เต็มอิ่มกับโชว์ครั้งแรกในไทยของวงแมธร็อกสุดสนุกอย่าง CHON!
- Writer: Malaivee Swangpol and Widthawat Intrasungkha
- Photographer: Wanida Chaithana
เราเป็นคนหนึ่งที่ฟังเพลงของ CHON มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ก็ไม่เคยมีความคิดแว้บเข้ามาในหัวว่าพวกเขาจะมาเยือนไทย ด้วยแนวดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องซึ่งค่อนข้างเข้าถึงยาก แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Seen Scene Space ก็ได้ทำให้ความฝันเราเป็นจริง ซึ่งพวกเขาก็ได้มาพิสูจน์ให้ดูแล้วว่า ดนตรีแมทร็อกก็สนุกและไม่เครียดได้!
เรามาถึงที่ Lido Connect ประมาณ 19.30 ก็มีคนมารอกันในงานแล้ว ได้แวะซื้อเสื้อไปหนึ่งตัวถ้วนเนื่องจากไซส์หมดเกลี้ยง พอเข้าเดินเข้าไปในฮอล พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็ให้เราแบมือรับแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคกันก่อน โดยเราก็เห็นผู้คนมานั่งรอกันอบอุ่นเกือบเต็มพื้นที่ (ฮือ พวกเธอสินะที่แย่งเสื้อไป แง)
แล้วเวลาประมาณ 20.20 วงเปิด January ก็ขึ้นมาเตรียมพร้อม เปิด MD ฟุ้ง ๆ ก่อนจะเข้าเพลง Flick แบบไม่พูดไม่จา ใช้เทคนิคแทปปิ้งกีตาร์กับเสียงกลองพุ่ง ๆ ก่อนจะเข้าริฟฟ์หลักชัดเจน จากนั้น กีตาร์นำก็กล่าวทักทายโดยไม่ใช้ไมค์ “สวัสดีครับพวกเรา January” ซึ่งฮอลล์ก็เล็กพอที่ทุกคนจะได้ยินชัดเจน ก่อนจะเข้า Rev ที่ท่อนกลองรัวทอมเพลินดี แล้วก็ทิ้งท้ายด้วยท่อนฟาด ๆ แล้วเป็น Pull ซึ่งเป็นอีกเพลงที่แทปปิ้งกันสนุกสนานคลอกับเสียงสตริง กับยูนิซันท่อนหยุด แล้วเปลี่ยนท่อนด้วยรัวกระเดื่อง จากนั้นเป็น Push ที่มีท่อนฮุกสาด ๆ แบบซาวด์เมทัลชวนโยก เพลงนี้เริ่มมี complex time หนุก ๆ มาให้โยกกันงง ๆ โดยทั้ง 4 เพลงก็มีการเรียบเรียงที่ฟังลื่นหู โยกตามได้ ไม่ถึงกับตาแตกสับเปลี่ยนจังหวะในทันที แต่มีความไหลลื่นของ melody จากกีตาร์ทั้งสองที่เล่นประสานเข้าขากันอย่างดี รวมทั้งกลองที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษในการโชว์ลูกพริ้ว ๆ ให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ
“4 เพลงแรกเป็นเพลงจาก EP แรก ปีนี้เราจะปล่อยอัลบั้มเต็มในเดือนมีนาคม คนเยอะมาก ขอบคุณมากนะครับ” มือกีตาร์คนตรงกลางบอก ก่อนจะไปเป็น Fluff Up ที่มาแบบสดใส กลองเทคนิคแพรวพราว เริ่มเห็นคนเต้นกันบ้าง จากนั้นเป็น Fall ที่ขึ้นเพลงมาแบบช้า ๆ หน่อย แต่พอกลองเข้าเท่านั้นแหละ โยกไม่ทันเลย มาสาย J-math rock ที่สลับไปท่อนอุดสายร็อก ๆ แล้วเป็น Fade ที่เข้าเพลงด้วยท่อนกลองอลังการ กับฮุกที่จำง่าย ก่อนจะต่อเลยกับ Rise ซึ่งเป็นอีกครั้งที่มือกลองได้โชว์สกิล ทั้งท่อนรัวขอบกลองพุ่ง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะกลองเป็นสไตล์ละตินซึ่งยังคงกลมกล่อมกับดนตรีแมทร็อก ผสมกับกีตาร์ที่เปิด reverb ฟุ้ง ๆ
“เชื่อว่าวันนี้มีคนที่รู้จักและไม่รู้จัก ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน วง CHON เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ไม่มีมือเบสเพราะพวกเราสนิทกันมาก ไม่รู้ใครจะเข้ากับเราได้ไหม เพลงต่อไปเป็นเพลงใหม่“ กับ ICYMI ที่มากับท่อนยูนิซันอุดสายแบบสนุก ๆ “เพลงต่อไปเป็นซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งปล่อย mv ออกมา เพลงนี้ชื่อว่า Cave นะครับ” กับมีท่อนสาด ๆ ฟาด ๆ สุดมัน
“เพลงสุดท้ายครับ ทุกโชว์เราจะเล่นเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้าย ความหมายเหมือนกับการเร่ิมต้นใหม่ เราอยากให้ทุกคนรู้สึกไปกับเรา ชื่อเพลงเต็ม ๆ คือ Revive ขอบคุณ Seen Scene Space ที่ให้โอกาสเรา เราอยากให้ดนตรีแนวนี้โตในบ้านเราครับ” ส่งท้ายไปด้วย Vive ที่เป็นอีกเพลงที่มากับท่อนกลองแพรวพราว ก่อนจะมีท่อนขัด ๆ แล้วจบแบบด้วยอย่างยูนิซันยิ่งใหญ่ ซึ่งเล่นจบวงก็ได้ขอถ่ายรูปผู้ชมด้วย
พวกเขาถือเป็นวงแมธร็อกหน้าใหม่ที่สร้างสีสันให้กับวงการเพลงบรรเลงได้ดีเลยทีเดียว หลังจากที่เราเคยตื่นเต้นมากๆกับ aire ในยุคนึง ในปีนี้คิดว่า January ก็เป็นอีกหนึ่งวงที่มีความพร้อมที่จะแสดงศักยภาพให้คนดูได้กดเครื่องคิดเลขและโยกไปพร้อมกับเพลงที่สัดส่วนแปลก ๆ ในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ Seen Scene Space ได้ชวนมาเปิดให้กับวงแมทร็อกรุ่นเก๋า (ฟังมาตั้งแต่วัยรุ่น ตอนนี้โต ๆ กันหมดแล้ว) ซึ่งน่าจะได้เปิดโอกาสให้วงได้สร้างความประทับใจกับคอเพลง CHON เราก็ได้แต่หวังว่าจะมีคนชอบเพลงแมทร็อกในไทยมากขึ้น และออกไปร่วมสนับสนุนคนทำเพลง instrumental ให้มีสีสันมากขึ้น
เวลาประมาณ 21:40 วง CHON ก็ก้าวขึ้นเวทีกันมาพร้อมด้วยเสียงกรี๊ดและปรบมือต้อนรับจากผู้ชม ก่อนที่มือกีตาร์ Mario Camarena หรือที่เราขอตั้งชื่อเล่นว่า พี่หัวม่วง จะขึ้นเวทีมาแล้วเปิดฉากเล่นเพลง Bubble Dream จากอัลบั้ม Newborn Sun ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมวงยังหยิบกีตาร์กันไม่ครบ ฮา ทำเอาแฟนเพลงเฮลั่นกันไปดัง ๆ กับวิชวลเป็นรูปน้องเสือ ซึ่งในท่อนฮุกเพลงนี้คนดูร่วมร้องวู้ว จบเพลงกรี๊ดคลอไปกับเสียงกลองรัวแครช ก่อนจะต่อเนื่องด้วย Story ที่เรียกขวัญกำลังใจของผู้คนในงานออกมาอย่างล้นหลา โดยทุกคนร่วมใจร้องตามริฟฟ์ อย่างเนิร์ด! ส่วนท่อนฮุกก็เพลินมาก เข้าท่อนโซโล่คนก็กรี๊ดอีกรอบ ยิ่งเจอท่อนขยี้กับลูกส่งยิ่งเด็ด ก่อนจะเป็นบริดจ์ท่อนหลังย้วย ๆ แล้วกลับเป็นท่อนเข้ามา time เดิมที่เท่มาก
“สวัสดีครับ กรุงเทพ!” Erick Hansel มือกีตาร์อีกคนทักทายประชาชน “ทุกคนเป็นไงกันบ้าง? เยี่ยม! พวกคุณโอเคใช่ไหม เรายังมีเพลงอีกเยอะเลย!” จากนั้นเป็น Petal ที่มีท่อนยูนิซันหยุดเท่มาก ๆ พี่ Mario แทปปิ้งมันเลย ต่อด้วย Ghost กับจังหวะสนุก ๆ เพลงใส ๆ และท่อนโซโล่ที่ใช้คันโยก จากนั้นกลับเข้าท่อนยูนิซันแบบสวยงาม ก่อนจะเป็น Cloudy กับ Visit ที่มากับจังหวะเกือบจะบอสซ่าน่ารัก ๆ แต่เล่นไปประมาณครึ่งเพลงแล้วอยู่ดี ๆ ทั้งวงก็หยุดเล่น เพราะเบสดับ ซึ่ง Mario ก็มาพูดแก้ขัดว่า “นี่เป็นครั้งแรกของเราในไทย ได้เห็นทุกคนที่นี่มันบ้ามาก ๆ ” แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีคนดูยื่นรูปวาดให้กับเขา “ว้าว ส่งเสียงให้เธอหน่อย เธอวาดรูปนี้มาให้ เดี๋ยวจะเอาไปวางไว้นะ” ก่อนที่เสียงเบสจะกลับมาแล้วเขาก็ถามว่า “ให้เริ่มใหม่ไหม หรือเริ่มจากตรงที่เดิมดี?” ก่อนวงจะเริ่มเพลงใหม่กันแต่แรก
“ผมสงสัยว่า เคยมีใครดูพวกเราเล่นสดบ้างไหม?” Mario ทักทายอีกรอบ แฟน ๆ ก็ตะโกนทักทายกันลั่น “ผมขอโทษที ผมพูดไทยไม่ได้ อ้อ แต่รู้จัก สวัสดีครับ นะ” จากนั้นแฟน ๆ ในฮอลล์ก็ตะโกนชื่อเมืองที่เคยไปดู CHON กันมาทั่วโลก “ขอบคุณที่มาดูนะ เรามีความสุขมาก ๆ ที่ได้มาเล่นที่นี่ เดี๋ยวเราจะเล่นเพลงเก่า ๆ ให้กับทุกคนที่เคยดูเราเล่นนะ” เปิดด้วย Book ที่มาพร้อมเสียงกรี๊ดลั่น คนร้องตามริฟฟ์และปรบมือตามกันอย่างสนุกสนาน แล้วต่อด้วย Knot ที่วงก็โยกหัวกันดุ๊กดิ๊กอย่างสนุกสนาน แล้วเป็น Puddle ที่เข้าเพลงแบบไม่ทันให้เราตั้งตัว เพลงนี้กลองฟาดอย่างเมทัล เชื่อว่าหลาย ๆ คนปวดคอไปตาม ๆ กัน ซึ่งเพลงนี้ท่อนกลองก็โซโล่ได้ปวดหัวดี ก่อนจะเป็น Elliptical Illumination ที่กีตาร์เล่นอุดสายแบบชาวร็อกโพสต์ฮาร์ดคอร์มาเลย 5555 สรุปนี่วงอะไรกันเนี่ย ท่อนฮุกก็คือกีตาร์ฮีโร่ยุคเก่ามาก แล้วเป็น Newborn Sun ที่ขึ้นต่อเลย ท่อนยูนิซันดุเดือดมาก
“ขอบคุณครับ! ไหนมีใครได้ฟังอัลบั้มใหม่ของเราแล้วบ้าง? เยี่ยมมาก เราจะเล่นเพลงใหม่กันซักหน่อยนะ” Mario บอก แล้วเป็น Intro กับ Peace ที่ตอนเข้าเพลงก็รู้สึกถึงความสงบจริง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับความ math ขึ้นไปเรื่อย ๆ จากนั้นเป็น Rosewood กับวิชวลน้องเสือด้านหลังที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้วเปลี่ยนท่ายืน ก่อนจะต่อด้วย Pitch Dark ที่คนกรี๊ดกันลั่น มีไลน์กีตาร์สนุก ๆ มาคู่กับท่อนยูนิซันฟาด ๆ ที่มีคนร้องตามริฟฟ์ แล้วทิ้งท้ายไปด้วยท่อนที่กลองเงียบเพื่อให้กีตาร์กับเบสขึ้นมาเป็นพระเอก “โย่! ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เรามีอีกแค่ 2 เพลงเท่านั้น ขอบคุณที่มาดู แล้วเจอกัน!” ทิ้งท้ายไปด้วย Sleepy Tea ที่คนกรี๊ดกันลั่นฮอล ก่อนจะปิดท้ายด้วย Water Slide ที่จังหวะสนุก ๆ ท่อนหลังทุกคนโยกหัวแทบหลุด โดย Erick ก็มีแอบลืมท่อนโซโล่ไปหน่อยนึงด้วย ซึ่งพวกเขาก็หนีหายลงเวทีไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องตะโกนอังกอร์กัน
“สวัสดีอีกครั้งครับ ไม่รู้ทำไมลืมท่อนโซโล่ไปเฉยเลย ฮ่า ๆ “ Erick ชิงสารภาพก่อนตั้งแต่เดินขึ้นมาถึงไมค์ ก่อนจะบอกว่า “มีอีกสองเพลงนะ!” เป็น Can’t wait ที่เราประทับใจมาก ๆ เพราะเป็นเพลงเดียวที่ Erick หยิบมาร้องในคืนนี้ คนดูก็ร้องตามลั่น ชอบความที่พี่แกโซโล่ยับแล้วกลับมาร้องต่อแบบชิล ๆ ก่อนจะตะโกนบอกกับคนดูว่า “ขอบคุณครับ ชาวไทย!” ส่งท้ายจริง ๆ ด้วย Perfect Pillow ที่คนดูทั้งฮอลล์มีส่วนร่วมในการตะโกนวู้วในท่อนกลางเพลงกันอย่างสนุกสนาน มีท่อนนึงตีกลองหยุดเหมือนจะไม่ต่อแล้ว ก่อนจะกลับเข้ามาให้คนดูโยกหัวกันมัน
CHON ปิดโชว์ได้สวยงามหมดจดจริงๆ รวม ๆ เราได้ยินมือกีตาร์มาโซโล่ยับทั้งคู่ สนุกมากๆ นอกจากนั้นมือกลองก็ใส่ไม่ยั้งเช่นกัน เพลินสุดๆ แต่คนนึงที่จะไม่พูดถึงเลยคงจะไม่ได้ ก็คือมือเบส Esiah Camarena ที่เคยอยู่ในยุคก่อตั้ง ซึ่งได้กลับมาเล่นอีกครั้ง เป็นคนที่ปิดทองหลังพระสุด ๆ แต่เทคนิคร้ายกาจมาก ๆ สารภาพว่ามีหลายครั้งที่ละสายตาจากมือเบสคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
ปล. เคยฟังมาตั้งแต่ทุกคนในวงตัว slim ไซส์ S จนตอนนี้มาเจออีกทีแอบกลายเป็นลุงหมีกันหมดละ แต่ชอบมาก ๆ มาอีกนะ
อ่านต่อ
ในดนตรีมีคณิตศาสตร์ The Math in Music (issue OCT 2015)
Psychedelic Rock 101 : ประวัติศาสตร์อย่างย่นย่อของไซคีเดลิกร็อก
ติดตาม Seen Scene Space ได้ที่ facebook.com/SeenSceneSpace/