15 กันยายน 2561

เราเริ่มเล่นดนตรีแบบจริงจังตั้งแต่ ม.1 และวงที่เราตั้งใจฝึกแกะเพลงอย่างจริงจัง และติดตามผลงานจนกลายเป็นติ่งก็คือวง Clash นี่แหละ แต่ 12 ปีที่เรารู้จักวงนี้มา เรายังไม่เคยได้ไปดูคอนเสิร์ตของพวกพี่ ๆ เขาเลย จนผ่านไป 7 ปี Clash กลับมารวมตัวกันแสดงคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ถึงแนวเพลงที่เราฟังจะเปลี่ยน แต่เราจะไม่ขอพลาดคอนเสิร์ตนี้แน่นอน

เป็นครั้งแรกที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตที่ Bitec บางนา พอเราเดินเข้าไปด้านในเราเห็นเวทีที่ใหญ่อลังการคับฮอลมาก เราพร้อมและเตรียมตัวที่จะกลับไปเป็นเด็กม.ต้นอีกครั้งแล้ว จนเวลาประมาณ 20.15 น. ไฟในฮอลก็ได้ดับลง พร้อมกับ VTR สมัยที่พี่ ๆ วง Clash ยังแข่ง Hotwave จนมาถึงคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งหลายที่วงเคยจัด ไม่ว่าจะเป็น First Clash, Clash Army พร้อมเสียงทำนองเพลง เพลงสุดท้าย ที่เปิดชวนให้นึกถึงวันที่พี่ ๆ ประกาศแยกวงและส่งลาด้วยเพลงนี้ แต่วันนี้ พวกเขากลับมาแล้ว

ไม่ทันไรสมาชิกวงคนแรก พี่ยักษ์ ก็ได้ขึ้นมาประจำที่กลองชุดใหญ่กลางเวที ตามด้วยพี่สุ่ม พี่พล พี่แฮ็ค และสุดท้าย เปิดตัวท่ามกลางฝูงชน พี่แบงค์ นักร้องนำของเรานั่นเอง และเพลงแรกของคอนเสิร์ต รวมถึงของวง ก็ได้เริ่มบรรเลงขึ้น คือเพลง กอด แฟน ๆ พากันร้องตามกันอย่างดี เรารู้สึกถึงบรรยากาศในฮอลว่าแฟน ๆ คิดถึงวงนี้ขนาดไหน ตั้งแต่เพลงนี้ปล่อยมา 17 ปี ตามกันด้วยเพลงที่สอง โดยพี่สุ่มได้บรรเลงเบสขึ้นมาก่อนที่พี่แบงค์จะปรากฏตัวจากพื้นยกระดับกลางเวทีกับเพลง ไฟรัก ทุกคนเริ่มมีการกระโดด โยกหัว ใส่กันสุด ๆ ไปกับเพลง ต่อความมันด้วยแทร็คแรกจากอัลบั้ม Brainstrom อย่าง รักจริงรักปลอม และ Crashing ใน ค้างคา งานนี้เราและคนรอบ ๆ ตัวที่น่าจะโตมาพร้อม ๆ กับเราแหกปากกันอย่างสุดเสียง จากนั้นทางวงก็ขอพูดคั่นสักเล็กน้อย ทักทายแฟน ๆ พูดถึงการรวมตัวใหม่ และพร้อมที่จะกลับมามอบความสุขให้ทุกคนในค่ำคืนนี้ ว่าแล้วหนึ่งในบทเพลงที่เราชอบมากจากอัลบั้มสุดท้าย NINE MISS U 2 ก็เริ่มขึ้น นั่นคือเพลง Love Does Exist งานนี้ได้ฟังโซโล่ประสานของพี่แฮ็คพี่พลสด ๆ ซักทีโว้ยยยย ต่อกันติด ๆ ด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง ยิ้มเข้าไว้ พี่แบงค์ถึงกับพูดว่า ตั้งแต่เล่นคอนเสิร์ตใหญ่มา นี่เป็นคอนเสิร์ตที่คนชูโทรศัพท์ถ่ายน้อยที่สุด แหม่ ก็หายไปซะนาน คนดูเค้าก็อยากมาซึมซับบรรยากาศให้มากที่สุดแหละพี่ ต่อกันด้วยเพลงช้าอย่าง ลางสังหรณ์ และ ถอนตัว ซึ่งเป็นเหล่าเพลงที่แฟน ๆ ตัวจริงรอคอยกันอย่างแน่นอน แล้วจากนั้นก็กลับเข้าสู่ช่วงโยกแบบเบา ๆ กันต่อกับเพลง It’s Gonna be OK จากอัลบั้ม Rock of Ages และเพลงที่เราไม่คิดว่าจะเล่น และแทบไม่เคยเห็นวิดีโอเล่นสดเลยอย่าง หยุดฝันก็ไปไม่ถึง ปิดท้ายช่วงแรกด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดที่พึ่งออกมาอย่าง ใจเย็นเย็น แค่ช่วงแรกก็อิ่มหนักแล้วจ้าาา ทั้งอารมณ์ ทั้งเพลง ทั้งเบียร์ อิ่มสุด ๆ ไปเลย!!!

ใน่วงต่อไป สมาชิกวงพากันมาที่เวทีกลางฮอลล์พร้อมกับ band gear ที่ตั้งรออยู่แล้ว เพื่อที่จะพูดคุยเข้าสู่ช่วงที่เบาลงมาหน่อย เริ่มกันที่เพลง เจ้าหญิงนิทรา ที่บรรเลงขึ้นมาพร้อมกับดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนเวทีหลัก เป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ แต่ยังเทียบกับเพลงต่อไปไม่ได้ เพลงที่ถ้าพูดถึงพี่แบงค์ทุกคนจะร้องเพลงนี้ขึ้นมานั่นคือ หนาว ในตอนนั้นมันไม่มีความตลกเลย เรารู้สึกเหมือนอยู่ในโลกที่วงสร้างขึ้นมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อนจริง ๆ สิ้นสุดเพลงก็มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยจาก โอซา แวง โดยการนำดอกไม้ขึ้นมาให้พี่แบงค์ถึงบนเวที แฟน ๆ ข้างล่างนี่กรี๊ดและชงกันเละเทะ พี่แบงค์ต้องพยายามหยุดเขิน แต่ท่าจะยาก เพราะต้องส่งเข้าเพลงสุดหวานเพลงต่อไปอย่าง เธอคือนางฟ้าในใจ เล่นซะเขินทั้งศิลปิน เขินทั้งคนดูเลยนะพี่ ตัดเข้ามาเพลงเศร้าอย่าง ละครรักแท้ แต่มันพิเศษมาก ๆ ที่ได้ศิลปินรุ่นเก๋าอย่าง คุณรัดเกล้า อามระดิษ ขึ้นมาร่วมแจมด้วย เล่นเราขนลุกกันทั้งฮอลจากพลังของเธอเลยแหละ ไหน ๆ มาก็ต้องแจมผลงานเก่า ๆ กันอีกซักเพลง คุณรัดเกล้าได้หยิบผลงานสุดคลาสสิคจากพี่บอย โกษิยพงศ์ อย่าง ลมหายใจ มาบรรเลงบนเวที ทำเอายิ่งรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเข้าไปอีก

กลับเข้าสู่ช่วงต่อไปกับเวทีหลัก ทางทีมงานแจกแท่งไฟให้กับคนดู แสดงว่าความสนุกได้ใกล้เข้ามาแล้ว ประเดิมด้วยเพลงที่อุทิศให้แก่สาว ๆ ที่สวยที่สุดในโลกอย่าง Thai Girls ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มแรกอย่าง หุ่นกระป๋อง มาแล้วกับเพลงที่ทุกคนรอคอย….. อุทิศให้ผู้หญิงแล้ว คราวนี้ก็ขอเป็นเพลงอุทิศให้ผู้ชายเจ้าชู้บ้างกับเพลง โรคประจำตัว ที่ในตอนท้ายเพลงได้มีแร็ปเปอร์ที่มาแรงที่สุดตอนนี้อย่าง TWOPEE ขึ้นมาแจมด้วย และระเบิดความมันกับเพลง ไหวอ้ะป่าว เบเบ้ นี่ขนาดพึ่งเริ่มช่วงพีคนะเนี่ย…. แต่พีคกว่าที่อยู่ ๆ เก้า จิรายุ และ โอ๊ต ปราโมทย์ ได้รับบทเป็น technician ขึ้นมาบนเวทีเพื่อเปลี่ยนกีตาร์ให้พี่พลกับพี่แฮ็คด้วย ฮ่า ๆ ขึ้นมาแบบงง ๆ กวนกันสองสามประโยค แล้วก็ลงไปแบบงง ๆ แต่แฟน ๆ ก็ยังกรี๊ดให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม

ความเซอร์ไพรส์ได้ตามมาไม่หยุดไม่หย่อนจริง ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ วงก็เอาผลงานของพี่ เสก โลโซ อย่าง พันธุ์ทิพย์ มาบรรเลงกลางคอนเสิร์ตใหญ่ เรารู้สึกตื่นเต้นปนขำมาก ๆ แต่ก็ยังแหกปากร้องสุดเสียงนะ ต่อกันด้วยผลงานจาก Silly Fools อย่างเพลง น้ำลาย เรียกว่าโดดกันจนเบียร์หกเลยแหละ แต่มีขึ้นก็ต้องมีลง กับเมดเล่ย์เพลงฮิตสุดเจ็บต่อกัน 6 เพลงรวดอย่าง ขอเจ็บแทน, เขาชื่ออะไร, มือที่ไร้ไออุ่น, ซบที่อกฉัน, ขอเช็ดน้ำตา แบบอิ่ม ๆ เต็มเพลง ปิดท้ายด้วยเพลงจากอัลบั้มแรกอย่าง รับได้ทุกอย่าง ช่วงนี้จำไม่ได้เหมือนกันว่าร้องไห้ไปกี่รอบ เมาก็เมา อินก็อิน ก่อนเข้าสู่ช่วงเดือดดาล ทางวงก็ขอเจิมด้วยเพลง Rebirth เพลงสุดท้ายที่ทางวงปล่อยก่อนแยกย้ายเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และนี่แหละคือความเดือดดาลที่กำลังจะมาถึง เสียงเบสของพี่สุ่มดังกระหน่ำก่อนเข้าสู่เพลงหนักจากอัลบั้มแรกอย่าง Love Scene ต่อกันติด ๆ กับเพลงที่ทำให้เรารู้จักวงอย่าง ท้าชน (Crashing) มาถึงสองเพลงที่เดือดที่สุดในงานกับ สัจอธิษฐาน งานนี้พี่พลพี่แฮ็คโซโล่เรียกได้ว่าแสบดากมาก และโยกคอแทบหลุดกับเพลงสุดท้ายอย่าง ใส่ร้ายป้ายสี ก่อนทางวงจากเดินลงจากเวทีและไฟก็ได้เปิดขึ้น

เหมือนว่าแฟน ๆ จะยังไม่อิ่มกันกับการกลับมาครั้งนี้ ยังคงตะโกนเอาอีก ๆ จนทางวงต้องกลับขึ้นมาบรรเลงเพลงจากอัลบั้ม Fan กันต่อกับเพลง เกินคำว่ารัก ในช่วงสุดท้ายนี้ทุกคนพากันร้องสุดเสียงแบบไม่มีกั๊ก ต่อด้วยเพลงที่สวยงามที่สุดเพลงนึงจากอัลบั้ม Smooth Clash อย่าง นางฟ้าคนเดิม ปิดท้ายคอนเสิร์ตนี้ไปกับเพลงที่วงใช้ปิดมาตลอดอย่าง เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป สิ้นสุดเสียงเพลง เสียงคนดูยังคงร้องท่อนฮุควนไปเรื่อย ๆ ในขณะที่วงได้ออกมาขอบคุณ และแจกของพบปะกับแฟนเพลง จบโชว์ที่รอมานานไปอย่างสวยงาม

เรากล้าพูดเลยว่า Clash เป็นวงที่ทำให้เราตั้งใจฟังเพลงไทยวงแรก และเป็นวงที่ทำให้เราฝึกเล่นดนตรีมาจนถึงทุกวันนี้ การได้มาฟังสดครั้งแรกมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันตื้นตัน มันตื่นเต้น มันทำให้เรารู้สึกอย่างกลับมาซ้อมกีตาร์และแกะเพลงเหมือนแต่ก่อนอีกครั้ง และเชื่อว่าเมื่อคืน ไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ขอบคุณพี่ ๆ ที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลในให้กับเด็กยุคเราหลาย ๆ คน ให้มาเป็นหนึ่งในแรงผลักดันวงการดนตรีไทยในทุกวันนี้ จะติดตามตลอดไปครับ ^^

• Twitter
• Line