รำลึกความหลังและเปิดรับความหวังใหม่ใน #JAMnight Live! with Beach Fossils + Her’s
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Book Kositphasaj (Hear and There)
9 มีนาคม 2561
5 ปีที่แล้ว นี่เป็นวงต่างประเทศแรก ๆ ในชีวิตที่เปิดประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตแบบจริงจังเต็มรูปแบบ
5 ปีที่แล้ว การเกาะรั้วหน้าเวทีและตะโกนแหกปากให้กับเพลงโปรดยังเป็นสิ่งที่กระทำได้โดยไม่มีคำว่าเหนื่อย
5 ปีต่อมา ได้เวลาแล้วที่เราจะมารียูเนียนตัวเอง (เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันรอบที่แล้วดันไม่ว่างวันนี้พอดี ฮือ) กับวงที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล พร้อมกับอีกสองวงหน้าใหม่ที่น่าติดตามไม่แพ้กัน ใน #JAMnight Live! with Beach Fossils + Her’s
สิ้นสุดการรอคอยจริง ๆ กับการได้ดู Beach Fossils อีกครั้ง หลังจากที่สมัยนั้นใหม่มากกับวงการคอนเสิร์ตและเพลงนอกกระแส แม้ว่าครั้งแรกที่พวกเขามาเล่นให้เราดูแบบสด ๆ จะมีความฉุกละหุกเพราะเพิ่งได้สมาชิกใหม่ ทำให้โชว์มีความขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ทั้งพวกเขาและโปรโมเตอร์ต่างก็มีเก๋าขึ้นมากตามประสบการณ์ ซึ่งตอนนั้นถือเป็นโชว์แรก ๆ ที่ Have You Heard? จัดขึ้นมาเลย แต่ก่อนที่เราจะเข้าสู่ช่วงสุดฟินนี้ก็ขอเล่าบรรยากาศตั้งแต่ช่วงแรกของงานก่อนก็แล้วกัน
งานนี้ถือว่าเป็นงานที่ตารางตรงเวลาเป๊ะสุด ๆ เราเข้ามาประจำที่ในฮอลได้พักนึง จนเหลือบมองนาฬิกาที่เข็มบอกเวลา 20.30 น. Safeplanet ก็เริ่มบรรเลง intro เข้าโชว์ของพวกเขากันเลย ใครเคยได้ดูโชว์ของพวกเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็พอจะทราบว่าวงได้ re-arrange เซ็ตโชว์ใหม่บางส่วนให้สีสันของดนตรีแตกต่างออกไปและน่าสนใจขึ้นมา แต่ครั้งนี้ในช่วงแรก ๆ เรารู้สึกว่าซาวด์มีความแปร่งและกีตาร์เพี้ยนอยู่เล็กน้อย แต่ก็มาเข้าที่เข้าทางเอาในเพลงที่สามและสามารถคุมให้โชว์กลมกล่อมได้ตลอดรอดฝั่ง โดยวันนี้พวกเขาได้เล่นเพลง ตัดสินใจ โอยา ดินแดน ระบาย และปิดท้ายด้วยเพลงใหม่ที่เราไม่เคยได้ฟังมาก่อน แต่จังหวะกลองเท่มาก
ต่อกันเลยกับ Her’s วงดูโอ้มากฝีมือจากอังกฤษที่กลายเป็นวงโปรดของใครหลายคนในเวลาอันรวดเร็วเพราะเพลงป๊อปย้วย มีบีตหนุบหนับให้โยกตามได้ งานนี้ถือว่าพวกเขารั่วมากจริง ๆ เพราะเอาแต่คุยเล่น รับส่งมุขกันสองคนบนเวทีอย่างไว ใครเมามีสิทธิ์ตามไม่ทันได้นะคะ ซึ่งเราก็ตามไม่ค่อยทันจริง ๆ นั่นแหละเพราะเพิ่งวงสองก็โดน Jameson Whiskey ไปสองแก้วเรียบร้อย เพลงแรกที่พวกเขาเล่นเปิดเลยก็คือ Cool With You ที่พอเล่นจบก็ถามคนดูเลยว่า ‘ชอบไหม ไม่ชอบหรอก เออ ชอบมั้ง’ ชงเองตบเองอะแก เพี้ยนไหมล่ะ แต่น่ารักมากให้อภัย ต่อด้วย เพลงใหม่ของพวกเขาที่เราไม่เคยฟังในจังหวะกลาง ๆ ซึ่งตอนต้นก็บอกว่า ขึ้นผิดจังหวะ แล้วยังแก้ตัวด้วยการบอกว่า ‘เออ ใคร ๆ เขาก็ขึ้นผิดกันทั้งนั้นแหละ’ พอจบแล้วก็พูดว่า ‘ผมรักคุณ’ เป็นภาษาไทย ทำเป็นวงเกาหลีไปได้นะะะะ แล้วบอกว่าจะเล่นเพลงที่เบสหนึบมาก ๆ และไม่มีดรัมแมชชีน แล้วบอกว่า ให้ส่งสายตาหาคนที่คุณชอบ/สนใจในงานนี้เอาไว้นะ นั่นคือเพลง You Don’t Know This Guy แล้วจึงเป็นเพลงที่ไลน์เบสหนึบสุด ๆ การร้องประสานเสียงก็แสนจะฮาร์โมนิก แล้ววิธีการร้องแบบเสียง vibrate นิด ๆ ก็มีเสน่ห์ชะมัด
พอจบพวกเขาก็บอกว่าต่อไปจะเล่นเพลงที่เร็ว ๆ มาก ๆ นะ 155 bpm ได้ ใครชอบร็อกแอนด์โรลคงจะฟินกันแน่ ๆ กับสโลแกน ‘Speed Sound Sweat’ ซึ่งนั่นคือเพลง Speed Racer ที่สนุกมากจริง ๆ จากนั้นพวกเขาก็คุยให้ฟังอีกว่านี่เป็นครั้งแรกที่มาเล่นนอกประเทศ นอกทวีป เลยไม่รู้วิธีรับมือกับเจ็ตแล็ก แถมอาหารเช้าที่โรงแรมก็ดีมาก ๆ นอกจากจะตลกแล้วยังขายเก่งอีกด้วย ก่อนจะเล่นเพลง What Once Was และพูดว่า ‘แซ้งกิ้ว’ ตอนเล่นเสร็จ โอ๊ยยยย เพลา ๆ มุขหน่อยพ่อคุณ ก่อนจะพูด ‘ขอบคุณครับ’ เป็นภาษาไทยแบบเอาใจกันสุด ๆ และปิดท้ายกันที่ I’ll Try เพลงสนุก ๆ ที่หลายคนชื่นชอบ เอาจริงว่าวงนี้ฝีมือดีมาก การเล่นเบสและกีตาร์รวมถึงการร้องและเอนเตอร์เทนคือไร้ที่ติ เรียกเสียงฮาครืนจากคนดูได้ตลอดทั้งโชว์จริง ๆ เสียดายที่คนไม่ค่อยเต้นกันเท่าไหร่
แล้วเวลาก็เดินทางมาถึงวงสุดท้าย ไม่รู้คิดไปเองไหมแต่รู้สึกว่าโชว์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ปุบปับก็ 22.40 แล้ว ได้เวลาที่ Beach Fossils วงที่พวกเรารอกลับมาขึ้นเวทีให้ได้ดูอีกครั้ง ตอนที่วงขึ้นมาซาวด์เช็กครั้งสุดท้ายก็มีแฟนเพลงกรี๊ดให้เป็นระยะ ๆ จนกระทั่งพวกเขาพร้อมแล้ว เมื่อ intro เริ่มบรรเลง ความเคว้งคว้างชวนฝันโอบอุ้มเราทันใด บรรยากาศเก่า ๆ ก็ flash back กลับเข้ามาทันที บอกตรง ๆ เลยว่าขนลุกมาก ดัสติน ทอมมี่ แจ็ค มาประจำที่ตรงหน้าเราและเริ่มเล่นเพลง Generational Synthetic และเป็น Shallow ที่พวกเราคุ้นเคยแบบติดกันไม่ทันให้พักหายใจ แฟนเพลงด้านหน้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับเราพอได้ยิน intro ของเพลงก็พร้อมในกันกรี๊ดและร้องกันสุดเสียง
เมื่อจบเพลง ดัสตินร้องนำก็พูดกับคนดูว่านี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาได้กลับมาที่นี่ รู้สึกดีมาก แล้วจึงเล่นเพลง Youth โห ช่วงนี้คือจัดให้แต่เพลงฮิตในอดีตกันเลย เช็กอายุกันไปนะฮะ ตามมาด้วยเพลงน่ารักจากอัลบั้มล่าสุด Somersault อย่าง This Year โดยก่อนเริ่มเล่นก็มี intermission เพราะ ๆ กันด้วย เรียกว่าดีไซน์โชว์กันมาจริงจังมากทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ต่อกันที่ Down the Line กันเลย ด้วยจังหวะกลองสุดเร้า และไลน์เบสที่โดดเด่น แค่ต้นเพลงแฟน ๆ ก็ร้องโหวกเหวกพร้อมเต้นกันแล้ว ตามมาด้วยเพลงที่ได้อิทธิพลจาก chamber music ขนาดหนักอย่าง Saint Ivy ก่อนที่พวกเขาจะพักคุยกับคนดูอีกครั้ง
เขาบอกว่า ตอนมาที่กรุงเทพ ฯ เมื่อหลายปีก่อน เป็นโชว์แรกของทอมมี่กับแจ๊คที่มาเล่นในนาม Beach Fossils เลยนะ ดังนั้นเพลงต่อไปที่พวกเขาจะเล่นก็พิเศษหน่อย เป็นงานที่ไม่ได้เล่นมาตั้งแต่ปี 2011 แต่มีแฟนเพลงถามถึงตลอด เลยเอามาใส่เป็นไฮไลต์ของทัวร์ครั้งนี้ โห พอ intro เพลงขึ้นนี่เรากรี๊ดสุดเสียงเลย เพราะเป็นเพลงที่ทำให้รู้จักกับวงนี้จริง ๆ อย่าง Adversity คือรอบที่แล้วรอให้เล่นแต่พวกเขาไม่เล่น รอบนี้หยิบมาเล่นในสภาพที่วงพร้อมกว่า เก๋าประสบการณ์กว่ารอบที่แล้วมาก ๆ ยิ่งทำให้เพลงขลังขึ้นเยอะเลย จบจากเพลงนี้ก็เป็นเมโลดี้คุ้นหูสดใสตลอดกาลอย่าง What a Pleasure มีแฟนเพลงบางคนร้องตามเมโลดี้กีตาร์ไปด้วย จากนั้นจึงเป็นเซิร์ฟร็อกออริจินัลจากงานชุดแรก Vacation ก่อนจะกลับมาที่งานชุดล่าสุดที่ได้อิทธิพลไซคีเดเลียมาเต็ม ๆ นั่นคือ Be Nothing ฟังในอัลบั้มเราว่าเฉย ๆ แต่พอฟังสดแล้วขลังมาก หลับตาฟังแล้วมันเคว้งคว้างล่องลอยผ่อนคลายมากเลย แล้วก็มีท่อนที่เร่งจังหวะให้ได้ดีดกันขึ้นมาบ้าง ก่อนจะเป็นท่อนที่ดรอปลงมาให้เยื้องย่างกันอีกครั้ง กลายเป็นเพลงที่ชอบที่สุดของ Beach Fossils ไปแล้ว ตามด้วย Calyer ที่ intro เขาชัดมาก แค่ขึ้นมาคนก็กรี๊ดกันอีกแล้ว ก่อนจะเป็นอีกเพลงที่ชอบที่สุดของเรานั่นคือ Sleep Apnea ไม่คิดว่าจะเล่นด้วยเพราะเพลงมันช้ามาก เยื้องย่างมาก แต่เพราะสุด ๆ ไปเลย มีความแอบน้ำตาซึมระหว่างฟังเบา ๆ ก่อนจะกลับไปมันกันต่อใน Careless ที่กีตาร์พุ่งมากแบบโยกคอจะเคล็ด แล้วพวกเขาก็ลงเวทีไป ทิ้งให้มีแต่ backing track เวิ้งว้างสุดไพเราะบรรเลงต่อไป
งานนี้ดีอย่างนึงตรงที่คนดูที่อยู่รอบ ๆ เราเป็นแฟนตัวยงของวงกันหมดเลย ทุกคนพร้อมใจกันโห่ร้องเรียกให้วงกลับขึ้นมาทันใดไม่มีลีลา จนกระทั่งพวกเขากลับขึ้นมาอีกครั้ง ทอมมี่เขวี้ยงผ้าขนหนูซับเหงื่อให้คนดูก็มีการชุลมุนอยู่เล็กน้อย แล้วจึงเล่นเพลง Sugar ต่อด้วย Clash the Truth และปิดท้ายกันที่เพลงที่ทำให้หลายคนรู้จักกับพวกเขาจริง ๆ นั่นคือ Daydream จุดนี้คือตายได้แล้ว เพราะงานนี้ขนเพลงฮิตและเพลงใหม่มาเล่นแบบหมดแม็กจริง ๆ แล้วพอหมดแม็กก็ยังไม่พอ คนดูยังติดลม อีวงก็ดีใจ คือดัสตินก็บ่น ๆ ว่านี่เป็นทัวร์แรกในชีวิตที่มีความพัง เพราะนางป่วย แต่ถึงป่วยนางก็แฮปปี้อะนะ คนดูมีความสุขงั้นเขาก็จะสุด ๆ ไปเลย แต่ในเมื่อไม่มีเพลงแล้วเขาเลยหยิบ Wonderwall ของ Oasis มาเล่นซะงั้น ตลกมาก พีคมาก ทีแรกเขาถามว่าจะมีใครขึ้นมาร้องด้วยกันไหมสุดท้ายก็ไม่มี เลยจัดเอง แต่แล้วก็มีคนช่วยร้องกันทั้งฮอล ระหว่างนั้นก็มีการแจกปิ๊กกีตาร์และเซ็ตลิสต์ให้แย่งชิงกันวุ่นวายทีเดียว
จบไปแล้วกับโชว์ที่เราคาดหวังสุด ๆ ว่า Beach Fossils จะกลับมาแก้มือ และครั้งนี้พวกเขาก็ทำได้อย่างงดงามจริง ๆ แถมยังเอาเพลงโปรดมาเซอร์ไพรส์ถึงหลายเพลง วงก็น่ารักกับคนดูมาก ๆ เหมือนว่าพลังงานติ่งอย่างเรา ๆ ส่งไปถึงพวกเขา เขาเลยให้ใจกลับมาเกินร้อยเลย รวมถึงวง Her’s ที่เราไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ performance ที่ออกมาก็ทำเอาเราเซอร์ไพรส์สุด ๆ เหมือนกัน ทั้งน่ารักทั้งเก่งงี้เอาใจไปเลยจ้า เชียร์ให้ทำอัลบั้มสองอยู่นะ ส่วน Safeplanet ก็เอาใจช่วย เดี๋ยวจะไปซ้ำที่งาน Chang Music Connection presents “Crossplay 2 Concert” บ่ายนี้ที่ดาดฟ้า Fortune Town ก็แล้วกันเด้อ