มันหยดกับ Brockhampton และเป็นสักขีพยานนาทีที่ Drake โดนโห่ใน Camp Flog Gnaw Carnival (ตอนจบ)
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Converse_X_ team, hear and there, Montipa Virojpan
Camp Flog Gnaw Carnival วันสุดท้ายเริ่มขึ้นแล้วหลังจากที่เดินกันจนขาขวิด เมื่อยขากันสุด ๆ ในวันแรก ไลน์อัพในวันนี้น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันเพราะนอกจากจะมีแก๊งเด็กแสบ Brockhampton แล้วยังมี surprised acts เป็นโชว์ปิดงานให้ลุ้นกันด้วย (หลายคนน่าจะรู้ข่าวกันแล้วว่าศิลปินลึกลับคนนั้นคือ A$AP Rocky, Lil Uzi Vert และ Drake ที่โดนโห่จนเป็นเรื่องเป็นราวกันในทวิตภพ ซึ่งเราได้เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์นั้น แหะ ๆ)
อ่านเรื่องราวของเวิร์กช็อป Converse_X_ ใน LA ได้ ที่นี่ และอ่าน Camp Flog Gnaw Carnival วันแรกได้ ที่นี่
10 พฤศจิกายน 2562
ในวันสุดท้ายของเฟสติวัล เรายอมแพ้จริง ๆ ที่จะต้องไปถึงงานแต่หัววัน เลยตั้งใจเข้างานในช่วงที่แดดร่มลมตก แต่จากที่พยายามกะเวลาให้มาทันได้ดู Willow Smith กลายเป็นว่าเรามีนัดถ่ายรูปรวมกับชาว Converse_X_ เลยทำให้อดดูน้องไปนาจา
และโชว์แรกที่เราได้ดูในวันนี้เลยเป็นของ Clairo สาวน้อยคนใหม่ของวงการที่มาแรงสุด ๆ ที่ Camp Stage เวทีใหญ่ จากที่ยืนดูไกล ๆ ก็เห็นคนมารอดูน้องเยอะมาก จัด Bags เพลงใหม่ที่ได้ Vampire Weekend มาโปรดิวซ์ให้จนไม่เหลือเค้าเพลง bedroom pop ที่ทำให้เรารู้จักเธอ แล้วเธอก็เล่น Pretty Girl เพลงไวรัลอันโด่งดัง ก่อนจะปิดท้ายกันไปด้วย 4EVER แบบคิ้วท์ ๆ
จนเวลาประมาณห้าโมงครึ่งที่เวทีเดียวกัน ก็เป็นคิวของเจ้าหญิง r&b ยุคใหม่ที่ผสานเอาศิลปะ การแสดง และจิตวิญญาณอันลึกล้ำมาถ่ายทอดในบทเพลงของเธอ เริ่มกันที่อินโทรเปิดตัวสุดอลังการ เมื่อแม่ใส่หมวกขนนกราวกับทหารเสือฝรั่งเศส ในเพลงแรก Pendulum นี้แม่ก็ได้โชว์ความไพเราะของเสียงราวกับเธอเป็นนางฟ้าที่ตกมาจากสรวงสวรรค์ (เหมือนเว่อร์นะ แต่ถ้าไปอยู่ตรงนั้นแล้วได้ฟัง FKA Twigs ร้องแบบขึ้น high pitch แหลมเปี๊ยบคือเพราะมากจริง ๆ) ส่วนเพลงต่อมาก็เป็นดนตรีบีตหนัก ๆ กับท่วงท่าเต้นรำที่สวยหยาดเยิ้ม ไฟน้ำเงินฉาบลงไปบนเวทีพร้อมกับกลุ่มแดนเซอร์มาเพิ่มความอลังการใน Figure 8 ต่อด้วยเพลงสุดดาร์กกับเบสหนักหน่วง Video Girl จากนั้นก็เป็น home with you ที่ก่อนนี้เปนจินตลีลา ดาร์ก ๆ ที่มีเปียโนบรรเลงอย่างเดียว จนตัดกลับเข้ามาบีตหนัก ๆ มีความเหมือนโอเปร่าเล่าเรื่อง มีหนักเบามาเป็นช่วง ๆ ส่วนท่อนที่ร้องเสียงสูงก็ทำเอาขนลุกสุด ๆ เพลงต่อไปแม่ก็เข้าไปเปลี่ยนชุด ให้แดนเซอร์ทำหน้าที่เต้นคั่นเวลาไป พอออกมาก็รำดาบโชว์กันเลยจ้าใน sad day แล้วเป็นอินโทรของเพลง fallen alien ก่อนเข้า holy terrain ตามด้วย Lights On, Two Weeks และปิดท้ายด้วยซิงเกิ้ลที่สะกดทุกคู่สายตา cellophane ที่ทำให้ตราตรึงในใจเราเช่นเดียวกัน
ประมาณหกโมงเย็นเราก็มาอยู่ที่ Gnaw Stage เพื่อดู Blood Orange อันที่จริงเขาเคยมาเล่นที่ไทยแล้วแต่เราก็ยังอยากดูอีกเพราะรอบนี้จะได้ฟังเพลงจากอัลบั้ม Angel’s Pulse ด้วย งานนี้คนมารอดูเยอะมาก ๆ จนพื้นที่เวทีเล็กแน่นขนัดไปเลย เรียกว่าคนล้นมาถึงถนนทางเดินเลยแหละ แล้วต้นโชว์เขาก็ได้โชว์ลีลากีตาร์ร็อกจัดจ้านแบบที่เราไม่เคยเห็น แล้วทันทีที่อินโทรของเพลง Dark & Handsome ขึ้นมา จากนั้นก็เป็นเพลง Family ก่อนที่เขาจะไปโชว์เปียโนแจ๊สอย่างเพราะพริ้ง (นี่เหมือนเป็นโชว์เคสโชว์ของของ Dev Hynes)
แล้วก็เล่นเพลง Saint จากอัลบั้ม Negro Swan ที่เราเพิ่งเคยได้ฟังสด ๆ ช่วงแรกมีการประสานเสียง แล้วก็เรียบเรียงออกมาได้เท่ ฟังไปฟังมาคือเพราะมากกกก ละพอบีตขึ้นมาคือเหมือนขึ้นสวรรค์ไปเลย จากนั้นพออินโทรเพลง Benzo จากอัลบั้มล่าสุดขึ้นมา คนก็ยังเฮอีก มีความเป็นเพลงป๊อป 90s สุด ๆ เซนส์ของการเลือกใช้บีตของเขาคือดีงามมาก แล้วพอมีเสียงประสานแทรกมาด้วยเสียงแซ็กโซโฟนก็รู้ได้เลยว่านี่คือเพลง Jewelry จากนั้นเขากำลังเล่น Dagenham Dream ซึ่งเป็นเพลงที่เขาเล่นกีตาร์เสียงเบา ๆ
ขณะที่กำลังเคลิ้ม ๆ อยู่ ประมาณหกโมงสิบห้า เราก็ได้ยินเสียงมาจาก Flog Stage ข้างล่าง คือ Gold Link กำลังเริ่มแสดงแล้วเสียงจากเวทีนั้นมันดังมาก ๆ จากที่เรายืนอยู่แถวถนนเลยต้องเขยิบเข้าไปใกล้เวที Blood Orange เพื่อให้เสียงไม่ตีกัน แต่ก็ต้องเบียดกับคนจำนวนมหาศาลทีเดียว แล้วเขาก็เล่นเพลง You’re Not Good Enough อีกเพลงดังจากอัลบั้มชื่อเดียวกัน ซึ่งก็มีคนร้องตามได้ไม่น้อย แต่เราก็ไม่ได้อยู่ดูเขาจนจบ เพราะที่ Camp Stage จะมีอีกวงที่น่าดูมาก ๆ กลุ่มแร็ปเปอร์หน้าใหม่ที่เป็นปรากฏการณ์ กวาดทุกความสนใจจาก Gen Z ได้แบบราบคาบ พวกเขาคือ Brockhampton
เวทีใหญ่ถูกเซ็ตอัพใหม่ด้วยฉากประหนึ่งละครเวที ระเบียงชั้นลอยและบันไดถูกเลื่อนเข้ามาอยู่เบื้องหน้าเวที แล้วก็มีเพลง Stay ของ Rihanna ถูกเปิดคลอมาเรื่อย ๆ จากที่รอคอยอยู่พักใหญ่ในที่สุด Brockhampton ก็เริ่มโชว์ของพวกเขา เปิดมาด้วยเพลง ST. PERCY ต้องบอกว่าที่เวทีใหญ่ตอนนี้คนทยอยเดินมาเรื่อย ๆ แบบไม่ขาดสาย คนดูเยอะมาก ๆ แบบเด็กแก๊งนี้แทบจะเป็น headliner แล้วแร็ปเปอร์ในวงก็ทยอยออกมาทีละคน ๆ จนมาเป็น 6 คนบนเวที มีคนนึงแร็ปโฟลวเท่มาก จากนั้นก็เป็น IF YOU PRAY RIGHT แม้ว่าบีตจะดร็อปลงมาแต่ก็ยังเฟี้ยวอยู่ โฟลวยังดุเหมือนเดิม ต่อด้วย ZIPPER และเพลงที่อินโทรมายังกะเพลงละตินใน BOY BYE กับอินโทรคล้าย ๆ เพลง Me No Speak Americano เข้าสู่เพลง BLEACH ต่อด้วย GOLD ที่เร่งความเดือดขึ้นเรื่อย ๆ นี่ดูแล้วอย่าง turn up อยากจะลงไปอยู่กับคนหน้าเวที (แต่ยืนตรงชั้นลอย VIP นี่สบายสุดแล้วจริง ๆ ไม่ต้องเบียดกับใคร จากนั้นพวกเขาถึงเล่นเบาลงให้ได้พักหายใจใน GUMMY ต่อด้วย LOVE ME FOR LIFE แล้วกลับมาดุ ๆ มัน ๆ ต่อใน QUEER นอกจากนี้ก็ยังเล่นเพลง 1999 WILDFIRE, SUGAR, DISTRICT แล้วก็เป็น outro ของเพลง HONEY ปิดท้ายด้วย BOOGIE และ NO HALO ทำเอาแบบอารมณ์ขึ้นถึงขีดสุด วงต่อไปเครียดหนักแล้ว ต้องไปให้พีคกว่านี้ให้ได้ว้อยยยย
ก่อนเวลาที่ YG จะขึ้น ก็มีตา Earl Sweatshirt เล่นที่เวที Gnaw รู้สึกว่าแอบน่าเบื่อเลยไปยืนชาร์จแบตรอ จน YG เล่น มีเสียงนับถอยหลังดังขึ้น ส่วนตัวเราไม่ได้รู้จักแร็ปเปอร์คนนี้เป็นพิเศษ ก็ลองยืนดูพักนึงก็รู้สึกว่าเขาแร็ปดุ ๆ ดี เซ็ตลิสต์เท่าที่เขาเล่นไปในวันนั้นก็มี In the Dark, BPT, I Just Wanna Party, SUU WHOOP, BULLETPROOF, HANDGUN, I Was on the Block, My Nigga, Stop Snitchin, FDT โดยมี Stormy Daniels มาร่วมแจม Musty และ Bands ก็ได้ Shoreline Mafia มาเล่นด้วย Toot It and Boot It, Who Do You Love, You Broke, เพลงของ Blueface ที่ชื่อ Thotiana เวอร์ชันรีมิกซ์, BIG BANK และปิดท้ายด้วย Go Loko ที่ก็ได้ Tyga มาสนุกด้วยกัน เป็นโชว์ที่แขกรับเชิญเยอะมาก ๆ แต่ดูไปดูมามีช่วงนึงที่เขาเริ่มพูดจาแขวะดิสเรื่องสีผิว (เข้าใจว่าพวกเขาก็โดนมาเยอะ แต่งงว่าพูดให้เสียบรรยากาศทำไม นี่มิวสิกเฟสติวัลที่ก็มีคนขาวที่เป็นเพื่อนกับคนแอฟริกันอเมริกันมาดูด้วยกันไง คือได้ยินเสียงคนกลุ่มนึงโห่ขึ้นมาด้วย แล้วโชว์ก็ awkward ไปช่วงนึง) ไม่แน่ใจว่าได้ยินไม่ถนัดหรือเปล่าแต่ประมาณว่า พวกคนผิวขาวอย่ามาแหยมกับพวกนิกก้าอย่างอั๊วะนะโว้ย จะเล่นให้หนัก อะไรประมาณนี้ off นี่ทันทีเลยเดินหนีไปหาข้าวกินเลยจ้ะ
แล้วพอได้เวลาใกล้ ๆ ที่ secret acts จะขึ้นแสดง รอบนี้เราไม่เกาะตรง VIP แล้วแต่เดินไปอยู่แถวหน้า ๆ กลาง ๆ Camp Stage หรือเวทีใหญ่มันซะเลย ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ทีนี้เพลง Moon River เวอร์ชัน Frank Ocean ถูกเปิดขึ้น คนดูแถวนั้นก็ร้องเฮขึ้นมาเลย คือต้นเรื่องของดราม่าในทวิตภพมันมีอยู่ว่า reddit มันมี leak ข้อมูลมาว่าคนที่จะมาเป็น headliner ลับของ Camp Flog Gnaw เนี่ยเป็น Frank Ocean จ้ะ ซึ่งข่าวนี้ก็สะพัดมาในกรุ๊ปแชต Converse_X_ ที่เราอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ประมาณช่วงใกล้ ๆ เล่นก็มีคนบอกว่าไม่ใช่แฟรงก์ แต่เป็น Drake ซึ่งเด็ก ๆ หลายคนในกรุ๊ปก็แอบภาวนาให้ไม่ใช่อย่างนั้น
กลับมาที่ในงาน ตอนนั้นก็มีเสียงประกาศอยู่เรื่อย ๆ ไม่ให้คนเขยิบเข้ามาด้านหน้ามากจนเกินไป เพราะเอาจริงที่ของเราที่ค่อนข้างกลาง ๆ แล้วก็แอบเบียดอยู่ คือเมื่อยก็นั่งลงไปไม่ได้ แล้วก็มีเสียงประกาศให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ดูแลเพื่อนข้าง ๆ อย่าปล่อยให้ dehydrate คือสภาพอากาศที่ LA มันกึ่ง ๆ ทะเลทราย กลางวันร้อนบ้า กลางคืนหนาวเยือก แล้วอากาศแห้ง คนเสียชีวิตจากการขาดน้ำเยอะมาก ก็ถือเป็นมาตรการที่ดีเลยแหละ จนยืนรอมาสักพักนึง ไฟเวทีก็ดิมลงพร้อมเสียงคนดูที่โห่ร้องดังสวนขึ้นมา Tyler, the Creator ขึ้นเวทีมาพร้อมกับสองเพลง (แต่หนนี้ไม่แต่งตัวเป็น IGOR ละนะ) ก่อนจะกล่าวขอบคุณที่ทุกคนมาเฟสติวัลนี้ แล้วท่าเหนียม ๆ ยิ้ม ๆ น่ารักของเขาก็เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้อีกระลอก “ตอนนี้ผมจะขอชวนเพื่อนขึ้นมาเล่นด้วยแล้วนะ” เขาพูด จากนั้นก็ได้เวลาเปิดตัว secret act คนแรก นั่นคือ A$AP Rocky นั่นเองจ้าาาา อยู่ดี ๆ ก็ได้ดูรอบที่สามกันไปเลย นางขึ้นมาเล่น Lord Pretty Flacko Jodye 2 กับ Praise the Lord (Da Shine) ร่วมกับไทเลอร์ เดือดมาก ๆ เด็กข้างหน้าชูกล้องบังไปหมดเลยโว้ย ต้องดูผ่านจอเอา เฮ่อ จบจากเอแซพ ไทเลอร์ก็มายืนนิ่ง ๆ กุมไมค์ แล้วก็ถามอีกว่า “ยังมีอีกคนนึง ให้ผมชวนเขาขึ้นมาเลยได้ไหม” พอทุกคนตอบว่าได้ ก็เป็น Lil Uzi Vert มาเล่นอีกสองเพลงเช่นกัน คือ Money Longer กับ Sanguine Paradise โอ้ย ชอบสไตล์แร็ปเขาอะ ดูน่ารักสดใสดี
พอจบไปแล้ว ไทเลอร์ก็บอกว่า “ยังไม่หมด งั้นผมชวนเขาขึ้นมาอีกคนแล้วกัน ทุกคนโอเคใช่ไหม” แต่แล้วรอบนี้เหมือนคดีพลิก เมื่อสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะต้องเป็น Frank Ocean แน่ ๆ กลับกลายมาเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง Drake ตอนนั้นเราตื่นเต้นสัส ๆ เลยนะ (ขออนุญาตใช้คำนี้ คือใครจะไปคิดว่าชีวิตนี้จะได้ดูเดรควะ!!!!) แต่กลายเป็นว่าเด็ก ๆ รอบ ๆ เราโห่ร้องไม่โอเคที่ headliner เป็นเดรค แล้วก็โวยวายอยู่นานมาก เดรคบอกว่าเขาจะเล่นตั้งแต่เพลงเก่าสุด ไปจนใหม่สุด แล้วคือขนมาเล่นเยอะมาก ๆ เพลงที่ไม่น่าจะได้ฟัง แรร์ ๆ ทั้งนั้น มาหมดตั้งแต่ Started From the Bottom งานของ Gucci Mane อย่าง Both, Mob Ties หรือเพลงของ Meak Mill คือ Going Bad ก่อนจะต่อด้วย I’m Upset ตอนนี้เขาเล่นไปได้พักนึง เราสังเกตว่ารอบ ๆ ตัวเราเงียบมาก ไม่มีใครเฮหรือร้องตามเลย แล้วเดรคก็ถามว่า “ยังอยากให้เขาเล่นอยู่หรือเปล่า ยังมีอีกหลายเพลงเลย” ก็มีทั้งเสียงที่อยากให้เล่นและไม่อยากให้เล่น ก่อนที่เขาจะกลับมาในเมดเลย์รวมฮิตจัดไปยาว ๆ Gyalchester, Trophies, Forever, Headlines, HYFR (Hell Ya Fucking Right), The Motto, Know Yourself แล้วเขาก็ถามคำถามเดิมอีกครั้ง คราวนี้เสียงโห่เริ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ยังเล่นต่อเป็นเพลง Energy จากนั้นก็เป็น No Ways และ Wu-Tang Forever ซึ่งสองเพลงหลังนี้เขาบอกว่าเป็นเพลงที่ไทเลอร์ขอให้เขาเล่น ซึ่งเป็นเพลงที่เขาไม่ได้เล่นมานานแล้ว
ระหว่างนั้นเสียงโวยวายดังขึ้นมาหนาหู จน Drake หยุดเล่นและถามซ้ำ “Like I said, I’m here for you tonight, if you want to keep going, I will keep going tonight. What’s up? If you want to keep going, I will keep going tonight.” ซึ่งคำตอบคือไม่ เราไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเราเป็นเดรคแล้วเราจะรู้สึกยังไง เสียงโห่นั้นหลัก ๆ ก็คือ ‘Fuck Drake. Bring out Frank’ (แล้วน่ารำคาญมากคืออีตัวสูง ๆ ข้างหลังเราคือคนที่เริ่มตะโกน ไม่มีมารยาท มาก) จนเดรคก็ยอมลงเวทีไปพร้อมกับการพูดออกไมค์โดยไม่แสดงท่าทีหรือสีหน้าผิดหวัง “It’s been love, I love y’all, I go by the name of Drake,” จนเขาเดินลงเวทีไปก็ยังมีเสียงตะโกนต่อเนื่องว่า “We want Frank” อย่างไม่ขาดสาย โห เราจุกเลยว่ะ ไม่เคยมีประสบการณ์ที่แย่กับคนดูขนาดนี้มาก่อน คือเดรคก็ไม่ได้เล่นแย่ แค่พวกเอ็งไม่ได้ดู Frank Ocean เดรคทำอะไรผิดดดดดดด เพราะเขายังไม่เล่นเพลงฮิต ๆ ที่พวกแกเกิดทันและร้องตามได้หรอ? เราได้ยินคนข้าง ๆ พูดกับเพื่อนประมาณว่า ‘Look, I’m not Drake’s fan but I don’t hate Drake, too.’ อดไม่ได้ต้องหันไปเออออกับเขาทันที จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยที่มีคนปีนขึ้นไปวนเวที แต่ก็มีการ์ดกับไทเลอร์ออกมาเบรกและเชิญเขาออกไป หน้าไทเลอร์จากที่ทะเล้น แฮปปี้กับงานกลายเป็นเครียดไปในทันที
เป็นการจบ Camp Flog Gnaw ไปแบบงง ๆ มึน ๆ เจื่อน ๆ จากไวบ์ที่สนุกมาตลอดทั้งสองวันมาตายเอาโชว์สุดท้ายที่คนดูคะนองจนทำให้บรรยากาศพัง ขณะที่แต่ละคนกำลังเดินกลับบ้าน ก็มีทั้งคนที่แฮปปี้และคนที่ผิดหวังถึงขั้นยืนกรี๊ดแล้วตะโกนใส่เพื่อนว่า ‘I’m so pissed!’ แบบ โกรธจริงจังอะ เป็นอะไร!!! ส่วนเราที่พร้อมกลับบ้านแล้ว ก็พยายามกดเรียกรถมารับแต่ไม่สำเร็จค่ะ แถมค่าโดยสารพุ่งขึ้นแบบขูดเลือดขูดเนื้อ เพื่อน ๆ Converse_X_ ที่อยู่ด้วยกันก็พยายามเรียก จนเรานั่งรอเป็นชั่วโมงแล้วค่าโดยสารก็ไม่มีทางลดลง เครดิตเงินที่เขาเติมมาให้ก็จะหมด เงินสดก็ไม่มี ว้อยยย จะได้กลับบ้านไหม เนี่ยเลยบอกว่าคิดถูกมาก ๆ ที่วันแรกเราออกมาก่อนคอนเสิร์ตจบ ตอนนี้กลายเป็นว่าเด็ก 7 คนนั่งกันซึม ๆ จนกระทั่งมี Lyft คันนึงกดรับเพื่อนเรา เป็นแบบ 6 ที่นั่ง ซึ่งถ้าเกินมาอีกคนมันผิดกฎหมายของเขาล่ะ แต่ปรากฏว่าพอรถเขามารับ เป็นคันใหญ่ที่มีที่นั่งเหลือพอให้เราขึ้นไปได้ ก็อ้อนวอนคนขับจนเขายอมให้ขึ้นมา ฮือออ
พอถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ เราก็เตรียมเก็บกระเป๋าบินกลับไทย ส่วนในโลกทวิตภพไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็เดือดใช้ได้ คือเป็นอย่างที่เราเห็นในทวิตเตอร์ของทั้งเดรคและไทเลอร์นั่นแหละ ฝั่งเดรคตอบกลับผ่านอินสตาแกรมแบบสุภาพ แต่ก็แอบกัดเบา ๆ ชื่นชมใจพี่มาก ส่วนไทเลอร์ก็ด่าอย่างมันมือเป็น thread 5-6 อัน คือขึ้นพิมพ์ใหญ่ทุกตัวแบบโมโหมาก แต่ด้วยความเป็นไทเลอร์พอเราอ่านเลยได้มู้ดแบบภาพกีฬามัน ๆ แทน ชอบ ๆ อยากรู้ว่าเป็นไงก็ตามอ่านได้ข้างล่าง
I THOUGHT BRINGING ONE OF THE BIGGEST ARTIST ON THE FUCKING PLANET TO A MUSIC FESTIVAL WAS FIRE! BUT FLIPSIDE, A LIL TONE DEAF KNOWING THE SPECIFIC CROWD IT DREW. SOME CREATED A NARRATIVE IN THEIR HEAD AND ACTED OUT LIKE ASSHOLES WHEN IT DIDNT COME TRUE AND I DONT FUCK WITH THAT
— Tyler, The Creator (@tylerthecreator) November 11, 2019
สรุปจริง ๆ สำหรับ Camp Flog Gnaw Carnival ถือเป็นฮิปฮอป r&b เฟสติวัลที่ไลน์อัพดีมาก ๆ งานนึง มีทั้งวงหน้าใหม่ วง under the radar วงหาดูยาก วงต่างประเทศ วงในตำนาน (เหมือน Maho Rasop Festival ของเราเลยแก) แล้วยังมีโซนกิจกรรมต่าง ๆ จัดเป็นธีมได้แบบไม่งกค่า decoration มีเครื่องเล่นและอาหารได้ฟีลแบบ fun fair /ค่ายลูกเสืออะไรน่ารักไปหมด น่าเสียดายที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจนเป็นไวรัลไปทั่วโลก ผู้คนเริ่มประณาม และสื่อต่าง ๆ ตั้งข้อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก Gen Z/ Gen Me ที่มีต่อสถานการณ์นี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่อุตสาหกรรมดนตรีต้องให้ความสนใจไม่น้อยเลยแหละ