สุดมันกับปาร์ตี้เปิดตัว Converse_X_ GOLF le FLEUR* ก่อนออกเดินทางสู่ปีนัง (ตอนที่ 2)
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Converse Team and Montipa Virojpan
วันที่ 2 ของแคมเปญ Converse_X_ ที่ทุกคนจะได้ออกแยกย้ายหาแรงบันดาลใจในการทำ final project ก่อนจะไปสนุกสุดมันกับ launch party ของ Converse x GOLF le FLEUR* ที่ได้ BAS BOI หนึ่งใน Converse_X_ จากอินโดนีเซีย แร็ปเปอร์ RJAY TY จากฟิลิปปินส์ และ Yeti Out สองดีเจจากฮ่องกง มาสร้างความสนุกในตลอดค่ำคืนนี้ก่อนออกเดินทางไปยังปีนัง
อ่านตอนแรกได้ ที่นี่
23 พฤษภาคม 2562
วันนี้เป็นวันที่ทั้ง 7 กลุ่มที่ถูกแบ่ง ต้องแยกย้ายกันไปหาแรงบันดาลใจตามพิกัดต่าง ๆ ที่ทีมงานแนะนำใน starter kit ตอนที่มาถึงวันแรกเพื่อหาวัตถุดิบ หรือบางคนอาจจะเลือกซื้อของมาทำคอลลาจอาร์ตอีกชิ้นตามโจทย์ที่ได้รับจากเวิร์กช็อปรอบแรก แต่คราวนี้ต้องทำชิ้นใหญ่เป็น final project เพื่อจัดแสดงใน showcase ที่จะเกิดขึ้นในเมืองปีนังอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เรามากับทีมของแตม ที่มี วินดี้ Bas Boi แร็ปเปอร์จากอินโดนีเซีย และ Shahera วิดิโอกราฟเฟอร์จากมาเลเซีย พวกเรานัดกัน 9.30 น. ที่ล็อบบี้ มีทีมงาน Converse มากับเราด้วยคนนึง กินข้าวเช้ากันจนเสร็จก็เรียกแกร๊บเพื่อไป Batu Caves ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด Sri Subramaniam ที่มีพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่และมีบันไดเป็นสีสดใส ระหว่างที่เดินดูก็มีการถ่าย street fashion ไปด้วย หลาย ๆ คนก็ได้รูปมาสำหรับเตรียมทำงานเยอะเหมือนกัน
จบจากนั้นก็เรียกแกร๊บไป Central Market หาข้าวกิน พอดีว่าชาฮีร่าเป็นโลคัลก็เลยให้พาเราไปกินร้านที่เธอแนะนำ ปรากฏว่า มันเป็นร้านฟีลประมาณไก่ทอดหาดใหญ่จ้าาา มีแกงเครื่องเทศกับปลาแห้งด้วย แล้วเครื่องดื่มที่บอกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน พอมาเสิร์ฟ หน้าตาสีส้มนวล มีฟองงี้ ชาชักชัด ๆ เลยบอกนางไปว่า เหมือนภาคใต้ของไทยแลนด์เลย
แล้วเราก็กลับมาพักที่โรงแรมก็พบกับกล่องรองเท้าสีชมพูของ Converse x GOLF le FLEUR* เปิดมาก็เป็นเจ้ารองเท้ากำมะหยี่สีม่วงหุ้มข้อ มีลายดอกไม้น่ารักมากกกก เพื่อให้ใส่กันก่อนไปจะเตรียมตัวไป launch party ของรองเท้ารุ่นนี้ในคืนนี้
ประมาณห้าโมงเย็น เรากะออกมาเดินเล่นนิดหน่อยก่อนรถจะออกไปที่งาน ก็บังเอิญเจอกับพวก Fernanda โปรดักชันดีไซเนอร์ละครเวทีจากชิลี และ เฮียน ที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำของโรงแรมกับถือกระป๋องสเปรย์มาคนละอัน คือวันก่อนที่มีถ่าย street photo รอบเย็น ไพร่าใส่เสื้อคลุมอาบน้ำลงมาเป็นพร็อพ แล้วทุกคนก็ใส่ตามในวันต่อมา เป็นผู้นำเทรนด์เฉยเลย ฮ่า ส่วนเดนิลสันใส่จัมป์สูทสีขาวล้วนเดินตามมา เราก็ถามพวกนี้ว่าไปทำอะไรกัน ก็ได้คำตอบว่าจะเพนต์เสื้อเดนิลสัน เพราะปกติเฟอร์ย่าจะเป็นคนที่ทำ DIY เสื้อ แจ๊กเก็ต กระเป๋าอะไรของตัวเองอยู่แล้ว (เสื้อที่เธอใส่ในทุก ๆ วันจะมีไอเท็มที่เธอเพนต์เองเสมอ ๆ แล้วลายเส้นของเธอก็น่ารักมาก ๆ) คราวนี้เฮียนกับเฟอร์ย่าก็ช่วยกันพ่นสเปรย์ไปบนเสื้อของเดนิลสัน แล้วก็ลามไปพ่นถนน พ่นกำแพง จนนี่ต้องถามว่ามันผิดกฎหมายไม่ใช่หรอฟะ แถมพวกเอ็งทำกันตอนกลางวันอีก! พวกนี้ก็มองหน้ากัน คือมันก็ผิดแหละ แต่ทำมึน ๆ ไปเถอะ เราเองก็ช่วยพวกนี้ถ่ายวิดิโอไว้ด้วย รู้สึกผิดนิด ๆ เหมือนกัน อะแง
เสร็จแล้วเราก็กลับมาที่โรงแรม ขึ้นไปนั่งเล่นที่บาร์ ตรงนั้นมี Pat จากออสเตรเลีย เขาเป็นพนักงานร้านกล้องถ่ายรูปที่ชื่นชอบการถ่ายภาพจนกลายมาเป็นช่างภาพอิสระ Bastian ผู้กำกับและนายแบบจากชิลี แม็กซ์ และไพร่า อยู่ ๆ แพตก็เล่าขึ้นมาว่ามีคนใช้ชื่ออินสตาแกรมว่า @sheldonnugger อัพสตอรี่ถึงงานเสวนา Converse_X_ วันก่อนประมาณว่า เขาต่างหากที่ควรจะได้รับคัดเลือกเข้ามาในแคมเปญนี้ ไม่ใช่เด็กพวกนี้! แล้วยังบอกอีกนะว่า ‘ไว้เจอกันที่ปาร์ตี้เปิดตัวรองเท้านะ’ พวกเราก็นั่งส่องไอจีเขากันสักพัก ก็พบว่าเป็นคนโลคัลที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็น hater ดังนั้นก็ปล่อยนางโวยวายไปค่ะ สักพัก เมสัน พี่ช่างภาพสุดเท่ก็ขึ้นมา และจับทุกคนขึ้นไปถ่ายรูปที่ระเบียง พอถึงเวลาก็ลงมาเตรียมตัวไปที่งานเปิดตัวที่ร้าน Black Byrd กันต่อ
เวลาประมาณทุ่มนึง เราก็มาถึงที่ร้านเป็นทั้งร้านอาหารและบาร์ โดยเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส ๆ ดูน่ากินไปหมด (เนื้อสะเต๊ะอร่อยมากน้ำตาจะไหล) พอกินเสร็จก็ได้เวลาไปที่ปาร์ตี้เปิดตัวที่บาร์ถัดออกไป เราได้ยินเสียงเพลงเปิดเรียกให้คนมารวมตัวกัน บาสบอย มาสแตนบายที่หน้าบูธดีเจและเริ่มแสดง โดยมีเสียงเชียร์ของเพื่อน ๆ ดังอย่างไม่ขาดสาย หลายคนเริ่มออกมา dance battle กันอีกครั้ง
จากนั้นไม่นานก็ส่งไมค์ต่อให้กับ YUNG BAWAL และ RJAY TY (ศิลปินคนที่เราขึ้นรถผิดคันไปขึ้นรถของเขาที่สนามบินน่ะ ฮ่า) บอกเลยว่าถึงเพลงจะไม่หวือหวามากแต่เพอร์ฟอร์แมนซ์เท่ทีเดียว
แล้วก็เป็นดีเจ Yeti Out จากฮ่องกงมารับช่วงต่อ จัดฮิปฮอป เฮาส์ อิเล็กทรอนิก้า เร็กเกต็อน ทรอปิคัลแดนซ์ฮอลให้กันแบบรัว ๆ จนเราเต้นจนเหนื่อย และแน่นอน เมามากจ้า (เหล้าฟรี กดไปหลายขนาน เริ่มออกอาการ) แต่ก็ยังอยากไปต่อ เลยขอตัววาร์ปไป Kyo ซึ่งเป็นอีกบาร์ที่มีชื่อเสียงของที่นี่พร้อมกับทีมไทยหลาย ๆ คน แต่พอไปถึงพบว่าปิด เลยคอตกเรียกแกร๊บกลับไปนอนก็ได้
พอถึงโรงแรม ไป ๆ มา ๆ ก็ตัดสินใจจะเปิดเบียร์นั่งกินแบบวันก่อน ตอนนี้มีเรา อีฟ แตม แล้วเห็นว่า RJAY กับแฟนก็พักที่เดียวกันเลยชวนมาร่วมวง ทว่าไม่ทันได้นั่งโต๊ะ เรารู้สึกไม่ค่อยดีเลยขอแว้บไปเอาของเก่าออก พอดีขึ้นก็กลับลงมา พร้อมกับเห็นว่ามีคนมาเพิ่ม รวมถึงมีรถปริศนาโฉบมาจอดหน้าโรงแรม แม็กซ์ เดนิลสัน กับชาว Converse_X_ บางคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีความงงเล็กน้อยว่านี่มันอีหยังวะ ผู้ชายดูยังวัยรุ่นอยู่ลงมาแนะนำตัวว่าชื่อ Dat เป็นคนที่นี่ บอกว่าอยากพาพวกเราไปเปิดประสบการณ์แบบที่ชาวมาเลย์เขาทำกัน เดนิลสันที่เหมือนมีสาวคุยติดพันอยู่หน้าล็อบบี้ก็คุยกับหล่อนดิบดีว่าจะไปต่อที่ ZOUK อยู่ใน TREC อารมณ์แบบ Arena10 บ้านเรา แล้วพ่อหนุ่มแดตเนี่ยก็อาสาขับรถไปส่งพวกเราที่ซูค เราสามคนมองหน้ากันแล้วแบบ เออก็ได้วะ เพราะก็เห็นผู้ชายคนนี้อยู่ที่ private party ด้วยเหมือนกันไม่น่าจะมีพิษภัย อีฟ กับ แตม ที่อยู่ตรงนั้นคงงงว่าเรากล้าขึ้นรถมากลับพวกนี้ได้ไง เพิ่งอ้วกมาด้วยทำไมสู้คะ? แต่นั่นแหละค่ะ YOLO! ไปเป็น wingman ให้เดนิลสันมันหน่อย ดูเมาไม่ไหวแล้ว
ปรากฏว่าพอขึ้นรถเท่านั้นแหละ ไอ้น้องคนนี้มันขับแบบให้โลกรู้ว่า กูคนมาเลย์โว้ยยยย บ้านกูขับเถื่อนแบบนี้ ประมาณ 120 km/hr ได้ แต่ลองนึกตามว่ารถมันเล็กมาก ๆ แล้วพอถึงยูเทิร์นมันก็ดริฟต์แบบในหนัง แล้วตลอดระยะที่นั่งไปมันดริฟต์ประมาณสามรอบ ผมนี่หายคลื่นไส้ หายเมาทันที เรากับแม็กซ์ถึงกับต้องตะโกนบอกให้มันขับช้า ๆ ไม่อยากให้ชีวิตมาจบที่นี่โว้ย ต้องกลับไปเขียนงาน!!! เดนิลสันเองก็เกือบมีเรื่องผิดใจกับไอ้น้องมันนิดนึงแต่ก็เคลียกันได้ในที่สุด
พอถึงที่ก็ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้มาก่อน เพราะอั๊วได้ลงจากรถมันแล้วโว้ย!!! ซึ่งที่ที่แดตพามารอสาวของเดนิลสันคือร้าน iPong แปลกดีว่าที่ประเทศนี้เขาก็มีที่เล่นเบียร์ปองโดยเฉพาะด้วยแฮะ ก็เล่นกันไปเกมนึง ทีมแม็กซ์กับเดนิลสันชนะ ทีมฉันกับแดตแพ้ (มีการบอกว่าอ่อนให้เขาอีก เอ้อ) จนสาวเดนิลสันและเพื่อน ๆ ของนางตามมา หนึ่งในนั้นชื่อ Rita ก็เข้ามาทักทายทำความรู้จัก แล้วก็พาขึ้นไปที่คลับที่นางบอกว่าแจ่มสุด ๆ ชื่อ TRAK แต่พอเข้าไปแล้ว เพลงเปิดดังมากกก เพลงแย่มากกก EDM ที่แท้ทรู ทนไม่ไหวก็ต้องเดินออกมากัน แต่แม็กซ์ดันหายไป เราจะเข้าไปตามก็โดนริต้าคว้ามือไว้ นางบอกว่ามาที่นี่อย่าได้ไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด ผู้ชายที่นี่เถื่อนมาก เราก็เหวอ ๆ นิดนึง แล้วเดินตามนางออกไป ตอนหลังก็พบว่าแม็กซ์แว้บไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยตามเราออกมา แล้วพวกนี้ก็พากันย้ายไปที่ร้านข้าง ๆ ซึ่งเปิดเพลงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เรากับแม็กซ์เลยตัดสินใจว่าจะกลับก่อน แต่ก็จะทิ้งเดนิลสันไม่ได้เพราะนางเมามาก และแบตนางเหลือ 1% แต่นางยังไม่อยากกลับเพราะอยากจะอยู่กับสาว แม็กซ์เลยฝากความหวังไว้ที่แดตที่ขับรถพาเรามาที่นี่ให้พากลับด้วย ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยเหมือนกัน แต่เราก็เรียกแกร๊บกลับถึงโรงแรมอย่างปลอดภัยตอนตี 4 แถมพบว่าใช้เวลาแค่ 5 นาที แสดงว่าก่อนหน้านี้เด็กนั่นพาพวกชั้นไปเสี่ยงตายอ้อมเมืองมา โอ้ยยยยย
ตอนมาถึงก็เจอกับชูอี้และดิอันน่ากำลังนั่งรอที่ล็อบบี้เพื่อจะไปส่ง Yeti Out ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็เช็กในกรุ๊ป instagram พบว่าเฟอร์ย่ากำลังเก็บกระเป๋าอยู่ และยังเก็บไม่เสร็จซักที ต้องการเพื่อนมาช่วยจ้า มีขนมและเบียร์พร้อม สักพัก Xandro นักศึกษาแฟชันดีไซน์จากฟิลิปปินส์ กับ เฮียน (อีกแล้ว) ก็เดินลงมาพร้อมเบียร์ ยื่นให้กับพวกเราทุกคน ชูอี้ที่ก็ดูเมาประมาณนึงจัดการเปิดเบียร์แล้วเอาราดแม็กซ์ ทุกคนดูหนักหน่วงจริง ๆ ฮ่า แล้วสักพักเราก็พากันขึ้นไปที่ห้องของเฟอร์ย่า ไปช่วยน้องจัดกระเป๋ากันค่า
ขึ้นมาถึงห้องแม่เฟอร์ย่าก็ได้ยินเสียงเพลง chillout สบายหู (โอ้ เป็นบุญมากค่าเพราะได้ยินแต่เบสหนัก ๆ มาหลายวัน) แม็กซ์ก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำนอนเพราะตัวเหนียวไปหมด ส่วนเฟอร์ย่าก็เล่าว่าจัดมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่เสร็จสักทีเพราะความเอ้อระเหยของเธอ เฮียนก็เลยเข้าไปสอนวิธีม้วนเสื้อเพื่อให้ประหยัดที่ในกระเป๋า แล้วเราก็ได้คุยกับทุกคนว่าแบ็คกราวด์ทำอะไรกันมาบ้าง ของเฟอร์ย่าคือน่าสนใจมาก การเป็นโปรดักชันดีไซเนอร์ของเธอที่หมายถึงเธอต้องทำตั้งแต่ออกแบบฉาก จัดแสง ทำพร็อพ ทำคอสตูม นึกถึงตอนเราทำละครคณะเลย รวมถึงแลกเพลงกันฟัง ซานโดรแนะนำ Jess Connelly ศิลปินชาวฟิลิปปินส์ บังเอิญว่าเรารู้จักและชอบนางมาก ๆ อยู่แล้ว เคยมีโอกาสได้ดูที่ Wonderfruit กับไพร่า แล้วนางก็แนะนำเพลงของแฟนเก่านาง บอกว่าเพลงดีมาก ฮอตมาก แค่เป็นคนเห้ แต่ก็ยังต้องเป็นเพื่อนกันเพราะอยู่ในวงสังคมเดียวกัน เฮียนก็สวนขึ้นมาว่าเขาเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไม่ได้ แล้วยิ่งแฟนเป็นนางแบบ (เขาเป็นช่างภาพ) ก็จะเช็กงานก่อนเลยว่างานนี้ใครเป็นแบบ ถถถถ ก็นานาจิตตํแหละนะ เม้าท์มอยกันไปได้ประมาณนึงก็แยกย้ายกันกลับไปนอนตอนประมาณตีห้า เตรียมออกเดินทางสู่ปีนัง
24 พฤษภาคม 2562
เป็นเวลาที่พวกเราต้องออกเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ เวลาประมาณ 9.30 เราก็ลงมากินข้าวและนั่งโต๊ะเดียวกับไพรซ์ ซานโดร และ ฮี เราก็สังเกตว่าผมของเธอในวันแรกไม่มีหน้าม้า วันต่อมามีหน้าม้าที่เธอบอกว่าไปตัดมาเอง แล้ววันนี้ก็กลับเป็นตรงเดียวกับวันแรกเพราะหน้าม้าต้องการพักผ่อน… ตอนหลังเลยถึงบางอ้อว่า แม่เอาเบบี้วิกมาใส่จ้าาา มุขเยอะเจง ๆ แล้วก็ฟังนางเม้าท์กับซานโดร จับใจความได้ว่ามีสักคนกิ๊กกั๊กกันเองใน Converse_X_ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ซานโดรชอบซึ่งนางก็แอบเศร้าประมาณนึง สักพักเราก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเช็กเดนิลสันว่ากลับมาถึงที่พักอย่างปลอดภัยไหม เลยให้ไพรซ์โทรเช็ก ปรากฏว่าเขาไม่รับสาย ก็เลยเริ่มกังวลละ รีบไปแจ้งดิอันน่าก่อนเลย ทีม Converse วุ่นวายกันประมาณนึง แต่ตอนหลังดิอันน่าขึ้นไปเช็กถึงห้องแล้วพบว่าเขากลับมานอนโดยสวัสดิภาพค่า ซึ่งไม่นานนัก พ่อตัวดีก็ลงมาในเวลาที่รถกำลังจะออกด้วยท่าทางสะลึมสะลือ แล้วก็พูดกับอิฉันว่านางจำอะไรไม่ได้เลย สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือตอนเล่นเบียร์ปอง แล้วกลับมาโรงแรมได้ไงก็ไม่รู้ …นั่นหล่อนวาร์ปนานมากกกกก ส่วนแม็กซ์ตามมาสมทบแล้วก็ตีมือกับเราสองคนบอกว่า ‘พวกเรารอดชีวิตมาด้วยกันโว้ยยยย’ แต่คงไม่เอาอีกแล้วจ้า กลัวตายจ้า ฮือ
ความที่นอนน้อยจากหลาย ๆ คืนที่ผ่านมาทำให้เราขึ้นรถปุ๊บก็หลับปั๊บ แต่มาตื่นอีกทีตอนที่ไกด์นำเที่ยวกำลังอธิบายถึงเมือง Ipoh เมืองทางผ่านก่อนที่จะไปปีนัง และเป็นที่ที่เราจะแวะกินข้าวเที่ยงกัน อิโปเป็นเมืองที่ปลูกถั่วงอกเยอะมาก และมีหินปูนเป็นทรัพยากรหลัก สมัยก่อนคนที่นี่ใช้ธนูเป็นอาวุธในการล่าสัตว์ (ส่วนใหญ่คือลิง) ด้วยการใช้ปลายลูกศรที่ทำมาจากแร่เงินในการล่า แล้วคำว่าอิโปในภาษามาเลย์ก็แปลว่าเงิน ที่นี่เลยมีชื่อเล่นว่า Silver Valley นั่นเอง ระหว่างนั้นไกด์ก็ลองให้แม่ไพรซ์ หัวหน้าห้อง เล่าเรื่องเกี่ยวกับปีนังบ้าง ตอนนี้ยอมรับว่าฟังไม่รู้เรื่องเพราะเสียงแม่แหบ แล้วเหมือนพูดไปหัวเราะไป กับเราที่เมารถมาก ๆ เลยไม่ได้ตั้งใจฟัง
ในที่สุดเราก็เข้ามาถึงตัวเมืองอิโป ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งได้ แล้วก็ลงจากรถ เดินไปตามตัวเมืองที่หน้าตาละม้ายคล้ายบางย่านของสิงคโปร์ ผสมกับภูเก็ต เพราะเหมือนทางใต้ของไทยกับประเทศเหล่านี้ก็แชร์วัฒนธรรมกันอยู่ ก็ได้รูปถ่ายมาเยอะทีเดียว แล้วก็ไปกินข้าวกันที่ร้าน Plan B กินเสร็จก็ไปเดินดูร้านหนังสือที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ชื่อ BookXcess ซึ่งเป็นร้านหนังสือใหญ่ของมาเลเซีย มาเปิดสาขาที่ 9 ในโซนที่เป็นธนาคารเก่าของเมืองอิโป เราจะพบกับการตกแต่งที่ยังคงโครงสร้างของธนาคารไว้ อย่างห้องเก็บเงิน ตู้เก็บเอกสารต่าง ๆ เพิ่มเติมมาด้วยป้ายไฟนีออนที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ ป้ายพวกนี้นำทางเราไปยังเซฟขนาดใหญ่ในชั้นใต้ดินที่ดูเหมือนคุกก็ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ของ Yasmin Ahmad เธอเป็นผู้กำกับชื่อดังและ Executive Creative Director ที่ Leo Burnett มาเลเซีย ก็มีการจัดแสดงภาพถ่ายและผลงานของเธอในนั้น เป็นการใช้สเปซที่น่าสนใจทีเดียว พอเดินดูจนทั่วแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังปีนัง
หลังจากนั่งรถมาได้สองชั่วโมง ผ่านตัวเมืองปีนังที่รถค่อนข้างติด แล้วต้องนั่งรถขึ้นเขาที่มีโค้งฉวัดเฉวียนจนเมารถกันอีกรอบ ประมาณห้าโมงเย็นเราก็มาถึงที่พัก Lone Pine ก็ได้เอาของไปเก็บที่ห้องพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับ Converse Chuck 70 อีกคู่แล้วจ้า คราวนี้ได้สีขาว เป็นแบบไม่หุ้มข้อละ ในขณะที่คนอื่นชวนกันในกรุ๊ปว่าให้เปลี่ยนเสื้อไปเล่นน้ำกัน ด้วยความเหนื่อยของอิฉันเลยขอนอนงีบซักแปปแล้วค่อยไปแจมกับพวกเขาที่มื้อเย็นเลย และในช่วงนี้ก็มีดีเจชื่อ Smiley มาเปิดเพลงชิลฮอป ดีปเฮาส์ ทรอปิคัลเฮาส์ คลอไปตลอดทั้งคืน ดึก ๆ เริ่มอัพบีตก็เอาเพลงจากอัลบั้ม IGOR ของ Tyler, the Creator มาเปิดด้วยเหมือนกัน (เด็ก ๆ พวกนี้ชอบไทเลอร์กับแก๊ง ODD FUTURE มากกกกก) แต่สักพักที่เราเต้นกันอยู่ ฝั่งชาว Converse_X_ ก็โดนเรียกไปถ่ายรูปกับดอกไม้ไฟที่ริมทะเล เราก็เลยแว้บไปอาบน้ำเพราะอากาศร้อนอบอ้าวมาก แล้วเกิดความคิดว่าคืนนี้ควรจะไปสำรวจ Georgetown ย่านเมืองของปีนังสักหน่อย
ตามอ่านตอนที่ 3 ได้ เร็ว ๆ นี้