Clockenflap Part 2 : ตามไปดู Gym and Swim แล้วโยกกันคอเคล็ดต่อกับ Blossoms และ The Prodigy
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographers: Montipa Virojpan, Somerly Ha, Chris Lusher,
18 พฤศจิกายน 2560
หลังจากที่เราเดินเล่นและจิบกาแฟร้านดังในย่านต่าง ๆ ของฮ่องกงตามเส้นทาง MTR สาย Island ก็ได้เวลาที่จะเข้าสู่วันที่ 2 ของเฟสติวัลที่ตามตารางจะต้องเริ่มขึ้นในเวลา 12.00 น. เราถึงที่งานตอนบ่ายโมงครึ่ง และมุ่งหน้าไปยังเวที YourMum เพื่อดูวงจากฮ่องกงที่ชื่อ N.Y.P.D ในความเป็นจริงแล้วย่อมาจาก New York Police Department หรือกรมตำรวจนิวยอร์ก… เอ่า สรุปมึงวงฮ่องกงหรือวงเมกันฟะ วงก็เลยแจงว่าตัวย่อนี้มาจาก 南洋派對 อ่านว่า Nan Yang Pai Dui ต่างหากล่ะ ความน่าสนใจนอกจากชื่อวงสุดกวนแล้วคงต้องยกให้ดนตรีที่เราแอบชิมมาก่อนหน้านี้นิดนึง เป็นวงที่คล้าย Samurai Loud กับ Plot ของบ้านเราอยู่นะ คือมีความเป็นพังก์ แจ๊ส แต่อันนี้ใส่ชูเกซ ไซคีเดลิก สโตนเนอร์ แม้กระทั่งดนตรีแบบแคนโตป๊อป หรือซาวด์จีน ๆ คือชอบอะไรอยากผสมอะไรก็ใส่มาหมดในเพลงพวกมัน แถมนักร้องนำมีความกวนแบบ เป็นตี๋แว่นดูจืด ๆ กลับเต้นท่าเด้า ๆ ทำเหมือนจะถกเสื้อ เล่นหัวนมตัวเอง ชูนิ้วกลาง ต่าง ๆ นานาเกินจะบรรยาย แต่พี่แกเล่นมันจริง มีเพลงนึงใส่บีตเทคโนเข้าไปแต่เล่นกลองกับกีตาร์เบสเป็นร็อก เท่มาก แบ่งส่วนเพลงแปลก ๆ ทำได้ไงไม่รู้ คือดูมี niche fan เฉพาะกลุ่มตามมาโยกด้วย มันค่อด ๆ ถือว่าคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกมาดูวงนี้เป็นวงแรก เปิดวันที่สองของเราได้อย่างสวยงาม
จากนั้นเกือบบ่ายสองครึ่งเราก็แวะมาที่เวทีใหญ่ มีวงชื่อ The Red Stripes ทีแรกเราก็คิดนะ ว่าเขาเป็นอะไรกับ The White Stripes หรือเปล่า ซึ่งเอาเข้าจริงก็มี เพราะเป็นวง mod, rocksteady, ska ที่เป็น expats อาศัยในฮ่องกงแล้วทำเพลงคัฟเวอร์ Seven Nation Army เป็นเวอร์ชันสกานั่นเองจ้า ส่วนเพลงอื่น ๆ ก็เป็นสกา หรือเร็กเก้โทนสดใส อารมณ์ดี แอบย้อนยุค เราชอบเพลง Hong Kong Dub ของพวกเขามาก
ประมาณบ่ายสาม เรารีบพุ่งตัวไปที่เวที YourMum อีกครั้งเพื่อดูวงจากไทย Gym and Swim ที่วันนี้โชว์ของพวกเขาน่าทึ่งมาก เพื่อนที่ไปดูด้วยกันถึงกับเอ่ยปากว่าการแสดงในครั้งนี้ทำให้อยากกลับไปเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะโชว์เต็มไปด้วยด้วยพลังงานฮึกเหิมสดใส และที่น่าสนใจคือมีแฟนเพลงต่างชาติร้องและเต้นไปกับเพลงพวกเขา เราแอบเห็นฝรั่งใส่เสื้อ Gym and Swim ด้วย เพลงที่หยิบมาเล่นก็เป็นเพลงที่คุ้นเคยกันดีทั้ง Iron Man, What Time is it There, Falling, Yuuwahuu, Sunrise แล้วปิดท้ายด้วย Octopussy เรียกเสียงเฮจากผู้ชมได้กระหึ่มเวทีเลยจริง ๆ ยิ่งตอนพี่เหลิมเต้นนี่ก็ได้เสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟน ๆ ไปเยอะเหมือนกัน
ต่อจากนั้นที่เวที FWD ก็เป็นวงในตำนานของฮ่องกงที่กลับมารวมตัวกันครั้งแรกในรอบ 10 ปี ชื่อ Fang Hung A เป็นเพลงประมาณ Joy Division ยุคแรก ๆ The Cure ก่อนที่เราจะวิ่งไปเวทีใหญ่เพื่อดู The Bootleg Beatles ที่น่าตกใจคือ วงนี้เขาไม่ได้คัฟเวอร์บีเทิลส์แล้วเหมือนอย่างเดียว แต่หน้ากับเสียงก็ยังเหมือนไง ล้องห้าย แล้วความพีคคือไม่ว่าจะเล่นเพลงจากยุคไหน เขาก็จะเปลี่ยนคอสตูมตามยุคนั้น ๆ ตั้งแต่ Please Please Me ไปจนถึง Abbey Road ซึ่งเราอยู่ทันฟังแค่ช่วงอัลบั้มแรก ๆ มีเพลงอย่าง All My Loving, I Want to Hold Your Hand และ Help! แล้วก็รีบวิ่งไปดู David Boring ที่ YourMum
ถือว่าวันนี้เป็นวันของเวทีจิ๋วนี่จริง ๆ มีแต่วง local ที่น่าดู ยิ่งวงนี้เป็น noise, punk เดือดดาล ดาร์กหม่น จับต้องทิศทางได้ยาก นักร้องนำหญิงมีเคมีของความเป็น Edith France จาก Crystal Castles อยู่มาก แล้วเจ้าหล่อนแต่งหน้าจัด มัดผมแกละ ทำหน้า aggressive ไม่รับแขกตลอดเวลา ตอนกรี๊ดออกไมค์นี่ได้ใจเจ้จริง ๆ เป็นวงที่เล่นสดได้ถึงลูกถึงคน ซาวด์ดนตรีหนา ๆ เกรี้ยวกราด กับคนดูที่พร้อมโดดยับ งาน post-punk, no wave อะไรเขาก็มา เราก็อินไปกับโชว์ของพวกเขาด้วย สนุกมาก ๆๆๆๆๆ ร้องสลับชายหญิงเหมือนก่นด่าอะไรอยู่ เน้นพลังงานพุ่งพล่านรัว ๆ กระชับไม่ยืดยาด กลองเร้าใจ เบสหนึบ ไลน์กีตาร์เท่ ขอเป็นแฟนคลับเลย
ห้าโมงตรงก็ได้เวลาที่ต้องวิ่งกลับมาเวที FWD เพราะมีแม่สาวเสียงดี Wednesday Campenella จากญี่ปุ่นรอเราอยู่ เธอเป็นสาวฮิปฮอปทรงเสน่ห์ ร้อง เต้น แร็ป ไปกับเพลงอิเล็กโทรป๊อป เทคโน ที่ทำดนตรีได้ล้ำมาก และวิชวลก็เว่อวังอลังการมาก ยังกับดูงาน teamLab อยู่ การแสดงของเธอจัดว่าเอนเตอร์เทนเราซะจนละสายตาไม่ได้ เริ่มที่ Gogh (remix), Ei Sei, Melos, Uran-Chan เธอออกแบบโชว์มาได้สนุกจริง ๆ มีของเล่นเยอะแยะไปหมด ทั้งผ้าผืนใหญ่ ๆ ที่แผ่ออกมาคลุมคนดูใน Utah หรือตัวเธอเองที่วิ่งออกมาเต้นท่ามกลางผู้คน บิ๊วให้ทุกคนสนุกไปกับเธอในเพลง Picasso
ไปจนถึงปีนขึ้นไปบนบันไดแล้วโยกย้ายส่ายสะโพก Shakushain ตามด้วยเพลงดัง Ikkyū-san และปิดท้ายด้วยการกระโดดเข้าไปในลูกบอลเป่าลมใส ๆ ลูกยักษ์แล้วปล่อยให้คนดูพากันโยนเธอไปรอบ ๆ ในเพลง Momotarō น่ารักมากจริง ๆ ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังหลงเลย
โชว์ถัดมาเป็นงาน world music กันบ้าง Tinariwen จากทะเลทรายซาฮาร่าทางตอนเหนือของประเทศมาลี (บ้านเดียวกับอีกวงโปรดของเรา Songhoy Blues ที่เคยเล่น Neon Lights สิงคโปร์ปีที่แล้ว และจะมาเล่นในงาน Wonderfruit ปีนี้) พวกเขาเป็นวงที่ได้รางวัลแกรมมี่อวอร์ดสในสาขาอัลบั้มเวิร์ลมิวสิกยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขาเป็นสไตล์อาหรับ แอฟริกัน ผสมกับบลูส์ ฟังเพลินโยกเพลินมาก แล้วก็ต่อกันที่ Dean ที่หลายคนคงได้ดูเขาเล่นสดที่บ้านเราไปแล้ว สำหรับหนุ่ม r&b คนนี้มีแฟนคลับมารอกรี๊ดเขาที่เวที FWD ไม่น้อยเลย แต่เราก็รอดูได้แค่แปปเดียวต้องขอไปโดดยับกับวงพังก์เดือดดาลจากอังกฤษที่กำลังรออยู่เวที YourMum ซึ่งเล่นเวลาตรงกันพอดี
เอาจริงว่าเรายังไม่เคยฟังเพลงของ Slaves แบบจริงจังมาก่อน แต่ตอนทำการบ้านไปนี่น่าสนใจมาก ๆ จนผมยอมทิ้ง Dean เลย คนสายเรามันต้องพังก์ดิวะ! ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง พอมาถึงเวที YourMum คือคนแน่นมาก ชายหนุ่มชาวร็อกกลัดมันยืนเบียดกันแทบหายใจไม่ออก แถมยังกระโดดแหกปากเฮละโลกันแบบลืมตาย อุณหภูมิที่เวทีนี้คือระอุจริง ๆ บอกเลยว่าลุกเป็นไฟ พี่มือกลองแกเกรี้ยวกราดสุดไรสุด บอกให้ทุกคนร่วมใจกันตะโกนว่า ‘Fuck the hi-hat’ แล้วจัดการฟาดไฮแฮตกลองตัวเองพร้อมทั้งกระโดดถีบ พี่มือเบสก็เท่ใช่ย่อย เรียกว่ารุ่นใหญ่ ใจนิ่ง พลังล้นเหลือ งานนี้คือห้ามถ่ายภาพล่ะ แล้วมีคนตั้งใจถ่ายมากจนการ์ดต้องมาดึงออก ทำให้มีปากเสียงกันนิดหน่อย เลยต้องให้ management เข้ามารับช่วงต่อ ตอนหลังพอเคลียร์กันได้ ศิลปินก็พูดออกไมค์ว่า ‘เฮ้ย ไม่เป็นไรทุกคนใจเย็น ๆ นะ เรามาตั้งใจดูด้วยตากันดีกว่า อย่ายกมือถือขึ้นมาถ่ายเลย แล้วก็กอดคนข้าง ๆ ซะ ไม่ว่าคุณจะรู้จักกันไหมแต่ทุกคนเป็นเพื่อนกันได้’ แล้วทุกคนก็หันกอดคนข้าง ๆ กัน เป็นภาพที่อบอุ่นน่ารักขัดกับเพลงและลุคของพี่ ๆ แกมาก สมานฉันท์กันไป
พอจบจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นเติมเหล้าเติมเบียร์หาข้าวกินแล้วเดินกลับมาดูดีเจจากฝรั่งเศสนาม Onra ที่ก็เปิดมิกซ์อิเล็กทรอนิกสายชิลเอาต์ ฮิปฮอป โยก ๆ เลื้อย ๆ ไป แต่เราว่าเขาเรียงเพลงไม่ค่อยดีฟังไปพักนึงก็เนือย ๆ แต่จุดนั้นที่จะหนีไปดู Blossoms ที่เวที FWD ฝนก็เทลงมาหนักหน่วง เรานี่คว้าเสื้อกันฝนมาใส่แทบไม่ทัน
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปยืนดูอยู่แปปนึง วงดนตรีพ่อหนุ่มหน้ามนที่กำลังเป็นที่จับตามองกับเพลงอินดี้ร็อกเฟี้ยวฟ้าว จัดเพลงถูกใจแม่ยกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น At Most a Kiss, Texia, Getaway, Blow, Smashed Pianos, Across the Moor ส่วนเราเข้ามาหลบฝนหาข้าวกินที่เลาจน์ของ FWD บอกเลยว่าเลมอนทาร์ต กับวอลนัตทาร์ต สลัดมะเขือเทศแตงกวามะกอก และหมูบาร์บีคิวเขาเด็ดมากจีจี ว่าแล้วก็เปรี้ยวปากอยากกินอีกรอบละเนี่ย เอาจริงว่าความดีงามของเลาจน์นี้คือเราสามารถกินไป นั่งดูวงที่เล่นเวที FWD ไปด้วย เก๋กู๊ดไปอีก (เรื่องของเรื่องคือเขาห้ามเอาเครื่องดื่มที่สั่งกินที่นี่ออกไปกินนอกโซนนี้นั่นเองล่ะ ฮือ)
แล้วยังเล่นเพลงดัง Honey Sweet, Blown Rose, My Favourite Room, Cut Me and I’ll Bleed, The Urge, Deep Grass ปิดท้ายด้วยเพลงที่ทำให้หลายคนรู้จัก Charlemagne ที่ขณะนั้นฝนก็ยังตกลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขอยอมใจแฟนคลับที่ยืนดูจนจบโชว์ สำหรับเราแล้วอาจจะไม่ค่อยอินกับวงนี้เท่าไหร่แต่ก็ถือว่าเล่นโชว์ได้ดีตามมาตรฐานเลย
แล้วก็ได้เวลาที่เราต้องย้ายก้นออกไปจากเลาจน์สักที เพราะ The Prodigy กำลังจะเล่นที่ Habourflap เวทีใหญ่ซึ่งนั่งดูจาก FWD VIP Lounge ไม่ได้แน่ ๆ เดชะบุญที่ฝนซาลงมาหน่อยนึงแล้วเลยเดินย่ำดินแฉะ ๆ ไปได้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาสามทุ่มนิด ๆ ผู้ชมมายืนรอกันที่เวทีอย่างอุ่นหนาฝาคั่งมากจริง ๆ วงอิเล็กทรอนิกสุดคลั่งที่การแสดงมันแบบเกินบรรยายขึ้นเล่นไปได้พักนึงแล้ว แสงสีเสียงบนเวทีสาดใส่คนดูอย่างรุนแรงไม่ต่างจากเพลงของวง กลิ่นกัญชาล่องลอยในอากาศปะปนกับบุหรี่ทำให้ต้องแอบชำเลืองมองซ้ายทีขวาที เอ ใครดูดนา แบ่งกันหน่อยหมายยย หืมมมม ซึ่งเพลงที่พวกเขาหยิบมาเล่นในค่ำคืนนี้ จัดไป 15 เพลงรัว ๆ non-stop ตั้งแต่ Breathe, Nasty Play, Wild Frontier, Omen, Firestarter, The Day Is My Enemy, The Day Is My Enemy (D&B remix), Roadblox, Voodoo People, Get Your Fight On, Run With the Wolves, Invaders Must Die, Poison, Everybody in the Place, Smack My Bitch Up โยกกันหัวหลุดไปเล้ย แล้วยังมีให้อังกอร์กันในสามเพลงท้ายที่นี่ปวดคอตีนแตกจะตายแล้ว เต้นเบียด ๆ กันในดงฝรั่งเมาคือเรื้อนมาก สนุกมาก ไม่มีใครห่วงสวยหล่อแล้วจริง ๆ Spitfire, No Good (Start the Dance) ปิดท้ายที่ Take Me to the Hospital ซึ่งก็ตามชื่อเพลงเลยค่า อุ้มหนูไปโรงบาลทีีีีี
เหลืออีกหนึ่งวันสุดท้าย รวมดาววงในตำนานหาดูไม่ได้ง่าย ๆ กราบใจผู้จัดจริง ๆ จะสนุกขนาดไหนรออ่านกันด้วย