Confest ใครจะไปคิดว่าจะได้ดู Youth Brush, แร็ปเอก และ The Photo Sticker Machine ในงานเดียวกัน
- Story and photos by Montipa Virojpan
17 มีนาคม 2561
เมื่อวานเป็นอีกเสาร์ที่มีอีเวนต์ชนกันโครมคราม ซึ่งเรามันก็มีแค่ร่างเดียวเลยต้องเลือกเอาล่ะนะ งานที่เราจะพาไประเห็ดเตร็ดเตร่ในวันนี้ก็คือ Confest ที่จัดขึ้น ณ About Studio เลียบด่วนรามอินทรานั่นเองจ้า
ความน่าสนใจของงานนี้คือเป็นการรวบรวมศิลปินหลากหลายแนวที่น่าติดตามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงวงที่ไม่น่าจะมาอยู่ในงานเดียวกันได้ ไว้ที่นี่หมดแล้ว มีการแบ่งเป็นสองเวทีคือ Hot Stage จะอยู่ตรงโซนกลางแจ้งด้านนอก และ Cool Stage ที่จะเป็นโกดังเล็ก ๆ บริเวณทางเข้างาน อ้อ จริง ๆ เขามีเวทีเปิดงานที่อยู่ตรง glass house ระหว่างทางเดินไปสองเวที ซึ่งนั่นก็จะเป็นพื้นที่สำหรับ Youth Brush ในเวลาบ่ายสามโมงตรง
แต่ความเวรกรรมคือ นี่ตื่นมาก็ 4 โมงเย็นแล้ว (ปาร์ตี้วันศุกร์ที่ออฟฟิศหนักไปนิดนึง) กว่าจะได้สติ กว่าร่างจะพร้อม กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รวมเวลาเดินทาง ก็ไปถึงงานตอนห้าโมงครึ่งซะแล้ว ทำให้เราพลาดโชว์พี่ดุ่ย Plasui Plasui แล้วก็ได้ดู Plern Pan Perth ทันแค่เพลงสุดท้ายเท่านั้น เสียใจมากกกก แต่นับเป็นเพลงสุดท้ายที่ช่วยเราสร่างเมาได้ดีเหลือเกิน เพลงอิเล็กทรอนิกบีต มีความล่องลอยแอมเบียนต์ กับเสียงร้องชวนฝัน ทุกอย่างโอบอุ้มเราไว้ให้รู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ขนลุกไปในเวลาเดียวกัน เชื่อว่าถ้าได้ดูแบบเต็มโชว์จะต้องฟินแน่ ๆ
จากนั้นเราก็มาที่ Hot Stage รอดู Phum Viphurit ช่วงหลัง ซิงเกิ้ลที่เขาทยอยปล่อยออกมาถูกจริตเราไปซะหมด ตั้งแต่ Long Gone หรือ Lover Boy ก็หวังว่าจะได้มาดูสด ๆ กันในงานนี้ แต่จากเวลาที่แจ้งไว้ตามตารางเดิมก็มีการเลตเล็กน้อยทำให้ทีมงานตัดสินใจรันเวลาใหม่หมด ก็ต้องกะเวลากันดี ๆ ว่าจะดูวงไหนไม่ให้ชนวงไหนก็ต้องวิ่งไปให้ทัน เราเองก็นับเวลาผิดทำให้พลาด Folk9 ไป เสียดายมาก
ภูมิขึ้นเวทีมาพร้อมกับเรียกให้คนดูรู้ตัวว่าเขากำลังจะเล่นแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนก็ยังสบายใจที่จะนั่งฟังต่อไป… เพลงแรกที่เขาเลือกมาเล่นคือ Paper Throne เพลงจังหวะสนุก ๆ ที่ถูกเอามาทำให้เป็นอัลเทอร์เนทิฟโฟล์กน้อยลง ดูเต้นได้มากขึ้น ต่อด้วย Run เพลงนี้เรารู้สึกว่าน้องยังไปต่อได้อีกไกลมาก การใช้เสียง การ performance คือไดนามิกในเพลงนี้ที่ตอนแรกเหมือนจะนิ่ง ๆ แต่ตอนหลังนี่พุ่งพล่านไปหมด จากนั้นก็เล่นคัฟเวอร์ Sticky Fingers ในเพลง Cyclone ที่ค่อย ๆ เล่นมาแบบเบา ๆ แล้วก็บิ๊วจนถึงจุดไคลแมกซ์ เป็นพายุอารมณ์ที่โถมกระหน่ำเข้าคนดูอย่างจัง ขนลุกเลย แล้วกลับมาที่เพลงสดใสกันบ้างใน Strangers in a Dream มีท่อนนึงที่เป็นกรูฟฟังก์โผล่ขึ้นมาหลังจากที่บีตเพลงเริ่มเล่นช้าลง เท่มาก ก่อนจะเป็น Trial and Error ที่เขา re-arrange ให้เหมาะกับ vibes ของงาน ท่อนหลังของเพลงนี่สาดกระหน่ำอีกแล้ว และเล่น Adore ที่ร็อกแอนด์โรลอยู่ดี ๆ ก็สับมาเล่นเร็กเก้ ตามด้วย Sweet Hurricane ที่ทำเอาซึมไปพักนึง ก็มาถึงเพลงสุดท้ายคือ Long Gone ตอนนี้ภูมิเรียกให้คนดูลุกขึ้นมาเต้นก็มีบ้างประปราย แต่สำหรับเราคือเพลงสนุกมากเด้อ ตอนพี่ปอม Part Time Musicians สแล็ปเบสก็เท่มาก แอบเสียดายที่คนดูไม่ค่อยขยับตัวกัน แล้วก็อดฟังเพลง Lover Boy ไปนะฮะสำหรับโชว์นี้ แต่โดยรวมถือว่าดีมาก ๆ เลย เพิ่งตั้งใจฟังเพลงของภูมิจริง ๆ ก็วันนี้แหละ น้องคือความหวัง ไปไกลแน่ ๆ
จากนั้นเราก็วิ่งไปดูเซฟบอยกันต่อที่อีกเวที แฟนเพลงเนืองแน่นกันมาก พออินโทรขึ้นมาเคว้งคว้างประมาณนี้ก็รู้เลยว่าเพลงที่ Safeplanet กำลังจะเล่นคือ ระบาย อย่างแน่นอน แต่เราก็มีเวลาดูพวกเขาเพียงแค่เพลงเดียวเท่านั้นเพราะว่าวงต่อไปกำลังจะขึ้นเล่นอีกเวที แต่ก็แวะซื้อมะม่วงปั่นใส่บลูฮาวายที่ร้าน Mahattan Mango กันเพื่อความ refreshing ในวันร้อนระอุแบบนี้
เรากลับมายืนที่มุมขวาหน้า ปรากฏว่าคนดูก็ยังคงเพลิดเพลินกับการนั่งดูต่อไปแม้เพลงของ Yena จะเร้าอารมณ์ปลุกใจฮึกเหิมแค่ไหน แต่ไม่เป็นไรยังมีแฟนคลับของวงที่ยืนใกล้ ๆ เราช่วยกันร้องและโยกไปกับเพลงของพวกเขา โดยเพลงแรก แน่นอนว่าต้องเป็น พิราบ กับไลน์เบสซิ่ง ๆ ที่หลายคนแอบกรี๊ดกับความเท่ ต่อด้วย โถขี้ ที่เสียงฮาร์โมนิก้าสะกดทุกหูในช่วงอินโทร ต่อด้วยเพลง ตำรวจ ที่กร มือกีตาร์ พูดต่อจากเพลงที่แล้วบอกว่าทุกคนเท่ากัน งานศพของทุกคนก็ยังเท่ากัน คือเพลงของพวกเขาจะมีความเป็นเพื่อชีวิตอยู่เนือง ๆ พูดถึงสังคมรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่คน กับสิงสาราสัตว์ก็ถูกนำมาเชแต่งเป็นเพลง นั่นคือเพลงต่อไป Circus Song เพลงที่อยู่ในอัลบั้มเต็มของพวกเขาที่เราไม่ได้ไปฟังตอนเขาเล่นเป็นครั้งแรกในช่วงงานเปิดอัลบั้ม
เพลงนี้เป็นเพลงที่เล่าเรื่องสัตว์ในละครสัตว์ที่ต้องลำบากถูกทรมานเพื่อความอยู่รอดเพราะต้องมอบความบันเทิงให้แก่เรา ต่อด้วย กรุงเทพ และ แกงไตปลา ซึ่งเพลงนี้ กร บอกอีกว่า ขอฝากไปให้ พณ ฯ ท่าน ที่เอาภาษีของพวกเราไปใช้ อุอุ โดยเหมือนว่าจะมีการอะเรนจ์ใหม่นิดนึงเพราะแอบได้ยินท่อนกีตาร์เท่ ๆ โผล่เข้ามา ตามด้วย Hi, Hello ที่รอบนี้ไม่รู้ทำไมฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจเป็นพิเศษ เพราะเราได้ยินชัดขึ้นมั้ง หลายครั้งก่อนไม่ทันสังเกต กับท่อนที่ กร กับ โฟน มือเบส ร้องประสานกันเป็นภาษาอีสานกับภาษากลาง ‘โอ้ ไผซ่อยบอกข่อยแหน่ ว่าทางที่ข่อยเลือกย่างมันถืกแล้ว โอ้ ใครช่วยบอกฉันที ว่าทางที่ฉันเลือกเดินมันถูกแล้ว’ มันสับสนเคว้งคว้างไปหมด ต่อด้วย คนรับใช้ และ กตัญญู เป็นเพลงสุดท้าย เป็นโชว์ที่ยังทำให้น้ำตาซึมกับความหมายของเพลงได้เหมือนเคย
แล้วเราก็แวบไปอีกเวทีแปปนึงที่ Moving and Cut กำลังจะขึ้น ตอนนี้คนดูเต็มหน้าเวทีเลย ซึ่งเพลงแรกที่เขาเล่นคือ ปล่อยให้ตัวฉันไป ที่แฟนเพลงช่วยกันร้องได้ทั้งฮอล แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่านี่เป็นเพียงการซาวด์เช็กของวง เห็นจากที่ทีมงานยังเซ็ตอุปกรณ์บนเวทีกันยังไม่เรียบร้อยดี จนเมื่อเสร็จแล้วพวกเขาก็ทักทายแฟน ๆ พร้อมบอกให้สนุกกันให้คุ้มค่าบัตร และเล่นเพลง พอแล้วใจ
แต่เราก็อยู่ได้ไม่นานเพราะอีกเวทีวงที่กำลังจะเล่นคือ The Charapaabs ที่ระหว่างรอวงเล่นนั้นเราก็ไปแวะซื้อเบอเกอร์ของพี่บูม The Ginkz ซึ่งถ้าใครไม่รู้ เขาเป็นทีมงานคอนเทนต์ที่เว็บ Wongnai แล้วก็เป็นเชฟด้วย น่าเสียดายที่เนื้อหมด เราเลยโดนหมูมิโสะมาแทน แต่หมูฉ่ำอร่อยมาก มีความกรุบกระดูกอ่อนที่สับลงไปด้วย ที่เด็ดคือกระเทียมปรุงรสที่โปะอยู่บนสุด หอมเข้มข้นมาก ๆ เท่านั้นไม่พอ ขนมปังเบอเกอร์พี่เขาก็ทำเอง ใช้เป็นบริออชเลยหอมกรอบนอกนุ่มในสุด ๆ ปกติเราเป็นคนไม่กินขนมปังเบอเกอร์เพราะจะรู้สึกอิ่มไป แต่อันนี้อร่อยแบบถ้ากินไม่หมดคงเสียดาย
ระหว่างที่กินไปก็ต้องวิ่งกลับมาดูวงเล่นไปด้วยเพราะอินโทรเพลง สวัสดีวันจันทร์ ขึ้นมาแล้ว รอบนี้คนร้องไม่ใช่คุณแม่พี่เต๋อ นวพล เหมือนอย่างเคย แต่น่าจะชื่อป้าต้อย ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ตอนร้องเสร็จคุณป้าก็โปรโมตร้านของตัวเองด้วย น่าร้าก จากนั้นก็เป็นเพลงที่วงพูดก่อนเล่นว่าเป็นโรคคนแก่ เราก็เดาได้แล้วว่าเป็น อัลไซเมอร์ แน่นอน แต่ความร้ายของวงคือ ช่วง intro กับ outro ดันเป็นเสียงคนแค่คนนึงที่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องการเลือกตั้งว่าจะประกาศวันเลือกตั้ง มิถุนา ปี 61 ถ้าตามข่าวจะรู้ว่า อีกวันนึงแกบอก ไม่เคยบอกว่าจะเลือกตั้งวันไหน เอ้า งงมะ สงสัยคงเป็นอัลไซเมอร์ แล้วตอนท้ายก็เป็นเสียงคนแก่อีกคนที่บอกว่า ‘ไม่ได้ซื้อ เพื่อนให้ยืม’ ก็น่าจะเป็นเรื่องนาฬิกาแหละเนาะ ก็ เอาเสียงเขามาใช้ขนาดนี้ แล้วหนูก็เขียนให้ขนาดนี้ ถ้าโดนเรียกก็ไปพร้อมกันนะพี่นะ
จบจากเพลงนี้ก็มี Ar-bu เจ้าของเสียงขึ้นมาแจมในเพลง ศาลาคนเศร้า ต่อด้วยเพลงล่าสุด ทนต์ ที่เดิมทีจะต้องมี พี่ตู้ ดิเรก เจ้าของเพลง สาวบางโพ มาช่วยแร็ปในเพลงนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ดีเรารู้สึกว่าดนตรีในเพลงนี้เท่มาก เฟี้ยวสุด ๆ เผลอเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเป็น ตรวจสุขภาพประจำปี ที่แม้หนนี้จะไม่มีคุณลุงมาเต้น ๆ แล้ว แต่ เอลวิสยังอยู่ มีคุณอาเอลสิวขึ้นมาร้องและเต้นโชว์จริง ๆ เท่มาก คนดูจากที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นมาถ่ายคลิป ไปลงเรียกเสียงฮือฮากันในโซเชียลกันเพียบ แต่สำหรับโชว์แล้ว The Charapaabs ก็เป็นวงที่เล่นได้สนุก เพลงเท่แล้วยังถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมผู้สูงอายุได้อย่างแข็งแรง ภาพชัด และมีเซอร์ไพรส์ให้คนดูอยู่เสมอ
จากนั้นเราก็วาร์ปไปที่อีกเวทีซึ่ง Whal & Dolph กำลังเล่นเพลง อาจจะมีแค่เธอ อยู่พอดี ก่อนหน้านี้เราเจอพี่ปอ นักร้องนำ ที่บอกว่าลิสต์เพลงวันนี้ต้องมีคนร้องไห้แน่นอน เพราะเพลงเศร้าเรียกติดกันเป็นพรืด หวังว่าจะได้อยู่ฟังจนถึงเพลงนั้นนะ แต่สุดท้ายก็อยู่ได้แค่ครึ่งโชว์อีกเหมือนเดิมเพราะก็อยากดูอีกเวทีด้วย จบจากเพลงแรกเขาก็เล่น ยิ้ม ที่ได้ตี๋เล็กขึ้นเวทีไปพูดอินโทรเข้าเพลงที่เป็นโควตของ Bob Marley นั่นแหละ เรียกว่าเปิดโชว์ได้สมบูรณ์กันเลยล่ะสำหรับเพลงนี้ ต่อด้วย บอกฉันที ที่ทีแรกเราเฉย ๆ กับเพลงนี้นะจากที่ฟังแค่ท่อนเวิร์ส แต่พอฟังเต็ม ๆ ทั้งเพลง ฮุกมาอะไรมา เออ มันกลมกล่อม มันได้ฟีลอยู่ กลายเป็นอีกเพลงที่ชอบ แล้วก็เล่นเพลง ละเมอ ต่อกัน ซึ่งคนดูก็โยกตามบีตฮิปฮอปกันอย่างเมามัน ตอนนั้นเราก็ต้องวิ่งไปอีกเวทีละ ไม่ทันได้ฟังเพลงช้ำที่เหลือ เพราะของแรงกำลังมา
ปรากฏว่าตอนวิ่งมาถึงเนี่ย เล่น มาดามอโศก กันเพลงแรกเลยจ้า แต่ไป ๆ มา ๆ อ้าว ซาวด์เช็ก แล้วพี่ไผ่ กีตาร์ ก็บอกว่า เออ นี่แค่ซ้อม แต่เป็นการได้เล่นครั้งแรกแบบครบวงกับเพื่อน ๆ อะ ๆ ยอมเขาหน่อย แล้วก็รอกันอีกพักใหญ่เลยจนในที่สุด เพลง If We Hold On Together ของ Diana Ross ก็เล่นจบไปหนึ่งรอบ เป็นสัญญาณว่า Plot จะเล่นแล้ว (เปิดตัวอลังมากแกร) ซึ่งเพลงแรก (จริง ๆ) ก็คือ ไม่มีอะไรใหม่หรอก ทุกอย่างแม่งก็เก่าหมด ที่เหมือนจะเปลี่ยนท่อนกีตาร์ใหม่ในเวิร์ส 2 แบบมีปั่น ๆ เข้ามา เท่มั่ก ต่อด้วย หญิงมหัศจรรย์ เอาจริงว่าตอนนี้เราเกณฑ์ทัพนักเต้นมาประจัญหน้าเวทีตะโกนแหกปากร้องเพลงอย่างบ้าคลั่ง แล้วเป็นเพลง ใครผิด กับกีตาร์ปั่นแหลก เบสหนึบหนับ กับกลองสาด ๆ มันชวนอารมณ์เสียสมกับเนื้อเพลงจริงโว้ย ความที่เนื้อเพลงของ Plot มีท่อนให้เราได้ตะโกนและร้องตามได้ซ้ำไปซ้ำมามันเลยยิ่งทำให้โชว์เดือดได้แบบกั๊กไม่อยู่ แล้วก็เป็น ไม่สนิทอย่าเล่น ก่อนจะเล่น เสียงแสง และ 5 ปี โอ๊ย โดด โยก กันจนเหงื่อท่วม สนุกสุด ๆ อะครับ จุดนี้เราเริ่มคิดแล้วว่า เพลงของวงนี้ดูเป็นคนเกรี้ยวกราดจริง ๆ ด้วยว่ะ จากนั้นจึงเป็นเพลงยุคใหม่ของวงแล้วที่เนื้อหาดูเป็นชายโรแมนติกผู้ผิดหวังในรัก ไล่มาตั้งแต่ มาดามอโศก ซึ่งพอจบเพลงทีมงานก็เข้ามาเตือนว่าเวลาจะหมดแล้ว ได้แค่อีกเพลงเดียวเท่านั้น ซึ่งเพลงที่พวกเขาเลือกมาเล่นคือ ผูกพันฆ่าคุณ แต่แล้ววงก็แถม หยาบและห้าว ให้อีก 1 เวิร์สถ้วนให้หายอยากกัน ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวไปฟังแบบเต็ม ๆ ที่งานหน้าของพวกเขาแล้วกัน
แล้วเราก็หอบร่างชุ่มเหงื่อไปที่อีกเวที ซึ่ง Zweed n’ Roll กำลังเล่นอยู่ โดยเพลงแรกที่ทันได้ฟังก็มาอย่างเดือดดาล หม่นกันเลยทีเดียว นั่นคือ Restless จากนั้นก็ตามมาดาร์กต่อด้วย Another Dimension ที่ดึงเอาซึมเลย ก่อนจะเป็นเพลงใส ๆ ที่พัด นักร้องนำ แต่งง้อแฟนเก่า ชื่อ Always ซึ่งเป็นเพลงใหม่ที่จะปล่อยออกมาในเดือนหน้า เพลงนี้เราฟังแล้วชอบมาก นึกถึงวง 90s พวก Sixpence None The Richer เลย กีตาร์เพลงนี้เพราะมาก แล้วก็สะกดเราให้ตกอยู่ในภวังค์ต่อกับเพลง ธันวาคม โห ต้องใช้คำว่างดงามเลยเพลงนี้ แล้วก็เป็นเพลง Linger แล้วเป็น Lies อีกสองเพลงดาร์กที่ฟังแล้วอยากลงไปนอนเฉย ๆ ตรงนั้น จะให้ดิ่งไปไหนนนน
เหมือนเดิมที่เราก็ดูโชว์ของเวทีนั้นไม่จบ เพราะต้องวิ่งมาดูโชว์เวทีข้างนอกต่อ Soundlanding เปิดมาด้วย ทฤษฎี แล้วกลับมาที่เพลง โบยบิน ที่มีคนดูลุกขึ้นมากระโดดไปกับเราบ้างแล้ว ก่อนจะเป็นเพลงใหม่ ปล่อย ที่สำหรับเราเมโลดี้เพลงนี้เพราะมาก ๆ จากนั้นวงก็อัญเชิญเพลงสุดเศร้าแบบคอมโบต่อ ๆ กันมาเล่นให้เราฟัง ทั้ง ได้ยินการเปลี่ยนแปลง และ ภาพติดตา โอ้ย จุดนี้น้ำตาจะมาก็มาเลยเถอะ แล้วก็เป็นเพลงช้าเพลงใหม่อีกเพลง ก่อนปิดท้ายกันที่ วันไร้สติ เป็นโชว์ที่เราว่าวงเล่นกันแน่นขึ้นกว่าตอนรอบที่แล้วที่ได้ดูที่ NOMA แต่ที่ NOMA สนุกกว่าเพราะคนดูโดดกันยับจริง ๆ
จากนั้นก็ถึงเวลาที่เรารอคอย แร็ปเปอร์ในตำนานที่จะมาทำให้ประสบการณ์การฟังของเราเปลี่ยนไปตลอดการ แร็ปเอก หรือ Ake Double Dream คนดีคนเดิม จะมาบุก Confest นี้กับเพลงแร็ปสุดปั่นของเขาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดตัว แร็ปเอก ต่อด้วย ยาบ้า ท่อน ‘ยาบ้า ๆ ยานรก’ มันโคตรดีเลยอะ แบบ ดีไม่ไหวแล้ว แล้วก็เป็นเพลงใหม่ชื่อ ฮีโร่ ที่ท่อน ‘โร่ ๆๆๆๆ’ นี่คนดูกรีดร้องกันกระหึ่ม ยอดเยี่ยมครับ ตอนนี้แร็ปเอกถามพวกเราว่า เหนื่อยกันหรือยัง ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว เรียกเสียงฮาครืนจากคนดู แล้วจึงเล่นเพลง รักตัวเอง พอจบเพลงพี่เอกก็บอกว่าฟังแล้วให้รักตัวเองให้มากขึ้นนะครับ อ้อหอ ได้กำลังใจในการใช้ชีวิตมากค่ะพี่ ตามด้วย แกล้งรัก ที่มาเป็นอะคูสติกเซ็ต ได้พี่วิน The Ginkz มาเล่นกีตาร์โปร่งให้ จบเพลงก็บอกอีกว่า อย่าไปแกล้งรักใคร ให้จริงใจกับเขามาก ๆ หล่อไปอี๊ก ก่อนจะเป็นเพลงแจม ผู้ชายสายพันธุ์หล่อเท่ บ้าเอ๊ยยยยย มันดีมากครับ ได้พี่วินไปเล่นกลอง มือเบส Whal & Dolph กับมือคีย์บอร์ดเพอร์คัสชัน Safeplanet มาเล่นกีตาร์ให้ หลุดสุดไรสุด ก่อนจะจากไปด้วยอังกอร์เพลง ยาบ้า ที่เป็นแบนด์ โอ้โห made my night จริง ๆ ต้องบอกว่าโชว์ของแร็ปเอกดีเพราะบีตเพลงที่ทำมาดีมาก ๆ และคารมณ์พี่เขาก็ดีอะครับ มีความสุขมาก
แล้วเราก็ออกมาดูอีกวงในตำนาน นาน ๆ เล่นทีปีละครั้ง The Photo Sticker Machine แจ๊ส กรูฟ ร็อก เอ็กซเพอริเมนทัล ในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ที่เริ่มบรรเลง fusion jazz ให้เราได้โยกกันพักใหญ่ ๆ คนดูนี่ก็กลับไปนั่งกันอีกแล้ว อยากจะบอกว่าเพลงแบบนี้ก็ลุกขึ้นมาเต้นกันได้เด้อ อื้อ สิ่งที่พิเศษในโชว์นี้คือเหมือนเป็น TPSM กับ Space Trio วงแจ๊สฝีมือจัดที่มีพี่สำลี รับหน้าที่มือกลอง และพี่อ้น แซ็กโซโฟน รวมถึงพี่ณป่าน Hariguem Zaboy ที่ก็เคยเล่นให้กับ Space Trio ด้วยเหมือนกัน กลายเป็น super band ที่ดูเพลินฟังเพลินมากในคืนนี้ นึกว่าอยู่ Smalls อะค่ะ
จากนั้น เมย์ Fwends ก็ขึ้นมาแจมในเพลง Why Can’t You See ในสไตล์ของ TPSM ที่เท่มาก ๆ ลิกกีตาร์ตอนอินโทรนี่ทำเอาเมย์เท่ไปเลย ถึงแม้จะเล่นหลุดบ้างเพราะความประหม่าแต่ไลน์ตอนต้นเพลงก็สุดยอดมากฮะ แล้วก็เป็นเพลง Last Summer ที่อยู่ในดวงใจของแฟนเพลงวงนี้กันอยู่แล้วแน่นอน ก่อนที่พี่ณป่านจะกลับขึ้นมาเล่นกีตาร์ในอีกพาร์ตนึง จนช่วงเวลาสุดท้ายของโชว์มาถึง พี่โหน่งเรียกให้พี่วิน Srirajah Rockers ขึ้นมาร้องในเพลง 134340 (Pluto) ซึ่งต้องบอกว่า emotional มาก แม้เสียงร้องจะไม่ถึงขนาดพี่น้อย แต่อินเนอร์คือถูกต้องจริง ๆ เป็นอีกโชว์ที่ได้ใจเราไปเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากดูวงนี้เล่นสดอีกบ่อย ๆ เหมือนกัน เป็นยอดฝีมือที่น้อยครั้งจะได้เล่น ฮือ
ถึงคิวของโชว์สุดท้ายของวัน คือโชว์จากวงที่แล้วดึงยาวจนเรากลับไปดู The Ginkz ไม่ทันซะแล้ว เสียดายมาก ก็ได้เวลานั่งรอฟังเพลงเร็กเก้ที่เปิดคลอไปเพลิน ๆ จนสมาชิกทุกคนประจำที่กันครบถ้วน เริ่มบรรเลงเพลง คือเก่า เป็นเพลงแรก ตอนนี้คนดูพากันเต้นแบบไม่ขวยเขินแล้ว สงสัยว่าจะเมากันได้ที่ จากนั้นก็เป็นเพลง Organix, Karma Sound System ที่ตอนนี้เราเองก็เริ่มเปรี้ยวปากอยากได้สมุนไพรกับเขาบ้าง ตามด้วยเพลง Choose me ที่เป็นคัฟเวอร์ของ Dennis Bovell เท่มาก แล้วจึงเป็น อย่าไห้เด้ ที่แม้จะไม่มีเงา พี่แป้ง รัสมี แต่ฟีลก็ยังได้อยู่ ตามด้วยเมดเลย์ Hi-Speed Love ธุลีดิน แล้วก็เป็นเพลง อย่า…รู้อยู่ดี และเพลงสายเติม การแชร์ ที่พิเศษมาก ตรงที่ท่อน ‘แล้วเธอส่งต่อ’ พี่วินแกร้องคำว่า ‘แล้วเธอ’ ซ้ำหลายรอบ จนกลายเป็นว่าร้องเพลง แล้วเธอ ของ อรอรีย์ ขึ้นมาจริง ๆ แล้วก็เล่นไปจนจบฮุกด้วยนะ respect ค่ะพี่ ก่อนจะกลับมาเล่นการแชร์จนจบเพลง ปิดท้ายด้วย Destroy Babylon ที่ระหว่างเพลงก็บอกว่า ขอสวดให้เสือดำ สวดให้ครูปรีชา สวดให้มือกราฟฟิติ เรียกว่าการเมืองเข้มข้นหลายวงทีเดียวเหมือนกันล่ะงานนี้ แต่สุดท้ายก็เล่นจบตอนประมาณตีหนึ่งครึ่ง ถึงจะเลยเวลาตามตารางแต่ก็นับว่าประทับใจกันสุด ๆ ทุกฝ่ายนะฮะ (สนุกจนลืมถ่ายรูปวงเนี่ย แง)
จบลงไปแล้วกับ Confest งานดนตรีดี ๆ ที่ไม่ได้มีบ่อย ๆ อร่อยหูมาก ๆ ขอบคุณที่จัดงานแบบนี้ขึ้นมา ทุกวงก็เล่นกันเต็มที่ สนุกมาก ใครพลาดไปก็เสียดายแทน แต่ก็ยังคาดหวังว่ารอบหน้าพวกเขาจะจัดอีก แต่อาจจะไม่ได้มาเป็นรูปแบบนี้แล้ว ก็ต้องให้กำลังใจทีมงาน Conflakes กันต่อไป ส่วนเราจะไประเห็ดเตร็ดเตร่กันต่อที่งานไหนก็รออ่านกันได้จ้า
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Conflakes ได้ ที่นี่