BRUNO MARS มากรุงเทพ ฯ แล้ว! กับ THE 24K MAGIC WORLD TOUR
- Story and photos by Gandit Panthong
Bruno Mars Live in Bangkok 30 เมษายน 2561
รอคอยกันมาอย่างยาวนานกับการกลับมาเยือนไทยอีกครั้งของผู้ชายคนนี้ Bruno Mars ศิลปินที่ผมเชื่อว่าแฟนเพลงหลายคนอยากดูคอนเสิร์ตของเขามาก ๆ ผมเองก็เช่นกัน งานนี้มีหรือที่เราชาว Fungjaizine จะพลาด เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือบทรีวิวคอนเสิร์ตนี้ทั้งหมด มาดูกันว่าชีวิตของชาวบัตร 8,500 บาทอย่างผมจะคุ้มค่าขนาดไหน
18.30 น. ผมเดินทางมายังสถานที่จัดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี สถานที่เริ่มเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ต้องบอกก่อนว่า กว่าจะมาถึงที่งานรถติดหนักมาก ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่เชื่อว่าหลายคนเตรียมตัวและเตรียมใจมาดูคอนเสิร์ต Bruno Mars Live in Bangkok ในครั้งนี้แน่นอน จากชุดแต่งกายที่เฟี้ยวฟ้าวของคนดูแล้ว ทำให้ผมมั่นใจได้ว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้คนเต้นกันกระจายแน่ ๆ แต่ก่อนจะไปถึงในบริเวณงาน เราขอเกริ่นสั้น ๆ ก่อนครับ คอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เจ้าตัวมาแสดงในประเทศไทย จัดถึง 2 รอบด้วยกัน เกร็ดที่ควรรู้อีกอย่างคือ THE 24K MAGIC WORLD TOUR เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตในประเทศไทยที่ขายบัตรหมดลงภายในระยะเวลาทั้งหมด 5 นาที ซึ่งขายกันไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หรือพูดง่าย ๆ คือ บัตรขายหมดไปแล้วล่วงหน้าถึง 6 เดือนเต็มเลยทีเดียว
หลังจากที่เข้าในงานมาแล้ว ด้วยความที่ผมพอมีเวลาอยู่พอสมควร ทำให้ตอนนี้เริ่มออกเดินสำรวจในบริเวณงานและไปยืนเข้าแถวซื้อสินค้าที่ระลึกอย่างเพลิดเพลิน ละลายทรัพย์กันให้สมกับชื่อคอนเสิร์ตตั้งแต่เริ่มเลย แต่แอบบอกเลยนะ สินค้าราคาแพงไป 6,500 บาทนี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยนะครับ จากนั้นก่อนที่จะเข้าฮอลคอนเสิร์ตก็ขอนั่งแวะจิบเบียร์เย็น ๆ สักแก้วหน่อย แต่เอ๊ะตามตารางเขาเขียนว่า การแสดง 20.30 น. ไม่ใช่เหรอ แต่นาฬิกาในข้อมือผม ณ เวลา 19.45 น. มีประกาศไล่ให้แฟนเพลงเข้าฮอลแล้ว แอบตกใจ เขาเล่นเร็วกว่าปกติรึเปล่า
จน 20.00 น. คือ เวลาที่เข้ามาในฮอลนี้ด้วยความเร่งรีบ แต่หารู้ไม่ เขาขู่เฉย ๆ เฟ้ย เขายังไม่ได้เริ่มคอนเสิร์ต เหงื่อแตกกันไปครับ แต่บนความเหนื่อยจากการรีบเข้ามาทำให้ได้พบว่า มุมมองของผมที่นั่งดูวันนี้มันแทบจะข้างหน้าสุดเลย (ไม่ข้างหน้าได้ไงก็เล่นจัดบัตรแพงสุดไปเลยครับ) ข้ามรั้วเหล็กไปนี่ถึงตัวพี่ Bruno Mars แล้วนะ 8,500 บาทของผมเริ่มคุ้มค่าแล้ว ภาพที่เห็นตอนนั้นผู้คนยังคงเข้าฮอลมาเป็นจำนวนไม่มาก มีที่นั่งหลวม ๆ เยอะเต็มไปหมด ทำให้คิดในใจงานนี้เลตแน่ ๆ แล้วมันก็เลตจริง ๆ ครับ อาจจะเพราะการจราจรด้วย การหาที่จอดรถยากด้วยทำให้เป็นอุปสรรคกันพอสมควรครับ
รอจนแล้วจนเล่าเกือบจะหลับไป แต่เมื่อเวลา 20.45 มาถึง ไฟในฮอลดับลงอีกครั้งพร้อมกับวิดีโอขอเสียงเฮจากแฟนเพลงที่ระยะหลัง ๆ ผมสังเกตได้จากการไปดูคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกจะใช้มุกนี้หมดเลย Bruno Mars ก็เช่นกัน ซึ่งมันได้ผลครับ เสียงเฮดังมากและในที่สุดผ้าม่านที่ปิดไว้ก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นพร้อมกับเพลง Finesse โอโห้วินาทีนั้นผมยืนดูด้วยความปลื้มปิติ นี่แหละที่เรารอคอยมาหลายเดือน มันเริ่มแล้วนะเว้ย ทุกคนมาเพื่อโชว์นี้ของผู้ชายคนนี้ Bruno Mars มาในชุดเบสบอลสีน้ำเงินตัวเก่งพร้อมกับแก๊งแดนเซอร์ทีมบาสเก็ตบอลของเขา ทุกอย่างมันโครตดี แสง สี เสียง มันลงตัวไปหมด แถมพี่แกเดินมาโซนผมบ่อยซะด้วย ฟินกันไป รู้ตัวอีกทีจบเพลงแล้ว เพลงต่อไปก็ดังขึ้นทันทีแทบไม่มีเบรกกับ 24k Magic ที่งานนี้ทั้งฮอลล์ร้องตามและเต้นกันอย่างโครตมัน ยิงพลุไฟที่ยิงขึ้นมาแล้วนี่มันระดับโลกแล้วนะครับ ยิงซะตกใจเลย แต่เท่านั้นยังไม่พอไหน ๆ จะเปิดตัวแล้วจะมาแค่ 2 เพลงแล้วพูดคุยเลยมันเป็นไปไม่ได้ครับ Treasure เป็นบทเพลงที่ 3 ที่เล่นให้ทุกคนได้เต้นกันต่ออย่างสุดเหวี่ยง แถมการเคลื่อนที่ของทุกคนบนเวทีลื่นไหลแบบหาที่ติไม่เจอ นี่สิคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก ตั้งแต่เริ่มมาจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้นั่งเลยครับ เก้าอี้นี่แทบมีไว้เพื่อวางกระเป๋าอย่างเดียว
หลังจากผ่านไป 3 เพลง Bruno Mars ได้กล่าวทักทายกับแฟนเพลงชาวไทยและมีประโยคเด็ดที่แปลออกมาได้ว่า “ทุกคนมาที่นี่เพื่อสนุกกัน เรามีโอกาสได้เจอกันไม่บ่อย ผมอยากให้ทุกคนเก็บภาพความทรงจำนี้ด้วยสายตา ได้โปรดช่วยเอาโทรศัพท์มือถือลงเถอะครับ ผมอยากเต้นกับคุณ” จากประโยคนี้ถ้าใครเป็นแฟนคลับเขาจริง ๆ จะรู้ว่าล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่น พี่แกเพิ่งขว้างผ้าเช็ดตัวใส่แฟนเพลงที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป เขาทำมาแล้วนะครับ เลยแอบหวั่น ๆ แล้วที่ไทยจะเจอแบบนั้นไหม หลังจากพูดประโยคนี้จบ เพลง Perm คืออีกหนึ่งเพลงที่ถูกเอามาสานต่อความสนุกในครั้งนี้ แถมมีการเล่นกับคนดูด้วยการแบ่งฝั่งขอเสียงคนดู แล้วตัวเองก็นั่งไถ่ไปเรื่อย ๆ กับแดนเซอร์ ช็อตนี้คือ โครตพร้อมเพรียงครับบอกได้แค่นี้ หลังจากเพลงนี้จบลง ซีนในคอนเสิร์ตเริ่มเปลี่ยนโทนให้ดูซอฟต์ลงหลังจากที่เราสนุกกันมานาน เพลง Calling All My Lovelies ดังขึ้น สารภาพว่า ผมมองข้ามมันเพลงนี้ไปตลอดเลยในอัลบั้มนี้ แต่พอเล่นสดโครตดี แถมมีเซอร์ไพร์สด้วยการร้องภาษาไทยอีกตะหาก คำว่า ‘ผมรักคุณ’ นี่ชัดเจนมาก ๆ ได้ใจแฟนเพลงชาวไทยไปเต็ม ๆ เลยสำหรับไม้ตายท่อนนั้น
หลังจากเพลงนี้ Bruno Mars สานต่อด้วย 2 เพลงฮิตอย่าง Chunky, That’s What I Like ที่เล่นสดได้อย่างเนียน เต้นได้อย่างผมไม่มีที่ติ แถมอีกจุดที่ผมเห็นคือแดนเซอร์เนี่ย เขาเป็นมากกว่าคนเต้นนะ พวกเขาสามารถทำได้แม้กระทั่งเล่นดนตรี กีตาร์ เบส เล่นได้หมดเลย โครตสมบูรณ์แบบ หลังจากที่จบเพลงนี้อีกหนึ่งเพลงที่ผมรอคอยก็มาถึงกับ Versace On The Floor ที่เสียงสดร้องออกมานี่คือระดับโลก ผมยังคงตื่นเต้นตื่นใจกับโชว์นี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากจบเพลงนี้ทุกคนแทบไม่รู้สึกเลยว่า นี่เราเดินทางกันมาถึงครึ่งโชว์แล้วนะ เพลง Marry You ยังคงถูกเล่นต่อพร้อมกับการหยิบกีตาร์ออกมาโชว์ของ Bruno Mars ที่มีเซอร์ไพร์สเกิดขึ้นอีกหนึ่งสิ่งด้วยในเพลงนี้นั้นคือ มือกีตาร์ของเขาสนุกจัดกระโดดลงมาจากเวทีโซโล่ตอนเปิดให้กับแฟนเพลงแบบใกล้ชิดที่ขนาด ตัว Bruno Mars เองก็คาดไม่ถึงกับเพื่อนในวงที่จะทำถึงขนาดนั้น เพราะแอบเห็นได้เลย พี่แกหลุดช็อตนึงตอนร้องเข้าเพลงนี้ด้วยเป็นอีกโมเม้นต์ที่น่ารักเลยทีเดียวครับ หลังจากจบเพลงนี้บนเวทีถูกทิ้งไว้เหลือแค่เพียงมือกลอง โชว์โซโล่กลองสุดเจ๋ง ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งกลับมาอีกครั้งและเข้าเพลง Runaway Baby จบพาร์ตของเพลงฮิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่ไฟบนเวทีดับลง Bruno Mars ได้กล่าวกับทุกคนสั้น ๆ ว่า “เพลงนี้เป็นเพลงจากอัลบั้มที่แล้ว ที่ผมชอบมาก ๆ ผมอยากร้องให้ทุกคนฟังครับ” When I Was Your Man ถูกบรรเลงขึ้นด้วยเสียงเปียโนพร้อมเสียงร้องของชายคนนี้ที่ร้องออกมาได้กินใจและซึ้งตามไปด้วยเลยจริง ๆ ยิ่งช็อตที่กระชากเสียงนี้คิดในใจ พี่แกได้ทำได้ไง เปิดแผ่นรึเปล่า มันเนียนมาก ๆ ครับ ฟังแล้วอยากอกหักเลย หลังจากซีนนี้จบลงบนเวทีเหลือเพียงแค่มือเปียโนอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาโซโล่ได้ออกมาน่าตื่นตาตื่นใจและพอจะเดาได้แล้วว่า เวลาในคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหลืออีกไม่นานแล้วสินะ เพลงฮิตที่เหลือกำลังจะถูกหยิบออกมาเล่นแล้ว ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ (แอบเสียดายที่ songlist งานนี้มันเหมือนกับหลาย ๆ ประเทศมากไปนิด อยากฟังเพลง Too Good Too Say Goodbye ทำไมพี่ไม่หยิบมาเล่นบ้าง) เวทีเปิดไฟสว่างอีกครั้งพร้อมกับอินโทรของเพลง Locked out of Heaven ที่งานนีก็ยิงพลุกันอีกแล้ว ตกใจแล้วเว้ย คนดูเนี่ย แต่ทุกคนก็เต้นกันต่อไปไม่หยุดยั้ง ในที่สุดเพลงสุดท้ายก็มาถึงกับ Just The Way You Are ออกมาปิดฉากคอนเสิร์ตนี้ได้อย่างสวยงามพร้อมกับภาพความประทับใจของแฟนเพลงทุกคนที่มีต่อชายผู้นี้ ซีนแนะนำตัววงเป็นซีนสุดท้ายก่อนที่ผ้าม่านจะปิดลง เอ้าจบแล้วเหรอเนี่ยเอาแบบนี้เลยใช่ไหม
แต่มันจะจบแบบนี้ไม่ได้ครับ อังกอร์ที่ทุกคนรอคอยมันต้องมี เพราะฉะนั้นเสียงมีเท่าไรตะโกนออกมาให้หมด Bruno Mars ได้ยินแน่ ๆ เพราะ เพียงระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที ชายคนนี้พูดใส่ไมค์อีกครั้ง “ยังอยากสนุกกันอยู่ใช่ไหม ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะ” ผ้าม่านถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับเพลง Uptown Funk ที่งานนี้ทุกคนในฮอลลุกเต้นกันทุกคนเรียบร้อยแล้ว ใส่กันสุดเหวี่ยงกับแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่และปิดฉากกันไปอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบของจริง เหลือไว้เพียงแต่แสงไฟบนผ้าม่านสีเขียวผืนนี้ของเขา
โอเคครับโดยรวมต้องบอกว่า คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปจริง ๆ ผมไม่รู้จะหยิบตรงไหนมาติ เพราะมันดีไปหมดเลย เว้นซะแต่ในช่วงพาร์ตท้าย ๆ ของคอนเสิร์ตนี้ Bruno Mars แกมีความเหวี่ยง ๆ อยู่เล็กน้อย เนื่องจากช่วงที่ทำการแสดงอยู่ หน้าเวทีส่วนนึงหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไม่เก็บลงไปเลย มีอยู่ซีนนึงที่ผมเห็นเลย เขาบอกกับแฟนเพลงว่า “เก็บโทรศัพท์ลงไป” ชัดเจนมากฮะ ซึ่งถ้าเราทำตามที่ Bruno Mars บอกภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นความทรงจำที่ประทับใจกว่าในโทรศัพท์เยอะเลย อีกเรื่องที่รู้สึกคือ คอนเสิร์ตมันไวมาก ไวแบบเฮ้ยมันจบแล้วเหรอ มันสนุกมาก ๆ แต่น่าจะยาวกว่านี้อีกนิดนะ ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นผมคนเดียวที่งอแงเอง เพราะ เอาเข้าจริง เพลงที่หยิบมาเล่นมันก็ยอดเยี่ยมหมดเลยนะ โชว์ครั้งนี้เฉียบกว่าครั้งที่แล้วเยอะ มู้ดโทนต่าง ๆ ทำได้ดีมาก สมศักดิ์ศรีกับราชาเพลงป๊อปในยุคปัจจุบันแล้ว สุดท้ายนี้ได้แต่หวังว่า อัลบั้มหน้าพี่เขาจะกลับมาที่ไทยอีกครั้ง ส่วนสำหรับครั้งนี้ผมตายตาหลับแล้วได้ดูโชว์สุดยอดแบบนี้จากผู้ชายคนนี้ ผมรักคุณครับ Bruno Mars
กลับสู่รากดนตรีโฟล์กร็อกฉบับอังกฤษ Mumford&Sons Live in Bangkok
รีวิว U2: The Joshua Tree tour 2019 ครั้งแรกกับการมา Southeast Asia ในรอบ 42 ปี!