after hour

Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

After Hour : The Velvet Underground Tribute Night อบอุ่นไปกับเพลงที่เราคิดถึง

  • Story and photos by Montipa Virojpan

เมื่อวานนี้เราไปงาน After Hour: The Velvet Underground Tribute Night ที่ F. Orange บาร์เล็ก ๆ ย่านพระโขนงมา ปกติเราจะเคยเจอแต่งานทริบิวต์ The Beatles หรือ Nirvana กันอยู่บ่อย ๆ ใช่ไหม แต่คราวนี้น่าสนใจตรงที่ทุกคนจะมาเล่นเพลงของ The Velvet Underground วงสุดเท่จากยุค 60s ให้ได้ฟังกันตลอดทั้งคืน และแต่ละวงที่มาเล่นก็เป็นแฟนตัวจริงของวงนี้กันทั้งสิ้น ทั้ง แดเนียล ดิษยะศริน กร Fwends พัด Zweed N’ Roll เอ้ Beagle Hug แป๋ง Yellow Fang วง Dara Rasmi, Hariguem Zaboy และดีเจทัต Basement Tape กับ แตม Horoza แค่ชื่อก็น่าสนุกแล้ว

20 กันยายน 2562

เรามาถึงตั้งแต่ทุ่มครึ่ง ยังไม่ค่อยมีผู้ชมเข้ามาเท่าไหร่นัก DJ Tam จากปาร์ตี้ดูดวงน้องใหม่มาแรง Horoza มาเปิดเพลงบิลด์กันก่อน จากนั้นประมาณใกล้ ๆ สามทุ่ม DJ Tat หรือทัต Basement Tape ก็ขนคอลเล็กชันแผ่นเสียงมาเปิดเพลงแรร์ๆหาฟังยากให้เราได้ฟังกันเพลงเท่มากแต่เราไม่คุ้นเพลงจากวงไหนเลยว่าจะไปขอเซ็ตลิสต์จากเขาอยู่

จากนั้นสามทุ่มครึ่ง Daniel Ryn หรือ แดนเนียล ดิษยะศริน ก็เป็นคนแรกที่จะเล่นทริบิวต์ เขามาพร้อมกีตาร์ไฟฟ้าและเอฟเฟกต์บอร์ด พร้อมเล่นเพลง Here She Comes Now เวอร์ชันนนอยซ์ experimental เดือด ๆ อารมณ์พุ่งพล่าน เป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดไม่ก่อนว่าเขาจะเล่นออกมาทางนี้ ซึ่งสดใหม่สำหรับเรา ก่อนจะชวน เอ้ กุลจิรา มาร้องในเพลง Femme Fetale เป็นการแจมกันแบบไม่ได้นัดหมายมาก่อน เพลินมาก

พอพวกเขาเล่นจบ พัด Zweed N’ Roll ก็มาเตรียมตัวกับมือกีตาร์อีกคน ตอนนี้ในร้านคนเริ่มตบเท้าเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ บรรยากาศคึกคักเนืองแน่นทำให้บางคนต้องลงไปนั่งกับพื้นกันแล้ว พัดเปิดมาด้วยเพลง Pale Blue Eyes เพลงเหงา ๆ ของวงที่เหงาพอ ๆ กับเสียงของพัด ต่อด้วย Sunday Morning เพลงสุดสดใสที่พอพัดร้องแล้วก็เหงาอยู่ดีฮ่าแต่เพราะมาก ๆ

ประมาณสี่ทุ่ม กร จากวง Fwends มาพร้อมคีย์บอร์ดซินธิไซเซอร์ของเขา ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เหมือนกันว่าแต่ละคนที่มาเล่นงานนี้ อุปกรณ์นี่คาดเดาไม่ได้เลย แล้วเขาก็ได้ เมย์ ชูชีวา มาร่วมร้องแบบไม่ได้เตรียมตัวกันด้วย จัดไปกับเพลงแรก All Tomorrow’s Parties เมย์มาประสานเสียงน่ารักมาก แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่กรได้ร้องเพลงก็ว่าได้ ก่อนที่เขาจะโซโล่ในเพลง Heroin เป็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การได้ฟังเสียงซินธ์ฟุ้ง ๆ ทดลองหน่อย ๆ ในเพลงของ The Velvet Underground ก็เท่ดีเหมือนกัน

แล้วก็เป็นคิวของ ตั้ม Dara Rasmi ที่เขาชวน เอ้ กุลจิรา มาร้องด้วยเหมือนกันในเพลง Who Loves the Sun ทรงแบบกีตาร์นอยซ์ การาจ พังก์ ๆ เท่ ๆ เล่นแบบสาด ๆ ดิบ ๆ ซึ่งเอ้ก็ได้ร้องในท่อนหลัง คนดูก็ช่วยร้องท่อน ‘ปาปับปับปา who loves the sun’ กันอย่างพร้อมเพียงเป็นกันเอง

เกือบห้าทุ่ม จ้า และ ณป่าน Hariguem Zaboy ก็มาพร้อมอุปกรณ์ เครื่องดนตรี ของเล่นเยอะแยะมากมาย ชอบมากที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามความคาดหมาย พวกเขาเซ็ตสแนร์ เอาผ้ารองหน้ากลองไว้ด้านหน้า พอพร้อมแล้ว ณป่านก็สาดซาวด์กีตาร์ ใส่เอฟเฟกต์ เปิดลูปเล่นเลี้ยงไปเรื่อย ๆ ส่วนจ้าก็เริ่มตีกลองเป็นลูปวน เปิดมาในเพลงเท่ ๆ Lady’s Godiva Operation เป็นอะไรที่ชวนโยกมาก เพลงนี่อย่างเอาเรื่อง แล้วก็มีการร้องผ่านเครื่องอะไรซักอย่างที่ทำให้เสียงออกมาเหมือนจากในวิทยุสื่อสาร เท่ไป๊ ต่อด้วย I’m Set Free ที่คนดูก็ช่วยร้องตาม และเพลงที่เป็นชื่อเดียวกับงานที่จัดวันนี้อย่าง After Hours ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เล่นออกมาได้เท่มาก ขนลุกเด้อ

จากนั้นก็เป็น แป๋ง Yellow Fang ที่ชวนจ้า Hariguem Zaboy อยู่ตีกลองต่อในเพลงเท่ ๆ Venus In Furs ซึ่งเพลงนี้จริง ๆ แล้วเหมือนเราเคยได้ดูใครสักคนในแก๊งแพนด้า ไม่แน่ใจว่าชาวกึ่มหรือเปล่า เคยเล่นไว้เท่มาก ๆ เหมือนกัน ซึ่งในคืนนี้แป๋งกับจ้าก็โชว์ความเท่ไว้แบบที่เราคาดไม่ถึง จบเพลงแป๋งเล่าให้ฟังว่า รู้จักวงนี้ครั้งแรกจากเพลง Walk On the Wild Side ซึ่งเป็นงานของ Lou Reed ที่ The Tribe Called Quest เอาไปทำใหม่ แต่ที่มาของเพลงที่ได้ยินคือมาจากช่อง Fashion Channel แต่จากตรงนั้นเองก็ทำให้เธอติดใจความเท่และไปหา The Velvet Underground ฟังต่อ ด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นเพลงที่คนอายุ 20 ต้น ๆ ฟังแล้วจะรู้สึกว่าเท่มาก ๆ (ฮา เห็นด้วยนะ) จากนั้นแป๋งก็เล่นเพลง The Fairest of the Seasons ซึ่งเราไม่เคยได้ยินแป๋งร้องอะไรแบบนี้มาก่อน ฟังแล้วยิ้มตาม รวมถึงเพลงสุดท้าย I Found A Reason ของ Nico ที่ชวน พัด Zweed N’ Roll มาคอรัสก็เพราะมากกกกกเสียงแป๋งในเพลงนี้หวานมากขนลุกเลย

After Hour

เวลาประมาณเที่ยงคืนก็เป็นโชว์สุดท้ายของงานนี้กันแล้ว เอ้ กุลจิรา มาประจำที่แบบกำลังกึ่ม ๆ ได้ที่ พร้อมกับเปิดด้วยเพลง I’ll be Your Mirror ต้องบอกว่าเสียงของเอ้สะกดเราได้ตั้งแต่เพลงแรก ก่อนจะตามด้วยเพลงเพราะ ๆ อีกเพลงใน These Days และ Walk on the Wild Side ที่ก็มีคนดูช่วยร้อง ช่วยเชียร์กันอย่างคึกคัก ก่อนที่เพลงต่อไป เอ้บอกว่าเป็นเพลงที่ชอบที่สุดของ The Velvet Underground เลยก็ว่าได้ นั่นคือ Sweet Jane ซึ่งพอจบเพลงนี้ จากที่เห็นผู้ชมบางคนใส่เสื้อลายอัลบั้ม Hi, How Are You ของ Daniel Johnston เธอก็ขอเล่นเพลงของศิลปินต้นแบบของหลาย ๆ คนที่เพิ่งเสียชีวิตไปเป็นการระลึกถึงเขา ในเพลงที่โด่งดังที่สุดของเขาที่ทุกคนใช้ให้กำลังใจตัวเองบ่อย ๆ กับ True Love Will Find You in the End ของเขานั่นเอง และปิดท้ายด้วยการเปิดให้ทุกคน sing along กันในเพลง Perfect Day ของ Lou Reed ก่อนส่งทุกคนกลับบ้าน

After Hour

ชักจะมองข้ามงานทริบิวต์ไม่ได้แล้วสิ เพราะงานส่วนใหญ่จะคึกคัก และเป็นการรวมตัวแฟนเพลงของวงนั้น ๆ อย่างงาน After Hour: The Velvet Underground Tribute Night ก็ถือเป็นงานที่อบอุ่นที่สุดงานนึงเลยก็ว่าได้ทุกคนกลับบ้านไปพร้อมรอยยิ้มจากการที่ได้ฟังและร่วมร้องในเพลงที่ทุกคนชอบจากศิลปินที่ทุกคนได้ฟังเพลงของพวกเขาตอนเด็กๆหรือแม้จะโตมาแล้วก็ยังชอบฟังเป็นงานที่กันเองมากจริงๆ

 

Hariguem Zaboy ปล่อยเพลงเปิดตัวอัลบั้ม 3 สุดจัดจ้าน (She Loves her) Expenzive Hairstyle

โชคดี ที่สุดท้ายฉันได้บอกลา งานเท่ ๆ ล่าสุดจาก Beagle Hug

 

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้