LA จะลุกเป็นไฟ เพราะ Camp Flog Gnaw Carnival ฮิปฮอปเฟสติวัลโดย Tyler, the Creator (ตอนแรก)
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Converse_X_, hear and there, and Montipa Virojpan
Camp Flog Gnaw Carnival ฮิปฮอป r&b มิวสิกเฟสติวัลสุดยิ่งใหญ่ของ Tyler, the Creator ที่จัดขึ้นที่ Dodger Stadium โดยงานเปิดให้เข้าได้ตั้งแต่บ่ายโมงตรง เราก็ไปถึงงานตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้เดินสำรวจข้างในซักหน่อย
แต่ปรากฏว่าคิดผิดมากกก เพราะพอไปถึงแล้ว แดดร้อนมากจนจะละลาย เพราะที่จัดเป็นสนามกีฬาที่อยู่บนเขา เหมือนเราวิ่งหาพระอาทิตย์อะ แล้วแดด LA ช่วงฟ้าเปิด ๆ นี่คือแสบตัว แสบตา แว่นกันแดด ครีมกันแดด และน้ำดื่มเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ มาลุ้นกันว่าน้องจะอยู่รอดใน Camp Flog Gnaw ตลอดทั้งงานหรือไม่
9 พฤศจิกายน 2562
พอเราเดินตามแก๊งเด็กมาถึงบริเวณตรวจกระเป๋าหน้างาน ความช็อกอย่างแรกคือมิวสิกเฟสติวัลที่นี่เขาให้เอาขวดน้ำเข้าได้จ้า (ไม่เห็นเหมียนบ้านเราเลยแก) ขอแค่เป็นขวดเปล่าหรือน้ำเปล่าธรรมดา เพราะคนที่นี่เวลาอากาศร้อนแล้วคนเป็น heat stroke อะไรงี้เยอะ เขาเลยให้ความสำคัญเรื่อง dehydrate มาก ๆ เอาน้ำมาได้เลยจ้ะ แล้วก็มีจุดบริการน้ำดื่มฟรีในงานให้เติมกันด้วย พอผ่านด่านตรวจกระเป๋าไปแล้วก็เจอกับด่านสแกนริสต์แบนด์ มีแยกแถวสำหรับบัตรปกติ (general admission) แล้วก็ VIP ซึ่งทีม Converse_X_ จะได้บัตรแบบหลัง พอผ่านตรงนี้ไปก็มีบูธตรวจบัตรประจำตัว เพราะเขาจะมีริสต์แบนด์อีกอันให้ใส่เพื่อบอกว่าคนนี้อายุเกินแล้วซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ คือ Camp Flog Gnaw เป็นงานที่เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์เป็นประชากรส่วนใหญ่ โซนขายเหล้าเบียร์ก็จะถูกกั้นเป็นคอกไว้เล็ก ๆ ให้พี่แก่ ๆ เข้าไปดื่มไปดูโชว์ไปอะไรแบบนี้
แต่ไม่ทันได้เริ่มอะไร ความควายก็เข้ามาแทรกจ้า เพราะพอเดินเข้าไปอีกนิด สัญญาณมือถือหาย!!! ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยเท่านั้นค่ะ แล้วนี่ก็ห้าวไง มาถึงงานคนเดียวไม่เจอใครเลย แถมงานนี้คนเป็นมด ใหญ่ยิ่งกว่าเฟสติวัลใดในโลกหล้า ก็หลอนไปดิคับว่าจะเจอเพื่อนหรือเปล่า จะกลับบ้านได้ไหม ติดต่อใครไม่ได้เลยยยย ระหว่างที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เดินสำรวจกันต่อ แล้วก็ได้ยินเพลงแมธร็อกปั่น ๆ จากวง Elephant Gym แห่งไต้หวันประเทศลอยมาไกล ๆ จาก Flog Stage แต่เวทีนี้มันอยู่ตรงไหน ได้ยินแต่เสียง ปรากฏว่ามันอยู่ข้างล่างของที่ที่อิฉันยืนอยู่… นึกภาพพื้นที่หุบเขาหลั่นกันไป มีเวทีเล็ก Gnaw Stage อยู่ฝั่งซ้ายมือใกล้ทางเข้า อีกเวทีเล็ก Flog Stage อยู่ที่ราบล่างเขาที่ต้องเดินอ้อมลงไป ส่วนเวทีใหญ่ Camp Stage อยู่ที่ราบอีกฟากนึง แต่วี่แววของทางที่จะเดินไปถึงตรงนั้นแทบจะมองไม่เห็นเลย สิ้นหวังแล้วแม่ ทำไงดี จน Elephant Gym เล่นจบไปแล้ว ก็เดินเศร้า ๆ ร้อน ๆ ต่อไปจนหาทางลงเจอสักทีว้อยยยย
ซ้ายมือใกล้ ๆ Gnaw Stage ก็มีโซนที่เรียกว่า Golf World เป็นเหมือนอาณาจักรของ Tyler, the Creator ซึ่งปีนี้ถูกทำเป็นธีม IGOR หรือ alter ego ร่างไทเลอร์ใส่วิกกับแว่นดำแบบอัลบั้มชุดล่าสุดของเขา มีของประดับตกแต่งจี้ ๆ ฮา ๆ มีช็อป Golf Wang ร้าน Converse รวมถึงสไลเดอร์รูปรองเท้า GIANNO คู่ยักษ์ให้ได้ไปลื่นไถลกัน พอเดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอ OKAGA National Park ซึ่งเป็นโซนขาย official merchandise กับ fun fair และมีเครื่องเล่นสวนสนุก ซึ่งต้องซื้อบัตรไปต่อคิวขึ้นเล่นได้หลายเครื่องด้วยกัน
พอเดินต่อไปอีกนิดเราก็จะเจอกับโซน VIP ให้ได้นั่งหลบร้อนกับสถานีชาร์จมือถือ ซึ่งโซนนี้ก็มีอาหารและชิงชาสวรรค์ให้ขึ้นไปชมวิวทั่วงาน และถ้าเดินต่อไปอีกก็จะเจอทางเดินไปยัง Flog Stage และ Camp Stage (ซักที!!!!) โอยใหญ่มากพี่จ๋า ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสองครึ่ง เราก็เลยไปหยุดที่เวทีเล็กที่มี Juto กำลังแสดงอยู่ เป็น r&b รุ่นใหม่ลองฟังดูก็เพลิน ๆ ดี ดนตรีเขามีบีตเท่อยู่หลายเพลง แต่ด้วยจิตใจว้าวุ่นและร้อนเหลือเกิน ทำให้ตัดสินใจเดินวนขึ้นทางลัดไปยัง Gnaw Stage ที่อยู่ใกล้ทางเข้างานที่สุดเพื่อดู Mike G และนั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะมีคนรู้จักเดินผ่านมา ฮือ (ความเศร้าคือมันมีแต่ทางลัดให้เดินขึ้นไปหน้างาน แต่ไม่มีทางลัดลงมาเวทีนี้ ก็ต้องจำยอมขาลากกันไปเด้อ)
ก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้จัก Mike G หรอก แต่พอลองฟังเพลงดูก็กลายเป็นอีกโชว์ที่น่าติดตามสำหรับเรา เพราะเขามีดนตรีกรูฟ สำเนียงโฟลวแร็ปสบายหู เป็น old school อยู่หลายเพลง สืบไปสืบมาพบว่าศิลปินที่กำลังมาแรงจากค่าย Odd Future ค่ายเดียวกับพวก Tyler, the Creator กับ The Internet นั่นแหละ แล้วในโชว์นี้เขาเท่มากกับการเล่นไปพร้อม ๆ กับ live band คนดูก็เหมือนจะเอากับโชว์ของเขาด้วย บางเพลงของเขาทำให้เรานึกถึง Kanye West เหมือนกัน ซึ่งเพลงที่เขาเอามาเล่นในงานนี้ก็มี Purchase, Everything That’s Yours Pt. II แล้วก็มีเพลงที่เขาบอกว่าแต่งให้แฟนเก่า แต่เธอคนนั้นไม่น่าจะได้ยินเขาเล่นเพลงนี้ให้เธอฟังหรอก ‘So fuck her’ เขาพูดแล้วเรียกเสียงเชียร์จากคนดูได้เต็ม แล้วก็เรียกเพื่อนมาแจมเต็มเวที ดนตรีจากกรูฟ ๆ ก็เปลี่ยนไปเล่นเป็นร็อก แล้วมีทีมงานขึ้นมาโยนเสื้อให้คนดู ก่อนจะเล่นเพลงดาร์ก ๆ ชวนเลื้อยใน Forest Green
แดดร่มลมตก เราก็ลุกขึ้นไปยืดแข้งยืดขาเล็กน้อย แล้วระหว่างทางที่เดินก็เจอกับ Seri สาว Converse_X_ จากมาเลเซีย รวมถึงคุณ Chooe แล้วก็พี่เจน Preduce ทีมงานช่างภาพของ Streething ที่เป็นอีก media partner พอดี น้ำตาแทบไหล แล้วก็เข้าไปโวยวายกับเขาว่าสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลยยยยย เจอแก๊งนี้คือเป็นบุญมาก ขอเกาะไปด้วยจ้า ไม่ซ่าลุยเดี่ยวแล้ววว ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจาก Flog Stage ที่มี Slowthai กำลังเล่นอยู่ เราได้ยินชื่อของคนนี้บ่อยมาก ๆ ตั้งแต่ช่วงที่ไป Primavera และดูเหมือนว่าเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยสำเนียงแร็ปดุดัน มีความกวนประสาท น่าจะถูกใจวัยรุ่น จากนั้นเราค่อย ๆ เดินเพื่อไปรอดูเขาถ่ายสกู๊ปของเซรีที่เวทีที่ว่า เพราะอีกไม่นาน Yuna ศิลปินป๊อป r&b ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับเซรีกำลังจะขึ้นเล่น
Yuna มีชื่อเสียงมาก ๆ ในเวทีโลก (นี่ก็ได้ยินชื่อบ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้ดู) เธอเคยร่วมงานกับ Jay Park, Usher และ Tyler, the Creator มาแล้วซึ่งนี่เป็น Camp Flog Gnaw ครั้งที่สองของเธอ แต่กับในประเทศเธอถูกวิพากษ์วิจารณ์บ่อยครั้งเพราะมาเลเซียเป็นประเทศมุสลิม และการร่วมงานกับศิลปินชายของเธอก็ไม่เป็นที่ยอมรับ ทำให้เราสังเกตว่าตอนที่เธอเล่น ทั้งแดนเซอร์และนักดนตรีแบ็กอัพของเธอล้วนแต่เป็นผู้หญิง อาจจะเป็นการสื่อสารเชิงสัญญะของเฟมินิสต์แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการปกป้องตัวเองจากคำครหาของชาวมุสลิมที่เคร่งครัดในบ้านเกิดของเธอนั่นเอง
เวลาใกล้สี่โมง อากาศเริ่มเย็นสบายและพวกเราก็มาพร้อมกันหน้าเวที เซรีดูตื่นเต้นมาก ความรู้สึกภูมิใจคงประมาณ Phum VIphurit ออกไปเฉิดฉายต่อสายตาชาวโลกนั่นแหละ เปิดมาที่เพลงแรก Forevermore วิชวลสีสันสดใส ดูเพลินมาก ๆ ต่อด้วย Does She ที่การเต้นของเธอและแดนเซอร์แข็งแรงมาก ดนตรีอย่างแน่น ต่อด้วย Lights and Camera ซึ่งมีคนมาช่วยแร็ป ขออภัยจริง ๆ ไม่ทราบว่าใคร แต่วัยรุ่นดูกรี๊ดกร๊าดกัน ต่อด้วย Amy เพลงที่เธอเขียนให้เพื่อนสนิทของเธอ แล้วก็มีมือแซ็กโซโฟนมา featuring ต่อด้วยเพลงดัง Crush ที่หลายคนร้องได้ ก่อนจะปิดท้ายกันไปด้วย Pink Youth
เราอยู่กันต่อยาว ๆ ที่ Flog Stage พร้อมดู Thundercat ตอนที่เขามาไทยเราโดนเขาและเพื่อนอัดคลื่นพลังโซล แจ๊ส เข้าหน้าไปจัง ๆ มาแล้วรอบนึงจนเหนื่อย คราวนี้เขาเล่นในเฟสติวัลซึ่งเป็นสถานที่เปิด ทำให้ดนตรีของเขาไม่หนักหน่วงจนเกินไป เต้นยุกยิกแบบกำลังสนุกได้ที่ เปิดมาด้วย Rabbot Ho กำลังเคลิ้มอยู่ดี ๆ ก็เร่งจังหวะอย่างรัว หัวโยกเลย แล้วก็เป็น Captain Stupido แจ๊สพุ่ง ๆ อย่างไว ขอเรียกว่าสเต็ปเถิดเทิงลั่นทุ่งมาก จบเพลงพี่แกจิบน้ำแล้วดันสำลักใส่ไมค์แบบจงใจ จากนั้นก็เล่น Uh Uh กับเบสวิ่งว่อนต้องทำหัวยุกยิกตามเพราะเต้นไม่ถูก ตามด้วย A Fan’s Mail (Tron Song Suite II) เพลงนี้ทำให้เรานึกถึง Unknown Mortal Orchestra ด้วยเสียงเบสของพี่เขานั่นแหละ พอเข้าท่อน ‘Cool to be a cat’ คนดูก็ช่วยกันร้อง ‘เหมียว เหมียว เหมียว เหมียว‘ อย่างพร้อมเพรียง พอเข้าท่อนโซโล่ กล้องก็จับไปที่เบสสีชมพูของเขาแล้วซูมจนเห็นสติ๊กเกอร์แปะว่า ‘Don’t over think shit’ เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเฟี้ยวดี แล้วเพลงต่อไปเขาก็บอกว่าขออุทิศให้ลูกของเขา กับ Tron Song ตามด้วย Heartbreaks + Setbacks ที่ฟังแล้วทำให้นึกถึง The Fall ของ Rhye จากนั้นก็เล่น Friend Zone, Lotus and the Jondy เพลงต่อไป Show You the Way มี Michael McDonald นักดนตรีรุ่นเก๋าขึ้นมาแจมเปียโน ต่อไปก็เป็นเพลงของไมเคิลคือ I Keep Forgettin’ ก่อนจะลุยต่อกันในเพลงดัง Them Changes โดยมี Kamasi Washington ขึ้นมาร่วมเล่นแซ็กโซโฟนด้วยอีกคน โอ้โห ไลน์อัพพระกาฬมาก ๆ ไม่ได้หาดูง่าย ๆ เลยจริง ๆ เป็นบุญญญญ
แล้วเราก็เดินกลับมายังเวทีใหญ่หรือ Camp Stage ที่อยู่อีกฟาก ตอนนี้ The Internet กำลังเล่นอยู่ คนรอดูเยอะมาก ๆ ตอนที่เดินมาถึงก็เป็นเพลง Special Affair พอดี แล้วก็เป็นเพลงที่เบสเท่มากอย่าง Gabby ซึ่งวันนี้ Syd นักร้องนำสุดเท่ของเราก็ยังฮอต เท่ เหมือนเดิม โอย ยังติดใจจากที่มาเล่นบ้านเราไม่หาย ก่อนจะเล่น Under Control เพลงสุดเซ็กซี่ของแก๊งนี้เขาล่ะ แล้วก็เป็นเพลง Hold On มีช่วงนึงที่กล้องจับไปที่มือกีตาร์ที่ใส่หน้ากากกลิตเตอร์สีทอง แต่ไม่เนียน! เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าต้องเป็น Steve Lacy แน่ ๆ กีตาร์แดงแจ๋ขนาดนั้น แต่พอน้องดังแล้วก็ต้องสงวนท่าทีเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่พ้นสายตาคนดู พอถอดหน้ากากปุ๊บก็ไม่ผิดคนค่ะ เสียงกรี๊ดถล่มทลาย แล้วก็จัดงานเดี่ยวของน้องให้ฟังกันกับ Playground วิชวลน่ารักมากเข้ากับเมโลดี้เพลงสดใสของน้องเขา แล้วก็เป็นอีกเพลงสนุก ๆ ของ The Internet ใน La Di Da จบเพลงนี้ ซิดก็บอกว่า มา ได้เวลาของเพลงรักกันบ้าง เลยส่ง Wanna Be กับเมโลดี้หวาน ๆ มีวิชวลเป็นพระจันทร์เต็มดวงกลมโตใหญ่ข้างหลัง แล้วเธอก็มานั่งห้อยขาที่เวที โอ้โห หลงเลย ท่อนที่ร้อง ‘Do you wanna be my girl?’ นี่อยากตอบว่า ‘Yes I want’ ไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด แล้วก็เป็นเพลง Girl ตามด้วยเพลงดูเอตที่ซิดร้องคู่กับสตีฟใน Curse ก่อนจะปิดท้ายกันไปใน Come Over กับท่อนโซโล่กีตาร์ของสตีฟที่ซาวด์แปร่งได้เท่กินใจแม่มาก
แล้วก็ได้เวลาที่สายเมารอคอยนั่นคือ Yasiin bey หรือ Mos Def แร็ปเปอร์รุ่นใหญ่มาเล่นที่ Gnaw Stage (เดินย้อนขาลากกันไปเลย) แล้วตอนนั้นเองเราก็เติมไปด้วยนิดหน่อย ก็เริ่มหนืด ๆ พร้อมดูพี่เขาแล้วล่ะฮะ ตามธรรมเนียมฮิปฮอปก็บิลด์กันด้วยดีเจเปิดเพลงก่อน แล้วพอยาสซินขึ้นมา คนก็เฮและพร้อมโยกไปกับ Casa Bey แต่เล่นไปได้ครึ่งนึงก็ได้ยินเสียงรีเวิร์สแผ่น วื้ด ๆๆๆ ก่อนจะกลับเข้าเพลงอีกรอบ แล้วก็มีเพลงดั๊บหนักหน่วงโอ้ย ดุมาก ต่อด้วย Auditorium เพลงที่มีความออเคสตร้าแต่เป็นทรง ๆ อาหรับผสมหนักมาก บีตละเอียดมาก อย่างหนึบ แล้วก็เป็นเพลง Love แล้วก็เป็นเพลงที่ผสมเอาเทคโนกับฮิปฮอป old school ไว้ด้วยกัน กับอีกเพลงก็ได้ฟีลแบบแคริบเบียนบีต แปลก ๆ ดี กับอีกเพลงสลับส่วนจังหวะกับดนตรีอาหรับ พร้อมย่านเบสที่หนักหน่วงมาก เพลงต่อมาก็เป็น triphop หนัก ๆ มีเสียงก๊อกแก๊งประหนึ่งเพลง muzak เครื่องพี่แกเริ่มติดขึ้นเรื่อย ๆ จัดดั๊บหน่วง ๆ ใส่ไดนามิกดังเบาทำให้ดูมีมิติ ไหนจะเพลงที่ได้ความรักกามัฟฟินโยกอย่างหนืดดดดด โอ้ย เห็นใจคน high ด้วยพี่ แล้วก็ปิดท้ายด้วย Fresh เพลงเบสหนักแต่มีความ soulful สุด ๆ เพราะมากกกกก รู้สึกมีความสุข ได้ฟังรุ่นเก๋าเล่นเพลงหลากสไตล์ขนาดนี้ ฮือ ๆๆๆ จบจากตรงนี้เราก็เดินไปพักตรง VIP เพื่อรอดู Tyler, the Creator แล้วก็แอบได้ยิน Juice WRLD จากเวทีใหญ่ บางเพลงเท่าที่ได้ยินมีความเมทัลแร็ปอยู่ อย่างเดือด
จนเวลาประมาณสองทุ่มสิบห้าไทเลอร์ก็พร้อมแล้วที่ Camp Stage เรากับ Converse_X_ จำนวนนึงก็มาเกาะตรงโซนที่คนไม่แน่นหนานัก แต่เห็นตาไทเลอร์แบบชัดแจ๋ว เปิดมาด้วย IGOR’S THEME ซึ่งพี่แกก็มาในชุดคอสตูม IGOR แบบในมิวสิกวิดิโอนั่นแหละ วิกทองผมม้าหน้าตัดทรงบ๊อบ กับแว่นกันแดดและสูทสีพาสเทล ยืนอยู่นิ่งมาก ต่อด้วยอินโทร RUNNING OUT OF TIME ก็ยังยืนนิ่งอยู่ แต่พอมีท่อนต้องร้องจ๊าก! ไทเลอร์ก็โดดโหยงสุดตัว คนดูก็ตกใจไปด้วย คนบ้า! จบเพลงเขาก็กรี๊ดอีกทีแล้วก็ยืนทำหน้าเอ๋อนานมาก คนดูยังคงส่งเสียงร้องกรี๊ดไม่มีหยุด จนเขาเริ่มนับ 4 ซ้ำ ๆ ก็เข้าเพลง I THINK กับบีตกลองสนุก ๆ ที่เราต้องเต้นตามแบบห้ามไม่ไหวจริง ๆ แล้วท้ายเพลงรีอะเรนจ์อย่างเพราะ ก่อนจะกลับมานับ 4 ซ้ำ ๆ อีกครั้ง เพื่อเข้าเพลง A BOY IS A GUN* ซึ่งในเพลงนี้ต้องบอกว่าไฟบนเวทีสวยมาก
ตามด้วย NEW MAGIC WAND ที่ก่อนเริ่มเพลงมีรถกอล์ฟวิ่งตรงผ่านฝูงคนดูเข้ามาที่เวที มีไฟพุ่งพวยบนเวทีกับบีตที่โคตรดุดัน แล้วก็ดรอปความเดือดลงมาด้วยเพลง PUPPET เสียงเครื่องสายบรรเลงประหนึ่งเพลงยุค 70s กับไทเลอร์เริ่มไปโซโล่เปียโนโชว์สกิลสุดโหดของเขา ก่อนเข้าเพลง EARFQUAKE เพลงเท่ที่ใครก็ต้องร้องตาม และเพลงสุดชิล 911 ตามด้วย IFHY และ Tamale แร็ปเท่ ๆ แอบมีท่อนดรอปสุดหน่วง ได้ฟีลเม็กซิกันมิวสิก โอ๊ย turnt ขึ้นเรื่อย ๆ เอาคนดูอยู่หมัด ตามด้วยเพลงดุ ๆ Yonkers กับ She จากชุด Goblin เช่นกัน แล้วกลับมาเดือดใน Who Dat Boy คือช่วงนี้ไม่ต้องหายใจหายคอกันเลย จากนั้นก็ได้โยกต่อใน Boredom และ RUNNING OUT OF TIME
ช่วงนี้เรากับเพื่อน ๆ เห็นด้วยว่าควรรีบออกจากงานก่อนไม่งั้นจะเจอกับมรสุมคนรอเรียกรถกลับที่ต้องรอนานและลำบากแน่ ๆ แต่ระหว่างที่เดินออกมาคือเขาเล่นเพลง See You Again พอดี น้องนี่แทบร้อง แล้วขนาดเดินไกลออกมาเป็นโยชน์ เรายังได้ยินเสียงคนร้องตามได้แบบทุกท่อน ‘20/20, 20/20 vision Cupid hit me, cupid hit me with precision I….’ คือไม่ได้จริง นี่ถึงกับหันไปร้องตาม อยากอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้นมาก ๆ แต่ไม่ขอเสี่ยงจริง ๆ แล้วก็ได้ยินเขาเล่น ARE WE STILL FRIENDS? เป็นเพลงสุดท้ายสำหรับวันแรก Camp Flog Gnaw
ถามว่าเสียดายไหม ไม่ได้ดู Solange ซึ่งเป็น headliner อีกคนของวันแรก คำตอบคือเสียดายมาก แต่คุ้มแล้วที่กลับก่อนเพราะวันต่อมา ลองอยู่จนจบงาน ก็พบว่าหายนะมีจริง
ขอบคุณภาพ Tyler, the Creator จาก hear and there
อ่านต่อ
Converse_X_ บุก Los Angeles ชวน Fungjai และ วัยรุ่น 38 ชีวิตช่วยโลกอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน