา จากนั้นเขาก็เชิญนักเต้นและนักดนตรีรับเชิญทั้งหมดมาขอบคุณด้านหน้าเวที ก่อนจะร้องเพลงต่อกับกอร์ดอนและระเบิดความสนุกช่วงสุดท้ายให้ทุกคนได้เต้นและมี circle jam จากนักเต้นกลางฟลอร์ สนุกมาก ๆ
เวลาล่วงเลยไปจนถึงตีหนึ่งแต่ความมันยังไม่ลดลงไปแม้นักเต้นบางส่วนจะทยอยกลับไปบ้างแล้ว (รวมถึงเรา) แต่ภาพหลังจากที่กลับบ้านมาก็พบว่าหลาย ๆ คนพากันขึ้นไปเต้นบนระเบียงหน้าเวที ทุกอย่างดูคลั่งและหลุดโลกมาก ๆ แบบนี้ชักจะรอ Sunday Night Party ที่จะเกิดขึ้นในวันต่อไปไม่ไหวแล้วสิ เพราะหลายคนพูดมาเป็นเสียงเดียวกันว่า after party คลั่งยิ่งกว่าวันงานจริงเสียอีก
22 กันยายน 2562
ความสนุกไม่หยุดอยู่แค่ในวันแรก เพราะ Bangkok Swing เขาเอาใจคนอารมณ์ค้างให้มาเต้นกันต่อที่ Prince Theatre Heritage Stay โรงภาพยนตร์ปรินซ์ในอดีตที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้มาเป็นโฮสเทลย่านเจริญกรุง แม้สายฝนจะเทลงมา (อีกแล้ว) แต่เหล่านักเต้นก็ไม่หวั่น
วันนี้แต่ละคนมาในลุคง่าย ๆ สบาย ๆ กะเต้นเรียกเหงื่อ แต่ก็มีบางคนที่ยังคงคอนเซ็ปต์วินเทจกันอยู่ด้วยความค้างแบบแก้ไม่หายจริง ๆ งานเริ่มให้คนเข้ามาตั้งแต่สองทุ่ม ก็เริ่มมีคนเต้นกันบ้างแล้ว แต่ต้องบอกว่าสถานที่แน่นไปถนัดตาเพราะคนมาเยอะมาก ๆ จนตอนสองทุ่มครึ่ง วง The Rhythm Hoppers ก็เริ่มแสดง นี่คือวงดนตรีคนไทยที่ใช้เวลาซักซ้อมกันมาหลายปีเพื่อให้นักเต้นสวิงได้เต้นไปพร้อมกับเพลงโดยเฉพาะ และต้องบอกว่าวันนี้วงเล่นดีมาก ๆ
จากนั้นตอนเวลาสามทุ่มครึ่งก็เป็นคิวของการแสดง ซึ่งกลุ่มแรกที่มาแสดงคือนักเต้นจาก The Hop ที่ลงคลาส performance กับ Hector Artal และ Sonia Ortega นักเต้นจากบาร์เซโลน่าที่มาเปิดคลาสให้เราได้เรียนกันไปเมื่อเดือนก่อน (สนุกมาก ๆ สองคนนี้ก็น่ารักมาก ๆ) และนี่เป็นโชว์ที่เราได้ดูกันมาบ้างทั้งใน graduation party และงานเลี้ยงส่งเฮคเตอร์กับซอนย่า คราวนี้พวกเขาก็เอามาแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักเต้นจากทั่วโลก
จากนั้นก็เป็นการแสดงแท็ปจากคลาสของ Thomas Wadelton และกลุ่ม Swing Dook Dik ที่เคยแสดงมาแล้วในงาน World’s Lindy Hop Day เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นโชว์เต้นโซโล่แจ๊สที่น่ารักถูกอกถูกใจใครหลายคน แล้วก็เป็นโชว์จาก Todd Yannacone และ Irina Amzashvili ที่พวกเขามา improvise เต้นลินดี้ฮอปให้เราได้ดูอย่างสนุกสนาน และโธมัสก็ออกมาโชว์สเต็ปร่วมกับวง ซึ่งโชว์นี้มีความสนุก พลังงานพุ่งพล่านกว่าโชว์เมื่อวันก่อน
จนเวลาเกือบสี่ทุ่ม วงของ Gordon Webster ก็สลับขึ้นมาเล่นบ้าง เพลงตอนนี้เริ่มร้อนระอุขึ้น นักเต้นทะยอยผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาขออิฉันเต้น เต้นจนขาขวิดต้องแวบเข้าไปซับเหงื่อเป็นระยะ ๆ จนทิชชู่ในห้องน้ำหมดอะแม่ แล้วจากนั้นตอนเกือบห้าทุ่มก็ได้เวลาของ Shim Sham เป็นอันรู้กันว่าได้เวลาของโชว์อีกเซ็ตนึงแล้ว
คราวนี้เราก็ได้ดู Tuxedo Junction มาในชุดเดรสสีดำสุดเนี้ยบ เป๊ะกันมาก ๆ ยอมแล้วชาวเกาหลี และมีโซโล่โชว์ของ Rico Kim กับ Chloe Hong ให้ดูกันเพลิน ๆ ตา ตามด้วย burlesque ของ Mila Spigolon อีกสักหน รอบนี้เธอมาเป็นแม่ Betty Boop ชุดรัดรูปสีดำกับหมวก top hat ทรงสูง สวย เท่ สง่า เย้ายวนเช่นเคย
แล้วความเดือดอีกระลอกก็ได้เวลาปะทุขึ้น เมื่อเป็นการที่สองวงที่มาเล่นในค่ำคืนนี้ต้องมาห้ำหั่นกันใน Battle of the Bands! ความโหดคือสองวงจะเล่นสลับเพลงกันไปเรื่อย ๆ แล้วจะมีช่วงนึงที่พวกเขาต้องเล่นเพลงเดียวกันไปพร้อม ๆ กัน นักดนตรีสลับกันเล่นโชว์สกิลกันคนละพาร์ต คนละท่อน ไอ้บ้าเอ๊ย กินกันไม่ลงจริง ๆ
แล้วความพีคคือวงของ Gordon Webster เขามีเพลงนึงที่เป็นเพลงเอก แต่มีปัญหาตรงที่เล่นไม่ได้เพราะว่านักร้องที่ร้องเพลง I Like Pie, I Like Cake เวอร์ชันต้นฉบับของเขาโดนแบนไปจากซีนเพราะมีปัญหาเรื่อง sexual harrassment เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้และร้ายแรงมาก ๆ ในการเต้นสวิงเพราะว่ามันค่อนข้างเป็นการเต้นประชิดตัว ความแสบคือวง The Rhythm Hoppers เอาไปเล่นจ้า พี่กอร์ดอนนี่ถึงกับยืน ร้ายกาจ! แล้วช่วงสามเพลงท้ายของ band battle คือเพลงบ้าคลั่งมาก ๆ ไอ้คนเต้นก็เต้นกันจนหอบ เต้นกันขาขวิด ใครมีท่าอะไรไม่ได้ใช้ก็ได้มาปล่อยพลังใส่กันในเพลงเหล่านี้ ราวกับนักกีฬาฉีดสเตียรอยแบบที่คลิป teaser งานเขาว่า จนผลการตัดสินก็ให้วงของ The Rhythm Hoppers เป็นฝ่ายชนะไป แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการฟาดฟันกันอย่างสมศักดิ์ศรีมากจริง ๆ และในช่วงท้ายของงาน Jesse Selengut ก็ขึ้นมาร่วมร้องในเพลง Diga Diga Doo เป็นการปิดงานอย่างเป็นทางการ สีหน้าของทุกคนในงานชื่นมื่น เปื้อนรอยยิ้ม และช่วยกันร้องคลอเพลงนี้ไปด้วยกันอย่างแฮปปี้สุด ๆ
ทว่า ความสนุกไม่จบแค่นี้ เมื่อตอนเวลาประมาณตีหนึ่ง รถตำรวจมาเยือนหน้าโฮสเทล ทำให้ทีมเต้นที่ยังไหว และยังอารมณ์ค้างกันอยู่ไปต่อที่ The Hop คนที่ไปถึงก่อนก็เต้นบลูส์วอร์มรอ บางกลุ่มก็จับกลุ่มพูดคุยกันถามไถ่ตามประสา หลังจากที่สองคืนก่อนเต้นเอาเป็นเอาตายไม่ค่อยได้สนทนากันเท่าไหร่ แล้วพอหลาย ๆ คนเริ่มตบเท้าตามกันมาจนหนาตา ปาร์ตี้ก็เริ่มสนุกขึ้นด้วยการที่ดีเจ Juan Villafane มาช่วยเปิดเพลงให้ ได้เต้นกับเพลงดิสโก้ประหลาด ๆ ลงจังหวะ bounce กันไม่ถูกไปเลยจ้า ส่วนช่วงหลัง ๆ ก็เริ่มเป็นการเต้นฟรีสไตล์ มีบางคนลงคลาส burlesque ก็มาปล่อยของกัน คนที่ไฮป์ ๆ เทิร์นท์สุดแล้วก็พากันดึงดาว สายย่ออะไรก็มา มีทุกรูปแบบจริง ๆ แต่เราขอตัวกลับก่อนประมาณตีสาม ขณะที่บางส่วนยิงยาวไปถึงตีสี่ ยอมใจนักเต้นเขาจริง ๆ เอาพลังมาจากไหน (นี่ที่ว่าพลังเยอะแล้วยังต้องยอมแพ้ เพราะพวกเขาเต้นกันไม่หยุดเหมือนจะไม่มีพรุ่งนี้ไว้ให้เต้นอีกแล้ว!)
เป็น 3 วัน 3 คืน (ของเราสองคืน) ที่เต็มอิ่มมาก ถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สำหรับปาร์ตี้ประจำปี Diga Diga Doo หวังว่าปีหน้าเราจะได้พบกันใหม่ และมีโชว์สนุก ๆ จากนักดนตรีและนักเต้นมากฝีมือมาให้เราได้ชมกันอีก ส่วนใครที่ยังอารมณ์ค้าง หรืออยากไปลองเต้นแบบนี้ดู ก็เชิญไปที่ The Hop สีลม ทุกคืนวันอังคาร และวันเสาร์ เขามี social night ให้ไปสนุกกันได้ และใครที่อยากจริงจังขึ้นอีกก็ลงเรียนเต้นได้ด้วย คอร์สใหม่เปิดรับสมัครแล้วนะ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/thehopbangkok/
อ่านต่อ
เต้นด้วยกันไหมครับ? Diga Diga Doo ปาร์ตี้สวิงแดนซ์ที่น่ารักที่สุดในขณะนี้
Big Bang Swing เต้นรำเคล้าเสียงนก กับวิวที่สวยที่สุดหน้าพระปฐมเจดีย์
‘Sweet Escape’ ชวนมาเต้นสวิงในบรรยากาศแสนหวานกับ Hoegaarden Rosée