สนุกกันต่อวันที่สอง จัดหนักเมทัล ฮิปฮอป หมอลำ ใน Big Mountain Music Festival 9
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Montipa Virojpan and Anchittha Ochukij
9 ธันวาคม 2561
อ่านรีวิว Big Mountain Music Festival 9 ตอนแรก ที่นี่
จบงานวันแรกไปแล้ว ก็พร้อมเข้าสู่ Big Mountain Music Festival 9 วันที่สอง ซึ่งเราขอเริ่มวันช้าเล็กน้อยเพราะต้องพักอย่างเต็มอิ่มหลังจากใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงเมื่อวันก่อน ทำให้โชว์แรกที่เราได้ดูในวันนี้คือ Palmy ที่ Ferris Wheel Stage ตอนเวลาประมาณทุ่มตรง สารภาพว่าวันก่อนเดินไปไม่ถึงฟากนั้นเลยเพราะไลน์อัพที่อยากดูกระจุกอยู่ฝั่งขวาของงานทั้งสิ้น แต่ไม่ได้แปลว่าวงเล่นเวทีใหญ่ไม่อยากดู แต่คาดการณ์ว่าปริมาณฝูงชนประจำเวทีต้องเนืองแน่นเกินกว่าจะสู้รบปรบมือ
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเราเดินมาถึงเวทีที่ใหญ่ที่สุดของงาน (เดินจากทางเข้ามาไกลมาก งาน มัน ใหญ่ มาก จริง ๆ แต่ดีหน่อยที่วันนี้โคลนเฉอะแฉะได้แห้งเดินเหิรได้สะดวกแล้ว) แต่เราขอยืนอยู่ห่าง ๆ ดูผู้ชมจำนวนมหาศาลโบกแท่งไฟตามจังหวะ ขณะนั้นปาล์มมีกำลังเล่นเพลงช้าสุดคลาสสิก ความทรงจำสีจาง วินาทีนั้นเองเราก็ระลึกขึ้นได้ว่า ปาล์มมีเป็นศิลปินที่เราชอบมากตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เคยดูพี่มี่เล่นแค่ตอนงาน A Day Tribute ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็หลายปีมาแล้ว นี่เลยเป็นโชว์ครั้งที่สองในชีวิตที่ได้ดูผู้หญิงคนนี้เล่นแบบสด ๆ เลยรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ตามด้วยเพลง ความเจ็บปวด และเพลงล่าสุดที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ไปร้านไหนก็จะต้องเปิดเพลง ซ่อนกลิ่น เพลงนี้ มีคนตบเท้าเดินเข้ามาในโซน Ferris Wheel อยู่เรื่อย ๆ
และเพลงต่อไปที่เล่นคืออีกงานคลาสสิก ฟ้าส่งฉันมา โห ได้ฟังพี่มี่ร้องเพลงนี้กับหูกับตาตัวเองแล้วขนลุกมาก วัยเด็กกลับมา ก่อนจะกลับไปที่เพลงจังหวะสนุก ๆ อย่าง คิดมาก และอีกเพลงที่อยากฟังแบบสด ๆ ที่สุดเพลงนึงของปาล์มมี่เลยคือ ทำเป็นไม่ทัก โอ้ย โคตรร็อก พลังอย่างล้น คือยืนดูอยู่ไกลลิบก็ขนลุกได้ หรือเพลง Ooh! ที่พี่มี่กระโดดไปรอบ ๆ และกรี๊ดบิลด์คนดูขึ้นมา เราก็อินไปกับเพลงด้วย ดูเพลิน สนุกไปหมด แม้แต่ อยากร้องดังดัง เพลงสร้างชื่อของเธอเอง พี่มี่ก็จัดการเร่งจังหวะในท้ายเพลงจนทะลุจุดเดือด เล่นเร็ว ร้องเร็วมาก สงสัยจริง ๆ ว่าพี่มี่เอาพลังมาจากไหน และ energy ของเธอก็ยังไม่หมดเมื่อเพลงต่อไปที่เล่นคือ ติ๊กต๊อก ปล่อยพลังถาโถมเอาคนดูนับหมื่นอยู่หมัดพร้อมกับอิมโพรไวส์ท่อน ติ๊ก ๆๆๆๆๆ แบบรัวเร็ว พุ่งพล่าน โต้ตอบกับคนดูอย่างสดใส คือนอกจากจะ entertain เก่งแล้วสกิลการใช้เสียง ใช้ปาก คือบียอนด์ไปแล้ว ทึ่งมาก ๆ และภาพที่เราเห็นจากจอ LED ตอนนั้นคือพี่มี่ถอดรองเท้าเล่นคอนเสิร์ตอีกแล้ว! นี่น่าจะเป็น natural state/ signature อีกอย่างของพี่มี่ที่เราอยากเห็นกับตา แล้ววันนี้ก็ได้เห็นแล้ว แง ไม่แน่ใจว่าจบโชว์แล้วหรือยังแต่อินโทรเพลง ซ่อนกลิ่นดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพี่มี่พูดขอบคุณคนดู แต่ก่อนที่เพลงจะถูกเล่นอีกครั้งเราก็ขอมูฟไปที่เวทีอื่น เพราะเวลานั้นอีกวงที่อยู่เวทีไกลจากตรงนี้กำลังจะขึ้นเล่น และเราก็อยากดูมาก ๆ ซะด้วยสิ
ยังสงสัยจนถึงตอนนี้ว่าทำไม Apartment Khunpa ถึงได้มาเล่นเวทีเกือบจะเล็กที่สุดของงานอย่าง Egg Stage เพราะอายุอานามของวงก็อยู่ยั้งยืนยง มีอัลบั้มออกมามากมายอีกทั้งมีเพลงฮิตที่หลายคนร้องได้ แต่คิดอีกแง่ก็อาจจะเป็นการที่วงอยากทดลองบางอย่าง ตอนที่เราเดินมาถึงเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม ตอนนี้วงกำลังเล่นเพลง สถานีต่อไป สังเกตว่าก็มีคนดูเยอะเหมือนกัน ซึ่งผู้ชมก็ร้องดังมาก ๆ และเพลงต่อไปก็เป็นอีกเพลงที่เราอยากฟัง พี่ตุลบอกว่านี่คือเพลงจากอัลบั้มแรกที่พวกเขาปล่อยออกมา แค่การแร็ปเปล่า ๆ ในท่อนแรกของเพลง กำแพง ก็ทำให้เรากรี๊ดออกมาสุดเสียง เพลงฟังก์มัน ๆ ที่เป็นเหมือนยูโทเปียของวงการดนตรีในอดีต ปัจจุบันก็ดูจะใกล้ความจริงอย่างที่ในเพลงหวังไว้ทีละนิดแล้ว ต่อด้วย แสงและเงา เพลงจากอัลบั้มชุดที่ 5 ของวง พอจบเพลงช้า ๆ ไปแล้ว พี่ตุลก็ถามว่า ‘สัญญามั้ยว่าเราจะเต้นจนขี้แตก’ สัญญาครับบบบ เพราะเพลงต่อไปที่เล่นคือ ระเบิดเวลา กับท่อนส่งสุดมัน ‘พร้อมหรือยังครับ ถ้าผมร้องส่งขอให้คุณร้องรับ’ ซึ่งแฟน ๆ ก็รับส่งกันอย่างสนุกสนาน ยังไม่หมด จัดไปกับเพลง เสือร้องไห้ จากชุด Romantic Comedy ให้เราโดดกันยับแบบแซ่บอีหลี ก่อนจะจากกันไปในเพลง ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
ในเวลาเดียวกัน เวทีด้านหลังหรือก็คือ Black Stage กำลังมีวงเดือด ๆ อย่าง เล่นอยู่พอดี โอ้ มองไปไกล ๆ เห็นกลุ่มผู้ชายถอดเสื้อวิ่งวนในวงมอชกันอย่างเมามัน เหมือนว่าตอนนั้นพวกเขากำลังเล่นเพลง My Battle Cry เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นพวกเขาเล่นเวทีใหญ่ขนาดนี้ และต้องบอกว่า ฉั่ง ฟรอนต์แมน พลังล้นมาก ๆ และเพลงต่อไปที่พวกเขาเล่นคือ Show Me the Way ทั้งก่อนและหลังจบเพลงเขาบิลด์อารมณ์คนดูอยู่เรื่อย ๆ แบบที่ ถ้าวันนี้เราไม่ได้ใส่รองเท้าแตะไปก็คงจะเข้าไปมอชด้วย โดยเพลงสุดท้ายที่พวกเขาเล่นคือ Your Masquerade แฟน ๆ ขาร็อกคงฟินกันไปเป็นแถบ ๆ แต่ตอนนั้นเราก็รีบวิ่งกลับไปที่ Chic Stage เพราะวง Yaan กำลังเล่นอยู่ (ตอนนี้ตารางชนกันยับ) เพลงสุดท้ายดูเป็นอะไรที่เราไม่คุ้นชินนักในบรรดาเพลงของวงนี้ ซึ่งปกติจะเป็น world music, folk, ambient ผ่อนคลาย แต่เพลงนี้ดูเป็นร็อกที่มีความรุนแรง อิมโพรไวส์ที่ทรงพลัง ซึ่งเซอร์ไพรส์เรามาก ๆ น่าเสียดายที่ทันดูแค่เพลงเดียวเพราะโชว์เซ็ตใหม่ของพวกเขาดูน่าสนใจจริง ๆ
ระหว่างที่รอเขาเซ็ตเวทีสำหรับวงต่อไป เราก็แว้บไปหาข้าวกิน ใกล้ ๆ กันมีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำตกที่เด็ดมาก ๆ มื้อนี้อร่อยที่สุดที่กินมาในเฟสติวัลนี้ละ จบแล้วก็รีบกลับไปดู Jinta ที่น่าจะกำลังขึ้นเล่นพอดี บรรยากาศขมุกขมัวตามแบบฉบับของจินตะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เราไม่ได้ดูพวกเขาเล่นสดมานานมาก ซึ่งเพลงแรกที่วงเล่นเป็นเพลงใหม่ชื่อ หลังม่านตา ธีร์ ฟรอนต์แมนกระซิบมาหลังไมค์ว่าเพลงเพลงที่พวกเขาไม่เคยซ้อมกันมาก่อน กะเล่นเพื่อซาวด์เช็กให้คนอื่น ๆ แต่กลายเป็นว่าทุกคนเล่นขึ้นมาเต็มเพลงซะงั้น ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเป็นเพลงที่เท่ ได้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟังเพลง Thom Yorke ยังไงยังงั้น เพลงที่สองก็เป็นเพลงใหม่สไตล์อัลเทอร์เนทิฟโฟล์กเช่นกันชื่อ คลื่น จะอยู่ในอัลบั้มหลังจากอัลบั้มที่กำลังจะปล่อยอีกที แฟน ๆ วงนี้เตรียมตัวให้ดีเพราะงานยุคใหม่จัดจ้านขึ้นกว่าเดิมมาก ต่อไปคือเพลง เกสรดอกไม้ ตอนนี้คนดูที่นั่งบนกองฟางก็พากันเขยิบขึ้นมาเต็มหน้าเวที จบเพลงนี้ธีร์ก็บอกว่ามีสมาชิกใหม่มาช่วยเล่น เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือ แม็กซ์ จากวง Penny Time นั่นเอง เพลงต่อไปที่เล่นคือ มาร เพลงหลอนดาร์กหน่วงของวงยังถ่ายทอดออกมาได้ทรงพลังไม่เปลี่ยนแปลง และแน่นอน เพลงสุดท้ายยังคงเป็น ฝิ่นหนาว ที่คราวนี้ไลท์ติ้งและเอฟเฟกต์ช่วยขับให้ความเหน็บหนาวเย็นเยือกและรุนแรงในท่อน ‘ฉันถูกยิงตาย’ คุ้มคลั่งมาก ๆ ยังเป็นโชว์ที่เราประทับใจเสมอ
จบจากเวทีนี้ เรารีบพุ่งตัวไปที่ รำวงบาร์ เพราะศิลปินไฮไลต์ประจำเฟสติวัลกำลังจะขึ้นเล่น ผู้ชมจากทุกสารทิศพากันมารวมตัวกันที่เวทีนี้ เธอคนนั้นคือ จินตหรา พูนลาภ เจ้าของเพลง เต่างอย ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองแบบครองชาร์ตข้ามปี เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็อยากมาดูพี่จินร้องเพลงนี้ให้เป็นขวัญหูขวัญตาตัวเองแหละ เมื่อแดนเซอร์ขึ้นมาออกลวดลายเต็มเวทีได้ระยะหนึ่ง พี่จินก็ขึ้นมาพร้อมกับเพลง ฟ้าฮ้องบึ้ม ที่ท่อน ‘เสียงฟ้าผ่าฮ้อง เปรี้ยง!’ ก็เต้นกันเต็มไลน์มาก สู้ตาย แต่ต้องบอกว่าหางเครื่องจินตหรานี่ ท่าเขาไลน์เป๊ะ แอดวานซ์กว่าของ ยุ้ย ญาติเยอะ ทำให้เราเต้นตามไม่ได้ค่ะ ยอมแพ้ เลยซุยสเต็ปตัวเองไป จนเพลงถัดมาลุยเลยกับ เต่างอย ที่หลายคนรอคอย โอ้ย จัดให้เป็น extended version ม่วนกันยาว ๆ ไปเลย แต่พอจบเพลงนี้คนดูบางส่วนก็เดินออกทันทีจ้า เหมือนอยากมาดูกันแค่เพลงนี้ ไม่เป็นไร พี่ขออยู่ต่อ เพราะเพลงต่อไปคือ น้ำตาสาววาริน โอ้ยยยยย ท่อนเอื้อนนี่ ลูกคออีแม่เด้อ ตำนานมาก ๆ แหบแบบถูกต้อง ต่อกันกับ ใจช้ำที่คำชะโนด, รักสลายดอกฝ้ายบาน แล้วก็เป็นเมดเลย์ให้เซิ้งต่อยาว ๆ จำไม่ได้แล้วเด้อเพลงอะไรเป็นอะไรบ้างแต่ม่วนหลาย ก่อนจะปิดท้ายที่เต่างอยรอบสอง เอาให้หนำใจกันไปเลย ม่วนคั่ก ๆ
สายลูกทุ่งหมอลำกันไปเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับไปที่ Egg Stage ลุยสายแมธ อัลเทอร์เนทิฟร็อกจากไต้หวันกันต่อ No Party For Cao Dong วงนี้เขาเพลงเท่มาก ขึ้นเวทีตรงเวลาตามตารางสุด ๆ สารภาพว่าไม่ใช่แฟนเพลงเลยไม่รู้จักสักเพลง แต่ขึ้นมาอินโทรโคตรหนักหน่วงเมามัน แล้วเข้าเพลงแรก 醜 (Chou) เป็นเพลงที่พี่ขิงเปิดให้ฟังก่อนเข้างานวันนี้ เลยคุ้น ๆ อยู่บ้าง เพลงที่สองมีกรูฟเน้น ๆ ตอนต้นก็จะเปลี่ยนเป็นท่อนอัลเทอร์เนทิฟ สลับกับลูกกลองแมธ กีตาร์เล่นโน้ตเป็นเม็ด ๆ แต่ดูได้ไม่นานเราก็ขอแว้บไปเต้นที่เวที Trasher บางทีชีวิตมันก็ต้องการ guilty pleasure แค่นี้แหละ วันนี้ได้เจอ เจนนี่ ปาหนัน ตัวจริงเสียงจริงบนเวที และมีเพลง We Found Love และ I Gotta Feeling แถมมาให้ด้วยอีกสองเพลงรวมกับเพลงอื่น ๆ ที่ได้ฟังแล้วในคืนก่อนหน้า
จนได้เวลาที่ Desktop Error จะขึ้น Egg Stage เราก็เดินกลับมาประจำหน้าเวที แฟนเพลงจำนวนมากก็มารอดูพวกเขาอยู่ เปิดมาด้วย พาฝัน เพลงจังหวะสนุก เมโลดี้สว่าง ที่หลายคนคิดถึง ถูกนำมาเล่นเป็นเพลงเปิดโชว์ เสียงแลปกีตาร์ของเบิร์ดสะกดสัมปชัญญะของเราในทันที แล้วต่อกันติด ๆ กับ ทุกทุกวัน แบบแทบไม่ให้หาใจ แฟนเพลงตะโกนร้องเพลงกันอย่างเมามัน ก่อนส่งเข้าเพลง คืนที่ไม่ปกติ ที่คืนนี้ก็ไม่ปกติจริง ๆ เพราะพวกเขาเล่นเป็น extended version เพิ่มท่อนโซโล่โหดหนักหน่วง โดดและโยกกันคอแทบหลุด ไม่ได้เห็นอะไรโหด ๆ แบบนี้จากพวกเขามาพักนึงแล้ว
หรืออย่าง ควันจางลา ในช่วงที่เป็นการบรรเลงพรีฮุกก็เพิ่งมาได้สังเกตจริงจังว่าเป็นเมโลดี้ที่เพราะมาก เพลง พบ พา ลา จาก ก็เหมือนเป็น anthem แห่งความปล่อยวางที่ทุกคนพร้อมใจกันร้องเตือนตัวเองตามความหมายที่เล่าออกมาในเพลง แล้วก็ถึงเวลากับเพลงบาดลึกอย่าง น้ำค้าง โห ซาวด์กีตาร์ซับซ้อนซัดสาดทุกอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งจุดที่เรายืนคือหน้า PA หูพร่ากันแบบชัด ๆ เต็ม ๆ ทุกเม็ดกันไปเลย ถ้าดราม่าอยู่นี่มีลงไปนอนแน่นอน ซึ่งเพลงต่อไปก็เป็นอีกเพลงโปรดของเราอย่าง ปัจจุบันนา กับจังหวะชวนโยกเหลือเกิน และปิดท้ายกันไปด้วย ต่างด้าว เพลงสุดมันที่บรรเลงอย่างยาวนาน อัดแน่นความมันแบบเต็มพิกัด สังเกตจากเม้งมือกลองคือหวดเอา ๆ นึกถึงตอนที่เหยียบคิกจนกระเดื่องแตกแบบนั้นก็มันดีเหมือนกัน เป็นอีกโชว์ที่ไม่เคยผิดหวังเลยจริง ๆ สำหรับวงนี้
และก็มาถึงช่วงสุดท้ายของวันที่สองของเราแล้ว ช่วงนั้นเราเดินผ่านเวทีฮิปฮอป น่าจะเป็นโชว์ของ Twopee เพราะได้ยินเพลง เอาละโว้ย กับ อยู่ไม่นิ่ง ส่วนเราก็ไปเติมพลังอีกรอบกับข้าวไข่เจียวทอดมันเป็นจานสุดท้ายของงาน ระหว่างซื้อก็ได้ยินว่า Thaitanium ขึ้นแสดงแล้ว ตอนนั้นเป็นเพลง สบายดีหรือเปล่า พอได้ไข่ก็หาที่นั่งไปฟังไป เพราะคนดูค่อนข้างเยอะทีเดียว จากนั้นก็เป็นเพลง ไม่ไหวแล้ว และเพลง สุดขอบฟ้า จนเวลาผ่านไปสักพัก ก็ได้เวลาที่เราจะไปดูอีกโชว์ไฮไลต์ของงานนี้อย่าง Dajim เราคาดหวังเหลือเกินว่าเขาจะเล่นเพลงจากยุคใต้ดินให้ได้ยินเป็นบุญหู
เปิดโชว์มาด้วยเซ็ต Show Me the Money กับเพลง มีนบุรีแก๊ง ที่มีความเท่ผสมความกวน กับบีตแบบ gangster rap คือไม่รู้ว่าจะโยกหรือจะขำดี เอามันทั้งสองอย่างเลยแล้วกัน จากนั้นก็ต่อด้วย Dajim Dajazz ก่อนจะจัดเพลงฮิต ดาจิมแร็ปไทย, เหนียวแน่นหนึบ, กิ๊กทั่วไทย แล้วในที่สุดก็เล่นเพลงจากยุคใต้ดิน ทั้ง อย่าให้กูเจอ แล้วกลับมาที่เพลงมัน ๆ โรคบิด ก่อนจะไปเอาใจสายเขียวกับเพลงสุดฮา มันอยู่ใต้พรม ความสนุกคือรุ่นพี่เราที่ดูอยู่ด้วยกัน เป็นเด็กรุ่นดาจิมใต้ดินกันหมด แล้วทุกคนร้องได้ ระหว่างเล่นแต่ละเพลงจะมีการกดซาวด์ ‘Dajim in da house’ เรื่อย ๆ แล้วพวกนี้ก็ตะโกนตาม จนบางทีเขาไม่ได้กด มันก็ตะโกนออกมาเอง ฮ่า ๆ
เพลงต่อไป วงถามว่าอยากฟังอะไร ก็มีคนตะโกนขึ้นไปว่า 740… เดี๋ยว ๆ จริง ๆ มันต้อง 704! แล้วพี่เขาก็จัดให้ด้วยการ ลงไปนั่งเล่าเรื่องผีในเพลงกับพื้นเวที ดิมไฟสปอตไลต์ลงและเปลี่ยนเฉดเป็นสีม่วง ซาวด์วังเวง ๆ กับบีตช้า ๆ กับการได้ฟังเพลงในตำนานเพลงนี้เป็นอะไรที่เวิร์ลมาก พอจบท้ายเพลงที่ทำเอาสะดุ้ง ก็ขอเปลี่ยนฟีลกันนิดนึงกับ ห.ว.ย. เพลงนี้อย่างมาาา ต่อด้วย ผีกระจู๋ และ อะแน่นอน โอ๊ย ปีลึกมาก ๆ แล้วก็มีเพลงโคตรใต้ดิน หยิ่งดีนัก, ฟังนะฟัง, ถนน, รั่ว, ลองมั้ย โอ้โห ยิ่งเล่นยิ่งแรร์ ก่อนจะดึงกลับมาที่ โยกย้าย ที่เด็ก ๆ น่าจะพอทันกัน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตีสองครึ่งแล้ว เราอยากสนุกต่อจนจบ แต่สงสารพี่ขิงที่ไปนั่งรออยู่ข้างหลังเพราะง่วงไม่ไหวแล้ว ก็เลยต้องเคอร์ฟิวตัวเองขับรถกลับที่พัก เป็นอันปิดฉากวันอันยาวนานอย่างงดงาม รู้สึกคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มาอยู่เวทีนี้เป็นเวทีสุดท้าย ทั้งได้ย้อนวัย แล้วโชว์ก็สนุกมาก แถม old school hiphop เป็นสไตล์ที่เราชอบที่สุดด้วย
ก็จบลงไปแล้วกับการรายงานบรรยากาศทั้งสองวัน อันที่จริงถ้าพูดถึง BMMF แล้วก็น่าจะเป็นเทศกาลดนตรีงานใหญ่อีกงานที่หลายคนกาปฏิทินไว้ว่าจะต้องไปให้ได้ในทุกปี เช่นเดียวกับ Cat Expo, Wonderfruit และตอนนี้คงจะมี Maho Rasop เพิ่มมาด้วยอีกงาน แฮ่ โดยแต่ละงานที่เราเอ่ยชื่อมาก็มีคาแร็กเตอร์ของทั้งบรรยากาศและการเลือกวงมาเล่นที่ต่างกันไป ว่ากันตามตรงนี่อาจจะเป็นงานที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเท่าไหร่เพราะไลน์อัพอาจจะไม่ตรงกับความชอบขนาดนั้น ยกเว้นอยู่ปีนึงที่มีหนึ่งวงที่ต้องไปดูให้ได้ นั่นคือ Black Rebel Motorcycle Club ซึ่งอยู่ดี ๆ ก็ announced ว่าจะมาเล่นที่ BMMF ครั้งที่ 5 เมื่อปี 2013 ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ และนั่นก็เป็นครั้งแรกของเรากับ BMMF ที่ตัดสินใจไปแบบฉุกละหุก คือพอคอนเฟิร์มปุ๊บ ก็รีบหาบัตร หาคนติดรถไปด้วยแบบไปเช้าดึกกลับกันเลย และโมเมนต์ที่ดีงามที่สุดของงานในปีนั้นสำหรับเราก็คือ การนั่งกินข้าวไข่เจียวร้อน ๆ บนกองฟาง หลังดูครบจบทุกวงที่อยากดู แล้วก็มีพลุจุดปิดงานพร้อมสัมผัสอากาศเย็น ๆ คือปีนั้นหนาวประมาณนึงเลย มีความสุขมากและยังจำได้จนถึงทุกวันนี้
และสำหรับ BMMF 9 ที่เพิ่งจบไปก็จะเป็นอีกงานที่เราขอเก็บไว้ในความทรงจำว่า มัน สนุก เว่อร์ มาก เรื่องการจัดการต่าง ๆ ถือว่าทำได้ดีในฐานะเฟสติวัลที่จัดมาเกือบสิบครั้งแล้วเนี่ยไม่ห่วงเท่าไหร่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน (ขอบคุณที่ปีนี้เทรนด์ cashless society มาแรง ทำให้การที่ตู้ ATM ในงานที่ใช้ไม่ได้ไม่ใช่อุปสรรคขนาดนั้น ซึ่งเหตุผลคือเพราะรถขนเงินเข้างานไม่ได้ อะแง) แต่เราก็ยังแอบได้ยินคนบ่นเรื่องความเละหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดช่วงเช้า คือปกติ BMMF กี่ปี ๆ ฝนมันก็ไม่ตก แห้งมาก แต่จะร้อนเย็นสลับกันไป มาตกเอาปีเนี้ย (ผู้อ่านบอกว่า เพราะเอ็งไปไงฝนเลยตก อ้าว) แต่ต้องขอบอกว่าความเละนี่เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับมิวสิกเฟสติวัล เคยเห็นสเตตัสรุ่นที่พูดถึง Maho Rasop เฟส ประมาณว่า ‘ถ้าอยากสบายก็นอนอยู่บ้านไป‘ คืออาจจะคิดว่าฉันติดสบายแล้วผิดอะไร แต่มันก็จริงมากเลยคุณ เราไม่สามารถบังคับดินฟ้าอากาศได้ ยิ่งด้วยความเป็นงานกลางแจ้ง สิ่งที่ทำได้คือเราควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์พวกนี้มากกว่า รองเท้าบูท เก้าอี้สนาม เสื่อรองนั่ง เสื้อกันฝน คิดซะว่าเรามา Stone Free มา Glastonbury มา Fuji Rock เฟสติวัลระดับโลกเขาก็เละเด้อ มีดินโคลนเลอะก็ยิ่งเยอะประสบการณ์นะ แถมยังเห็นว่าพอฝนหยุดแล้วทีมงานก็เอาฟางมาปูถมโคลนให้เดินกันสบาย ๆ นี่ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดี ขอชื่นชมทีมงานมาก ๆ แล้วห้องน้ำปีนี้ก็มีสายชำระด้วยค่ะ! สิ่งที่คุณกังวลเกี่ยวกับห้องน้ำในเฟสติวัลก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไป
อีกสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ยิ่งกว่าลมฟ้าอากาศก็คือการจราจรในงานนี้ คือด้วยความที่เป็นงานใหญ่ คนเยอะ บัตร sold out แล้วก็มีคนเมา ชอบข้ามถนนตัดหน้ารถกันเนี้ยน่าตี ๆๆๆๆ มันเลยทำให้การจราจรแออัด บางปีได้ยินมาว่ากว่าจะเอารถออกจากงานได้ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง (ของเรานี่เจอชั่วโมงเดียวยังอารมณ์เสียเลย) และสาเหตุนอกเหนือจากที่กล่าวไปคือ มอเตอร์ไซค์! ผู้ชมหลาย ๆ คนที่มาก็ไม่ได้มีรถส่วนตัว ก็มีพี่วินมาอำนวยความสะดวก หรือรีดเลือดกับเราก็ไม่รู้ ด้วยการบริการรับส่งจากปากซอยถนนใหญ่ถึงหน้างานในราคาคนละ 100 บาท (บางคนโดนราคาแรงกว่านี้ แต่เราโชคดีเขาให้ซ้อน 2 แล้วนั่งเข้าไปคนละ 50 บาทด้วยซ้ำ) แต่ความเศร้าคือการจอดรับส่งนั้นขวางทางจราจร ถนนก็ยิ่งแคบ ๆ อยู่แล้วพี่เขาก็ฉวัดเฉวียดเหลือเกินทำให้รถยนต์ยิ่งต้องขับแบบระวัง ๆ จนระบายออกไม่ได้ แถมปีนี้ฝนตก ถนนเป็นโคลนลื่นเสี่ยงการตกหล่มอีก เลยค่อนข้างทุลักทุเลทีเดียว
ทว่าในสิ่งที่เกินการควบคุม ก็ยังมีสิ่งที่ดีมาก ๆ ซึ่งเป็นหัวใจของเทศกาลดนตรีก็คือถือว่าเป็นปีที่มีไลน์อัพค่อนข้างหลากหลาย เก็บได้เกือบครบทุกซีน ทุกทาร์เก็ต วงเล็ก วงใหญ่ วงใน วงนอก สกา เมทัล ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิก ไปจนถึงลูกทุ่ง หมอลำ และคณะตลกคาเฟ่! แบบอิ่มมาก มีหลายวงที่เราไม่เคยดูพวกเขาเล่นสดมาก่อน ก็ได้มาดูในงานนี้และเหนือความคาดหมายไปหมด ประทับใจจนอยากให้กำลังใจพวกเขาต่อไปเรื่อย ๆ ก็มารอดูกันว่าไลน์อัพของ BMMF 10 จะมีอะไรน่าสนใจให้เราไปเปิดโลกกันอีก ส่วนตอนนี้ขอไปนอนก่อนเพราะต้องเตรียมไปอีกสองเฟสติวัลที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นคือ Wonderfruit ที่พัทยา และ Hongian Music Festival 4 ที่ศรีสะเกษ อ่านถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าไม่เหนื่อยหรอ มาถึงจุดนี้ก็ต้องไปให้สุดครับพี่น้องงงง แล้วเจอกัน