Cat Gig : The Yers ร่วมมือกันกระหน่ำทำนองเพลงใส่หูคนสีดำที่มันตายจากข้างใน
- Writer: Phongpatch Thanattrai
- Photographer: Keerati Jarunakarin
19 มิถุนายน 2561
ถ้าพูดถึง Cat Radio หลาย ๆ คนก็น่าจะนึกถึงงานใหญ่ ๆ อย่าง Cat Expo, Cat Foodival หรือ Cat T-Shirt เป็นอันดับต้น ๆ แต่คงลืมไปว่า ยังมีงาน Cat Gig สำหรับแฟนเพลงที่ต้องการเสพเพลงลึก ๆ ของวง ๆ นึงอยู่ด้วย โดยคราวนี้ Cat ก็ได้เชิญวงที่เพิ่งร่วมมือกับ Skullcandy ทำหูฟังรุ่นพิเศษของตัวเองขึ้นมาซึ่งก็คือ The Yers นั่นเอง!! แน่นอนว่าคืนนี้เราคาดหวังเพลงที่คงไม่ได้ยินกันบ่อย ๆ จาก The Yers แน่นอน เราไปถึงงานเร็วกว่าที่คิด ประมาณทุ่มนึงได้ ก็ขอเข้าไปสำรวจบริเวณงานก่อนเลย
บรรยากาศงานดูอึมครึมจากธีมที่ทุกอย่างเป็นสีขาวดำแม้แต่ซุ้มโปรโมตหูฟัง งานนี้เรารู้สึกเหมือนเป็น private party ของ The Yers และแฟนเพลงมาก ๆ คนดูไม่เยอะจนเกินไป เราตัดสินใจยืนดูจากพื้นที่โล่ง ๆ ข้างหลัง อยากได้ความรู้สึกเหมือนว่าศิลปินเล่นให้เราดูคนเดียวจากไกล ๆ ฮ่า ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
เวลาประมาณ 19.40 น.วง opening act อย่าง In This Peace ก็ได้ขึ้นไปบรรเลงผลงานก่อนเลย เริ่มต้นด้วยเพลงแรกที่คุ้นหูชาวฟังใจกันอย่างดีอย่าง Don’t Wake เราได้ดูวงนี้เล่นสดครั้งล่าสุดก็นานมาแล้ว ตั้งแต่ต้นกันยายนปีที่แล้วเลยมั้ง ต้องบอกเลยว่า เราประทับใจขึ้นมาก ทั้งด้านการเล่นและ performance ต่อกันด้วยเพลงใหม่ที่ทางวงไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อนอย่าง Hold On, Darling ซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะโยกพอประมาณให้เราเพลิน ๆ ไปได้ และมาถึงเพลงช้าเพลงเดียวของโชว์อย่าง Tear เพลงที่มีความฟุ้งและชวนให้เราล่องลอยไปกับบรรยากาศอันขุ่นมัวของงาน ซึ่งทำเอาเราเริ่มซึม ๆ ขึ้นมา จบด้วยเพลงเร็วเพลงสุดท้ายอย่าง Communication ซึ่งก็ปิดโชว์ไปได้อย่างสวยงาม ถือว่าพัฒนามาจากครั้งล่าสุดที่เราดูเยอะมาก
ใช้เวลาเซ็ตอัพไม่ถึง 15 นาที เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ขึ้นมาแล้วกับ 4 หนุ่มวง The Yers ซึ่งเปิดโชว์ด้วยแทร็คแรกจากอัลบั้ม You อย่าง เสียสละ เรารู้สึกได้เลยว่าคืนนี้ลิสต์เพลงต้องไม่ธรรมดาและเราต้องได้ฟังหลายเพลงที่อยากฟังแน่ ๆ ต่อกันติด ๆ ด้วยแทร็กแรกจากอัลบั้ม Y อย่าง Dance in the Dark นานน๊านนนน จะได้ฟังเพลงแบบนี้ที่ ยังไม่พอ ไม่มีการพูดคั่นอะไรทั้งนั้น ทางวงก็ประเคนเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นอย่าง Loop และ รถไฟ มาให้เราอย่างต่อเนื่อง ลึกกันมาซักพัก ขอกลับมาเพลงที่คุ้นหูกันบ้าง เพลงโทนสีดำมืดที่มีจังหวะชวนโยกให้หัวหลุดอย่าง คืนที่ปวดร้าว ได้ถูกเล่นเป็นเพลงที่ 5 เป็นหนึ่งในเพลงที่เราเคยอินมาก ๆ ซะด้วยสิ เราเองก็ยืนโยกหัวคนเดียวจนคนจัดงานหันมามองแบบงง ๆ ต่อกันติด ๆ ด้วยเพลง ความลับของเงา และ แอบรอ เรียกว่าพี่แกจัดเพลงหนักกันเข้ามาติด ๆ กันแบบไม่ให้พักหายใจหายคอเลย แต่ในที่สุด เสียงกีตาร์โปร่งก็ได้บรรเลงขึ้นมาให้เราได้พักหูกันบ้าง (แต่ก็ไม่ค่อยหรอก) กับเพลง เต้นรำครั้งสุดท้าย สิ่งสุดหม่นกับน้ำตาที่เริ่มคลอ พี่อู๋ก็ได้กล่าวว่า “วันนี้เรามาอยู่ในที่ ๆ มีแต่แฟนเพลงของเราจริง ๆ เราจะพยายามพูดให้น้อย แต่เล่นเพลงให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเล่นได้ละกันนะครับ แต่เพลงต่อไป ถึงจะพูดให้น้อย แต่ยังไงก็คงต้องพูด” ไอ้เราก็งง ๆ แต่แล้ว เพลง พูด ก็ได้ถูกหยิบมาเล่น ถือว่าเลือกคำพูดเปิดเข้าเพลงได้เฉียบครับพี่อู๋
มาถึงช่วงที่มีแขกพิเศษขึ้นมาแจมบ้างแล้วสินะ ซึ่งแขกพิเศษก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ The Yers มาถึงทุกวันนี้ได้อย่างพี่กอล์ฟ และพี่ฝน จาก Superbaker นั่นเอง ทาง The Yers ก็ขอนำเพลงจาก Superbaker เพลงนึงมาบรรเลงให้แฟน ๆ ฟังนั่นก็คือ… มนุษย์ล่องหน เพิ่มความสดใสและสว่างให้กับงานบ้างอะไรบ้าง จบเพลงนี้พี่อู๋ก็ได้กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องปกตินะครับ ที่แขกรับเชิญจะต้องร้องสองเพลง พี่กอล์ฟถึงกับทำหน้างงอารมณ์ว่า นี่มึงยังไม่ปล่อยกูลงไปอีกหรอ เพลงต่อไปเป็นเพลงเก่าที่นำมาทำใหม่ และจะอยู่ในอัลบั้ม Cry ด้วย และพี่กอล์ฟก็เป็นคนช่วยเขียนเนื้อเพลงนี้ตั้งแต่สมัยที่อยู่ Smallroom เลยหล่ะ เสียงซินธ์ที่คุ้นหูได้ถูกบรรเลงขึ้นมา ไม่ใช่เพลงไหนนอกจากเพลงโปรดของเราเองนั่นคือ เทศกาล แต่เป็นเวอร์ชันที่เบาลงมาจากอัลบั้มแรกเยอะเลยแหละ
จบไปแล้วกับช่วง special guest กลับมาให้ The Yers ทำหน้าที่กันต่อดีกว่า เข้าสู่ช่วงซึมสุดขีดกันแล้วสินะ เมื่อพี่อู๋ยังคงสะพายกีตาร์โปร่งและบอกทุกคนว่า เพลงนี้ขอมอบให้กับคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาในชีวิต ต้องแบกรับความผิดหวัง ถึงไม่มีใครเข้าใจ มี 4 คนที่ยืนอยู่บนเวทีนี้เข้าใจนะ และแล้วเพลง พายุหมุน ก็เริ่มบรรเลงขึ้น บรรยากาศที่อึมครึมและเงียบกริบได้แทรกเข้ามาเต็ม Studio9 ยังไม่พอ ต่อกันด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดจากอัลบั้ม Cry อย่าง เกลียด เรียกว่าเรียงลิสต์เพลงได้ขยี้จิตใจคนดูมากเลยค้าบบบ ตอนนั้นคนก็ร้องตามกันนะ แต่เรารู้สึกถึงความร้องตามแบบ…. ไม่ได้ตะโกนออกไปตามศิลปิน แต่รู้สึกจริง ๆ ไปกับเพลงอยู่ ทำให้เกิดบรรยากาศที่เศร้ามาก ๆ ตอนนั้น จบเพลงทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศดำมาก ๆ จนพี่อู๋เล่นมุขขึ้นมานิดนึงว่า เหมือนเล่นคอนเสิร์ตอยู่ในห้องสมุดเลย แต่เป็นมุขที่ไม่ได้ช่วยให้เราหายซึมเลยเพราะอินโทรเพลง เพียงหนึ่งครั้ง ได้เริ่มต้นขึ้นมาแล้ว เรียกว่าเอาให้คนดูรู้สึกถึงขั้นสุดให้ได้เลยล่ะ ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อปูเข้าเพลงต่อไปอย่าง เสพติดความเจ็บปวด ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยความหม่นทั้งหมดไปกับการโยกหัวหลุดในเพลงนี้กันฮะะ จนมาถึงเพลงสุดท้าย (พี่อู๋เค้าบอกมางั้น) เพลงดักแก่อย่าง การสื่อสาร ก็ได้ถูกนำมาเล่นเป็นเพลงปิดซะได้ ทุกคนยังคงร้องกันได้อย่างดี จบเพลงสมาชิกทั้ง 4 ก็ได้กล่าวขอบคุณและเดินลงเวทีไป แต่แน่นอนว่าทุกคนตะโกน เอาอีก ๆๆๆๆ
ไม่ทันขาดคำสมาชิกทั้ง 4 ก็ได้กลับขึ้นมาบนเวที พร้อมกับคำกล่าวของพี่อู๋ที่ว่า “จะเอาอะไรอีก เวลาผมเป็นเงินเป็นทอง ผมขอเพลงละ 500 ได้มั้ยฮะ” หลายคนก็ตะโกน ได้ ๆๆๆๆ และยังบอกอีกว่า “ดูก็ดูฟรี บัตรนี่ก็ไม่ได้ขอเอง ให้เพื่อนเล่นเกมขอให้” ถือว่าเฉียบมาก ๆ เลยครับพี่อู๋ ว่าแล้ว เพลงที่เราไม่คิดว่าจะได้ฟังแล้วในคืนนี้อย่าง TV ก็ได้บรรเลงขึ้นมา เรากรี๊ดแบบดังมากกกก เพราะไม่คิดว่าจะเล่นด้วย แต่ก็ซึมใช้ได้เลยแหละกับเพลงนี้ จบเพลงทุกคนก็พากันกรี๊ดลั่นพร้อมรับฟังเพลงสุดท้ายอย่าง ระหว่างขับรถ และแล้วพวกเราก็โดนหลอกอีกครั้ง หลังโยกกันอย่างมันในเพลงนี้เสร็จ เหมือนจะจริง ๆ ละ แต่ทางวงยังแถมแทร็กพิเศษ จากอัลบั้ม Y อย่างเพลง ฉลาด มาทิ้งท้ายให้ด้วย ถือว่าจบได้อย่างกวน ๆ แต่สวยงามจริง ๆ กับคอนเสิร์ต ‘ท่ามกลางพายุหมุน’
การที่ศิลปินได้เล่นผลงานทั้งกว้างและลึกของตัวเองให้กับผู้ฟังที่ชื่นชอบผลงานจริง ๆ ของศิลปินนั้น ๆ เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยนะ ไม่จำเป็นต้องมีคนดูเยอะ แต่ศิลปินสามารถเล่นอะไรออกไปก็ได้โดยที่คนดูก็พร้อมที่จะรู้สึกไปกับมัน สำหรับเรามันแอบดีกว่าการที่เราต้องเลือกแต่เพลงดัง ๆ ของเรามาเล่นเพื่อให้คนดูสนใจอีก เราอยากให้มีงานแบบนี้บ่อย ๆ กับศิลปินหลาย ๆ คน เพื่อที่ทั้งศิลปินและแฟนเพลงจะได้พูดคุยความรู้สึกผ่านดนตรีอย่างแท้จริง ทั้งมีความสุขและเศร้าไปด้วยกัน อย่างไรก็ขอบคุณ Cat Radio และ Skullcandy ที่จัดงานดี ๆ แบบนี้ขึ้นมา หวังว่าเราคงได้เห็นงานแบบนี้กับหลาย ๆ วงอีกนะครับ ^^