ระเห็ดเตร็ดเตร่

ART GROUND / the Jam Factory Magazine

  • Writer: Montipa Virojpan

3 เมษายน 2559

วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา The Jam Factory Magazine ได้จัดงาน Art Ground งานแสดงศิลปะประชาชน และตลาดนัดงานศิลปะประจำปี ที่เป็นคอมมูนิตี้น่ารักสำหรับคนที่สนใจงานสร้างสรรค์ ได้มาเปิดประสบการณ์จากทั้งงานศิลปะ ดนตรี และเวิร์กช็อปต่าง ๆ พร้อมเลือกชิมอาหารมากมายในกับบรรยากาศสุดชิลล์ของพื้นที่ในโครงการ The Jam Factory ซึ่งงานนี้ก็เปิดโอกาสให้ศิลปินได้จัดแสดงผลงานและมีคนมาเลือกซื้อผลงานได้อีกด้วย

ทางฟังใจก็ได้ไปเปิดบูธกิจกรรมให้ผู้เข้าชมงานร่วมสนุกกับไพ่ยิปซีทายใจของเรา ซึ่งก็มีผู้ให้ความสนใจกับกิจกรรมและทางฟังใจจำนวนหนึ่ง ส่วนเราเองก็ได้ไปในวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จัดงานนี้

Art Found

Art Found

บรรยากาศตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้าฝั่งตลาดคลองสานถูกตกแต่งไปด้วยธงสีสันสดใสน่ารักตามธีมงาน ประดับประดาด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ เหมือนงานแฟร์ที่ดูอบอุ่น เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดก็จะพบกับ food truck และซุ้มของศิลปิน นักวาดภาพประกอบที่กำลังเป็นที่จับตามองหลายท่าน อาทิ Lolay, Tuna Dunn, be > our > friend, Kanith, Pomme Chan ที่มี live drawing จัดแสดงและจำหน่ายงานศิลปะของพวกเขา และถ้าเข้าไปที่โซนด้านหน้า The Never Ending Summer ก็จะเป็นซุ้มขายอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกสรรละลานตา ส่วนพื้นที่ระหว่าง The Never Ending Summer และ The Summer House Project ก็เป็นโซน Art Found หรือบริเวณจัดแสดงงานศิลปะอีกจุดใหญ่ที่จัดเป็นนั่งร้านขนาดยักษ์ต่อขึ้นไปสองชั้น ให้ผู้เข้าชมงานเดินดูผลงานของศิลปินทั้งไทยและเทศไม่ว่าจะเป็น juli baker and summer, LoveSyrup, sil.ver.wa.ter และอีกมากมาย ในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย

สำหรับเวทีแสดงดนตรีหรือ Art Sound ก็ถูกจัดไว้ที่สนามหญ้าหน้าร้านหนังสือ Candide มีศิลปินอะคูสติก โฟล์ค นอกกระแสที่น่าสนใจมาแสดงดนตรีตลอดทั้ง 3 วัน โดยวันแรกเป็นโชว์ของ Youth Brush, Freehandและ Moving and Cut ส่วนวันที่สองเป็น Stoondio, ไมค์ ศรีเวียงพิง, ภูมิ วิภูริศ และ จีน มหาสมุทร ส่วนวันสุดท้ายที่เราได้ไปดูก็มีโชว์ของ Kingkong and the Chum, The Rovers, จินตะ และ เล็ก สุรชัย กิจเกษมสิน ซึ่งเรามีโอกาสได้ไปนั่งฟังโชว์เต็ม ๆ ของสองวงหลัง จะขอถือโอกาสเล่าบรรยากาศช่วงนั้นให้ได้อ่านกัน

งานนี้ค่อนข้างจัดคิวแสดงได้ตรงเวลา เราเลยได้ดูโชว์ของแต่ละวงตามตารางไม่ผิดเพี้ยน ทุ่มครึ่ง จินตะ ก็ขึ้นเวทีกันแบบครบวง และหยิบเพลงที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกจากเพลง เด็กผู้หญิงกับฝนมวลเบาด้วยสไตล์การเล่นที่ผสมผสานโฟล์ค ร็อก แอมเบียนท์ และการร้องเอื้อนหรือใช้ทำนองแบบเพลงไทยเดิมแบบมีพลัง ทำให้ผู้ชมขนลุกไปตาม ๆ กัน จากนั้นก็เป็นเพลง เกสรดอกไม้ ต่อด้วยเพลง มาร ที่ดนตรีและเนื้อดำมืด เข้ากับอากาศที่ตอนนั้นลมแรงเหมือนพายุจะเข้า แล้วจึงปิดท้ายด้วยเพลง ฝิ่นหนาว ที่หลายคนพร้อมใจกันร้องท่อน “ฉันถูกยิงตาย” อย่างพร้อมเพรียง

View From the Bus Tour

View From the Bus Tour

แต่ด้วยความที่โชว์ของจินตะจบก่อนเวลา จึงมีช่วงให้มีศิลปินอีกคนขึ้นมาเซอร์ไพรส์ นั่นคือ เฟนเดอร์ จาก Solitude is Bliss หรือที่เขาใช้ชื่อโปรเจกต์เดี่ยวว่า View From the Bus Tour ขึ้นมาเล่นเพลง กระดาษ, 4:00 AMและปิดท้ายด้วย Paranoid Android ของ Radiohead โดยเล่นในสไตล์ที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นเฟนเดอร์อย่างเต็มเปี่ยม ก่อนที่จะเป็น เล็ก วงพราว ที่มามอบความสุขให้กับแฟนเพลงอย่างต่อเนื่องกว่าชั่วโมง ด้วยเพลงจากวงพราว ผลงานเดี่ยว ซึ่งก็มีเพลงที่จะอยู่ในอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยในอีกไม่นาน และเพลงที่ร่วมงานกับศิลปินคนอื่น ๆ ทั้ง อย่าสัญญาของ ธารินี ธิวารี, เปิดใจ, โลกไม่ได้มีแค่เราสองคน, โดดเดี่ยวในโลกกว้าง, วันไร้สมอง, ปล่อยไป, ละคร, โลกแห่งดนตรี, ไปคนละทาง, เธอคือความฝัน, เมื่อรู้สึกว่ารัก, ความรู้สึก, ตลอดไป, เพราะ(ฉัน)มีเพียงเธอ, ไม่เคยเปลี่ยน และคัฟเวอร์ Creep ของ Radiohead หรือ กลับมา ของ 2 Days Ago Kids ตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ เพลินมากจนเมื่อมารู้ตัวอีกก็เกือบจะสี่ทุ่มครึ่งได้แล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือบรรยากาศในงาน Art Ground by The Jam Factory Magazine ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานใหม่ที่น่าจับตามองอีกงานเพราะศิลปะทุกแขนงได้ถูกรวมไว้ที่นี่ โดยบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงงานเหล่านี้ได้ง่ายกว่าที่เคยและไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย น่าเสียดายที่สองวันแรกไม่ได้มา เพราะรู้เลยว่านี่เป็นอีกโปรเจกต์ที่น่าสนับสนุนให้จัดอีกเรื่อย ๆ เพราะงานนี้มีแนวโน้มที่จะผลักดันวงการศิลปะและดนตรีนอกกระแสให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้ในระดับนึงเลยทีเดียว

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้