‘ขวัญเอย…ขวัญมา’ บทเพลงแห่งความห่วงหาของ คณะขวัญใจ
- Writer: Piyakul Phusri
- Photographer: Pattana Khunchuen, Jarudet Chailert and คณะขวัญใจ
ว่ากันว่า ศิลปิน มักจะมีอารมณ์อ่อนไหวกว่าบุคคลทั่วไป
และเมื่ออารมณ์อันอ่อนไหวของศิลปินถูกถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะ ก็สามารถสั่นสะเทือนอารมณ์ของผู้เสพงานศิลปะได้อย่างมีพลัง
เรามีโอกาสได้คุยกับ เบิ้ล — ชีวิน โกมารทัต นักร้องนำ มือกีตาร์ และนักแต่งเพลงของวง คณะขวัญใจ วงดนตรีอินดี้โฟล์กที่เรารู้สึกว่าถ่ายทอดอารมณ์เบื้องลึกโดยใช้ภาษาได้อย่างสละสลวยที่สุดวงหนึ่ง และเมื่อได้สัมผัสตัวตนของเขา เราก็รับรู้ได้ทันทีว่า เพลงของคณะขวัญใจถูกสร้างขึ้นโดยอาศัย ‘ใจ’ เป็นจุดกำเนิด ทั้งความเสียใจ สุขใจ เหงาใจ ประทับใจ ไปจนถึง ไม่พอใจ
เปิดใจ เปิดหู และเปิดตา เพื่อรับรู้เรื่องราวในเบื้องลึกของหัวใจของฟรอนต์แมนแห่ง คณะขวัญใจ ไปด้วยกัน
สมาชิก
เบิ้ล—ชีวิน โกมารทัต (เขียนเพลง, กีตาร์, ร้องนำ)
คิง—วิชัยรัตน์ ปรีดี (กีตาร์, คอรัส)
ตั๋น—อดิศร บรบุตร (เบส)
เบ็ด—พงศนาถ บุญแสนแก้ว (กลอง, คอรัส)
ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว
24 ครับ
เรียนจบด้านไหน จากที่ไหน
อ่อ..ผมเรียนไม่จบ ออกมาตอนปี 3 เรียนราชมงคลพระนคร วิทยาเขตโชติเวช สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ
เริ่มต้นเล่นดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าจะเป็นช่วงประมาณ ม.4 ครับ หัดเล่นกีตาร์ เห็นรุ่นพี่เล่นเราก็อยากเท่บ้าง ก็ยืมกีตาร์เพื่อนมาเล่น เพลงแรก ๆ ที่เล่นก็ โลโซ เป็นแฟนโลโซตัวยงเลย ก็หัดเล่นกีตาร์มาเรื่อย ๆ ช่วงหลังก็หัดเล่นคีย์บอร์ดบ้าง พอเล่นเพลงเพื่อชีวิตก็หัดเป่าเม้าท์ออแกนบ้าง จากที่ฟังเพลงไทยก็หันมาฟังเพลงสากลจากที่เพื่อน ๆ แนะนำ และจากพี่เสก (โลโซ) เพราะเราคลั่งไคล้เขา ก็ได้รู้จักเพลงมากขึ้น
เคยเรียนดนตรีไหม
ไม่เคยครับ พ่อเคยสอนกีตาร์ แล้วก็หาหนังสือ ตารางคอร์ด มานั่งจับดูเอง แกะตามหนังสือเพลงแล้วก็เล่นไปเรื่อย ๆ ก็พัฒนาตามขั้นตามตอนของมันมา เล่นด้วยความรู้สึกอยากเล่นอย่างเดียว ไม่ชอบเรียนให้เป็นวิชา เป็นคนชอบอิสระ ไม่ชอบอะไรที่มันเคร่งเครียด
มาฟอร์มวงกันเป็น คณะขวัญใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าจะ 2 ปี แล้วนะครับ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีวงดนตรี ได้ประกวดงานนั้นงานนี้ ตอนแรกเราก็เล่นเพลงคัฟเวอร์เพื่อชีวิต มือกีตาร์ก็เจอกันตั้งแต่เรียนมัธยม พอเราเล่นกีตาร์ก็อยากเขียนเพลงบ้าง ตอนช่วงมัธยมก็เขียนเพลงบ้าง แต่ไม่ได้ใช้อะไร จนมาจับทางได้ว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ที่เป็นตัวเรา
ที่บอกว่าจับทางได้คือตอนไหน
คือ…ประมาณว่าอกหัก เลยลองมาเขียนเพลงดู ก่อนหน้านั้นก็เขียนเพลงแล้วล่ะ แต่ไม่ได้ชอบ ไม่โดนใจ พอมันมีช่วงอกหัก เลยเขียนเพลง ก่อนเคย ตอนนี้ก็ให้ Dhanube กับ Pancho เอาไปทำแล้ว เพลงผมเยอะ ก็แบ่งปันเพื่อนไป
ชื่อวง คณะขวัญใจ มาจากไหน คุณเป็นขวัญใจของใคร หรือใครเป็นขวัญใจของคุณ
เอาจริง ๆ มันมาจากผมเนี่ยชอบเพลงลูกทุ่งเก่า ๆ พวก สายันต์ สัญญา อะไรแบบนี้ แล้วเขาจะมีคำว่า ‘นักเพลงคนใช่ ขวัญใจคนเดิม’ ก่อนหน้านั้นก็ตั้งชื่อมาหลายอย่าง พอนึกอันนี้ออกก็เลยเอาอันนี้แหละ ‘ขวัญใจ’ นี่แหละ จะได้เป็นขวัญใจของทุกคน คือมันไม่จำกัดไง ขวัญใจของใครก็ได้ ขวัญใจชาวบ้าน ขวัญใจใครก็ได้ แล้วคำว่า ‘คณะ’ มันน่าจะมากกว่าคำว่าวง ใครก็เป็นครอบครัวของเราได้ พี่ก็เป็นคณะขวัญใจก็ได้
ตอนเข้ามหาวิทยาลัยผมยังไม่ค่อยอะไรมากนะ ช่วงนั้นตอนเรียนอยู่ก็ค่อนข้างลำบาก ด้วยความเครียด ความไม่ชอบ เราเลยยอมทิ้งอะไรบางอย่าง แล้วมาทำสิ่งที่เราโอเค แบบเราก็วาดรูปได้ ก็ใช้การวาดรูปเลี้ยงชีพ ควบคู่กับเล่นดนตรี ทำไว้ฟังเองบ้าง ลงในเฟซบุ๊กบ้าง
จุดหักเหในการออกจากมหาวิทยาลัยตอนปี 3 คืออะไร
หลัก ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องเงิน และการใช้ชีวิตครับ มันลำบาก และเราก็อึดอัด รู้สึกตัวเองไม่มีความสุข ก็ออกมาทำอะไรที่คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าการที่เราเรียนต่อไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไร บางทีก็รู้สึกว่าถ้าเรียนก็จบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ก็เลยออกมาเลยดีกว่า เขาบอกว่าเราเสียเวลา แต่สำหรับตัวผมคิดว่าถ้าเรียนต่อไปคือความเสียเวลามาก ๆ เสียเวลาทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา ไม่เกิดประโยชน์ แล้วเราก็เป็นทุกข์ เครียดมากเลยนะ ผมเททุกอย่างเลย ไม่ส่งโปรเจกต์ ปิดเครื่องหายหนีไปเลย
พอหันหลังให้การเรียนแล้วหลังจากนั้นทำอะไรต่อไป
ก็ทำงานจุกจิกไปพอให้มันมีรายได้เลี้ยงตัวเอง จ่ายค่าบ้าน วาดรูปบ้าง แต่ไม่ได้เล่นดนตรีในร้าน
เพลงแรกที่แต่ง และร้อง และเผยแพร่คือเพลงอะไร
ก่อนเคย ครับ ตอนนี้ก็ให้ Dhanube ไปแล้ว ตอนปี ’59 ตอนแรกก็มีวงที่มหาวิทยาลัย แต่มันไม่ได้งาน ก็แยกกัน รอนั่น รอนี่ เราก็เลยทำกับ Dhanube สองคนก็ได้ ทำเป็นโฟล์ก ทำเพราะอยากทำไปก่อน ไม่อยากรอแล้ว เพราะเสียเวลาอยู่เหมือนกัน
ที่วงเราเล่นโฟล์กนี่เพราะชอบโฟล์กเป็นพิเศษอยู่แล้วหรือเปล่า
ผมไม่คิดว่าเพลงของผมเป็นเพลงโฟล์กขนาดนั้น มันมีหลาย ๆ กลิ่น มีร็อกบ้าง ลูกทุ่งบ้าง บลูส์บ้าง r&b บ้าง ภาษาที่เขียนเพลงส่วนใหญ่มาจากเพลงลูกทุ่งนะครับ คำอาจจะแปลกหูคนรุ่นใหม่ เป็นคำสวย ๆ คำคล้องจอง อะไรพวกนี้
ถ้าฟังเพลงของคณะขวัญใจหลาย ๆ เพลง จะเห็นว่ามันพูดถึงความคิดถึงอะไรบางอย่าง หรือใครบางคนในเกือบทุกเพลง ตอนแต่งเพลงคุณคิดถึงอะไรอยู่
ตอนนั้นมีแฟน คบกันตั้งแต่น่าจะ ม.6 พอเข้ามหาวิทยาลัยก็มาเรียนด้วยกันจนประมาณปี 2 กว่า ๆ ก็เลิกกัน ก็ดาวน์ เลยเขียนเพลง พอคิดอะไรไม่ออกเราก็คิดถึงเขานะ ในหัวมันไม่รู้จะคิดถึงใคร ก็คิดถึงคนนี้แล้วกัน ก็จะมีเพลงที่เกี่ยวกับเขาเยอะมาก อาจจะไม่เป็นจริงทั้งหมด อาจจะปรุงแต่งบ้าง แต่ความรู้สึกในเพลงคือเป็นเขาเลย อย่างเพลง ในส่วนลึกความทรงจำ ฉันยังอยู่ บางเวลาโคตรคิดถึงเลย และอีกหลายเพลง พอเรารู้สึกอะไรก็เขียน แต่ช่วงหลัง ๆ ผมไม่ค่อยจะเขียนเพลงรักแล้ว เบื่อเพลงตัวเองเหมือนกัน
ดูเหมือนคุณจะเป็นคนเซนสิทีฟมาก
ก็ค่อนข้างจะอ่อนไหวนะ
แล้วพอตอนนี้เป็นนักดนตรีที่ต้องเล่นตามงานโชว์ งานคอนเสิร์ต พอเล่นเพลงพวกนี้ยังคิดถึงความรู้สึกตอนนั้นอยู่ไหม
อาจจะไม่ได้คิดถึงแต่เราก็อินกับเนื้อเพลง ทุกครั้งที่เราเล่นเราใส่อารมณ์ไปกับมัน ฟิลเราล้นอยู่แล้ว บางทีอาจจะเกินเพลงที่ได้ฟัง
เพลง ฉันยังอยู่ ถ้าดูใน YouTube จะเห็นว่ามันอัดในห้องน้ำ ทำไมถึงไปอัดในนั้น
เหมือนจะเป็นเพลงแรกที่อัดแล้วลง YouTube คืออยู่ในมหาวิทยาลัยมันไม่มีที่ไป แล้วน้องเขามีกล้องก็เลยคุยกันเล่น ๆ ว่าอัดให้พี่หน่อย น้องก็ถามว่า ‘อัดที่ไหนดีพี่เบิ้ล?’ ก็มองเห็นห้องน้ำ เสียงมันก้อง ๆ ดี กีตาร์เราก็ไม่ค่อยดัง แล้วกีตาร์เรามันก็ดูโกโรโกโส มันดิบ มันแปลกดี ก็ลองเข้าไปถ่ายดู เป็นห้องน้ำที่เขาไม่ใช้แล้ว ก็ทำด้วยความบ้าบิ่นของเราไป
เพลง จ่าหน้าซองถึงน้องพี่ นี่แต่งมาจากชีวิตจริงด้วยหรือเปล่า
ชีวิตจริงครับ ผมมีน้องสาว เป็นเพลงรักบริสุทธิ์ที่สุดที่ผมเขียน ไม่ได้รักด้วยชู้สาว แต่รักด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เป็นช่วงน้องเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เราก็เป็นห่วง เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมา คือบ้านเราไม่ค่อยบอกอะไรกันตรง ๆ เลยบอกกันอ้อม ๆ แบบพี่เขียนเพลงนี้ให้ เดี๋ยวก็คงจะได้ฟัง ให้รู้ว่าเรายังเป็นห่วง จะได้ไม่ทำอะไรขาดสติ หรือเสียหายขึ้นมา ตอนแรกจะเอารูปน้องสาว แต่ไม่เอาดีกว่า เขิน
ภาพประกอบมิวสิกวิดีโอของคณะขวัญใจ หลาย ๆ เพลงจะเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นคือคนที่เป็นแรงบันดาลใจของคุณหรือเปล่า
คือชอบเขานั่นแหละ แต่เราไม่สมหวัง ส่วนหลัก ๆ ที่เขียนเพลงก็มีผู้หญิงหลาย ๆ คน เราก็จีบเขาไม่ติดหรอก เราก็เขียน จินตนาการบ้างอะไรบ้าง อย่างเพลง รอไม่มีกำหนดการ จนกว่าจะกลับมาพบกัน ก็เขียนถึงคนในรูปประกอบเพลง จ่าหน้าซองถึงน้องพี่ นั่นแหละ
เพลง รอยกระทง นี่เนื้อเพลงเป็นภาษาอีสานเลย แต่งตอนวันลอยกระทงมั้ย?
แต่งก่อนประมาณอาทิตย์นึงครับ ช่วงนั้นมีวง กู่แคน เป็นวงอินดี้โฟล์กของอีสาน ผมก็ฟังแบบเปิดวนเลย ชอบมาก ก็อยากลองเขียนเพลงแบบนี้ อยากนำเสนอวัฒนธรรมโดยที่ไม่เสียความเป็นเรา ก็อัดวันลอยกระทงเลย ชวนเพื่อนชื่อน็อตมาอัดที่มหาวิทยาลัย
ดูเหมือนว่าเพลงของคณะขวัญใจเกือบทั้งหมดที่เราได้ฟังอยู่ก่อนนี้มาจาก home studio หมดเลย
อาจจะไม่ขนาดนั้นครับ อัดกันเป็นเดโม่น้อย ๆ เลย เพลงที่น็อตอัดให้มี ต่ำตม บางเวลาโคตรคิดถึงเลย ในส่วนลึกความทรงจำ สิ่งที่หายไป แต่บางเพลงผมก็ทำเอง อย่าง จ่าหน้าซองถึงน้องพี่ ผมอัดในโทรศัพท์ โหลดแอพมา มันก็อัดได้ประมาณ 5-6 แทรค เพราะเราไม่ได้เสียเงินซื้อมา ตอนนั้นพอมีเพลงเยอะก็อยากปล่อย ไม่ได้หวังว่าจะดัง หลัก ๆ แล้ว ในการทำเพลงทั้งหมด เรารู้สึก และต้องการให้คนที่อยู่ในเพลงฟัง จุดประสงค์เท่านั้นเอง อารมณ์แบบจีบสาวแล้วบอกเล่าผ่านเพลง พอมีคนชื่นชอบ เราก็โอเค เป็นผลพลอยได้ที่ดี
เพลงที่เป็นเดโม่ ถ้าไปดูคอมเม้นท์ใน YouTube จะเห็นหลายคนเรียกร้องให้เอาไปอัดใหม่
แต่พออัดใหม่ บางคนก็บอกว่าอยากฟังอันเก่า ฟิลมันไม่ได้อีก เป็นอย่างนั้นไป เป็นเรื่องที่กังวลอยู่เหมือนกัน เหมือนอารมณ์รักแรกพบอ่ะ พอเจออะไรที่มันไม่เหมือนเดิมความรู้สึกก็อาจจะถอยลง ก็เซ็ง ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ทั้งหมดที่ทำคือทำด้วยหัวจิตหัวใจ ทำด้วยความตั้งใจของเรา
เพลงที่เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนอย่าง คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า ทราบมาว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ
เกี่ยวครับ แต่เป็นแค่ชื่อหนังสือนะ บางคนจะบอกว่าผมเป็นคนอ่านหนังสือ แต่ไม่…ผมเป็นคนไม่อ่านหนังสือ อ่านหนังสือได้แย่มาก แต่ผมจะเป็นคนชอบดู ชอบฟังอะไรที่มันปะทะกับเราแล้วรู้สึกโอเค เราก็จะจำ เอามาประมวลผล แล้วเอามาใช้ ก็ได้ชื่อเพลงนี้มาจากชื่อหนังสือ (‘Lunar Lunatic คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า’ เขียนโดย ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์) คนที่อยู่ในภาพประกอบเพลง จ่าหน้าซองถึงน้องพี่ นั่นล่ะ เขาเป็นคนแนะนำให้ผมลองอ่านเรื่องนี้สิ เราก็ไปหยอด ๆ เขา แล้วเขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือไง เขาก็แนะนำมา ก็รู้สึกว่าชื่อโดนใจเรา แต่ผมก็ยังไม่แต่งเพลงนะ เก็บไว้นาน จำอยู่ในหัว ก็ผ่านไป แล้วช่วงนั้นอยู่ต่างจังหวัด มันเงียบ ดึก ๆ ผมนอนไม่ค่อยหลับ เลยออกมาดูดาว มันไม่มีอะไรทำ มีแต่กีตาร์ ก็ลองแต่งท่อน ‘มอง…ขึ้นบนฟ้า ดวงดาราหลายหลากสี’ เห็นดาวเยอะดี ก็ประดิดประดอยคำให้มันสวยนิดนึง พอได้ปุ๊บ เราก็เข้าห้องมาเขียนเพลงจนเกือบเช้า ‘มอง…จากตรงนี้ ในราตรีที่เงียบงัน’ ก็บรรยายเหตุการณ์ที่เราประสบในตอนนั้นเลย แต่จะใช้คำอย่างไรให้มันคล้องจอง มีที่มาที่ไป และเหตุผล เพราะอย่างบางเพลงที่อาจจะมีคำสวย ๆ แต่พอฟังแล้วผมรู้สึกมันบาง เนื้อหาไม่มีที่มาที่ไป ผมจะซีเรียสเรื่องนั้นมาก เพราะการจะเล่าอะไรแล้วตัวเองแม่งยังไม่เข้าใจ จะไปให้คนอื่นเข้าใจมันไม่ได้
พอถึงท่อนที่มันต้องเปลี่ยนโน้ตแล้ว ก็คิดว่าอะไรดีวะที่เกี่ยวกับท้องฟ้า ดวงจันทร์ ก็เลยนี่แหละ (ดีดนิ้ว) คุณคือดวงจันทร์ มันผุดขึ้นมา เลยเขียนประเด็นนี้ไปเลย ได้เพลง คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า ไปเลย พอได้แล้วเราก็อัดลง YouTube เลย อัดกับโทรศัพท์กาก ๆ พอให้กันลืม ผมอัดมาตอนแรกเป็นคีย์เอ แต่มันสูง ร้องไม่ไหว กลับมากรุงเทพ ฯ เราก็ร้องใหม่ เป็นคีย์จี เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง แล้วก็ลบอันเก่าออก ผ่านไปผ่านมาก็ได้อัดเวอร์ชั่นมาสเตอร์ที่ได้ฟังกันตอนนี้ ตอนนี้เรามีค่ายไง จะเอาเพลงไปแนะนำ ไปเปิดแบบดิบ ๆ เสียงมันก็บางมากเลย ถ้าบางคนไม่ตั้งใจฟังมันก็ไม่สำเร็จแน่นอน เลยต้องอัด มันเป็นเรื่องจำเป็น แต่ด้วยความที่เราทำเดโม่มาก่อน คนก็เลยติดแบบนั้น
ด้วยความที่เพลงของคณะขวัญใจมีภาษาที่สวย จนเราเข้าใจว่าคุณน่าจะเป็นนักเขียนคนหนึ่งเลย แต่จริง ๆ แม้แต่นักอ่านคุณก็ไม่ได้เป็น
ไม่เลย ไม่ใช่หนอนหนังสืออะไรเลย บางทีเขียนเพลงมันก็เป็นเรื่องแปลก มันจะมีคำที่ผุดมาเองโดยไม่ใช่คำทั่วไปที่คนเขาพูดกัน อย่างท่อน ‘มอง…จากตรงนี้’ ถ้าทั่วไปอาจจะใช้ว่า ‘ฉันยืนมองเธออยู่ตรงนี้’ แต่เราเปลี่ยนคำให้มันกระชับและเข้าใจง่าย ต่อกับท่อน ‘ในราตรีที่เงียบงัน’ ก็ให้มันเข้ากัน บรรยายขยายความไปอีกว่าราตรีนี้มันเงียบ ท่อนต่อไป เราจะบอกว่า ‘ยืนอยู่อุดร’ ก็ไม่ได้ ก็เอาให้มันครอบคลุม เป็นดาวเคราะห์แล้วกัน เป็นท่อน ‘ยืนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง’ เราก็เขียนขยายความมาเรื่อย ๆ จนถึงใจความของเรื่อง
ส่วนใหญ่ ทุกเพลงผมเขียนไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง อย่างเพลง ต่ำตม คิดว่าน่าจะประมาณ 15-20 นาที ในการเขียนเพลงนี้
ต่ำตม นี่ถือเป็นเพลงที่หลุดไปจากเพลงอื่น ๆ ของคณะขวัญใจเลย เพราะไม่ได้พูดถึงความคิดถึง หรือ คร่ำครวญอะไรอีกแล้ว
เพื่อนบอกว่า ‘มึงเขียนแต่เพลงรัก ลองเอาเพลงไม่รักบ้างซิ’ ช่วงนั้นมันมีข่าวฆาตกรฆ่าหั่นศพ ก็คลำ ๆ กีตาร์เล่นดู ได้กลิ่นอายมาจากเพลง อย่าเห็นแก่ตัว ของ โลโซ ช่วงนั้นผมฝึกเกาแบบคันทรี่อยู่ เลยได้ริฟฟ์เพลงนี้มาก่อน แล้วใส่เนื้อไปตามไลน์เมโลดี้ที่เราร้อง เพลงนี้เขียนเร็วมาก น่าจะเพราะมันเป็นช่วงที่สังคมมันแย่ หลาย ๆ อย่างมันแย่ แล้วช่วงนั้นในโซเชียลก็มีคำว่า ‘ต่ำตม’ เยอะ ก็เอามาเขียนสรุปเลยว่านี่คือเรื่องต่ำตม ‘สังคมวันนี้ ทุกวันมันเปลี่ยนไป ใจคนโหดร้าย เลวทรามเกินจะทน’ คือแบบ…ไอ้เหี้ย มึงฆ่าคน เรารับไม่ได้ ‘เด็กก็โตไว’ในที่นี้คือเรียนรู้เร็วในสังคมที่มันแย่ มันก็เลยได้รับแต่เรื่องแย่ ๆ ผมก็เลยเขียนพรรณนาไป พูดถึงเรื่องวัฒนธรรม การเมือง การเอาเปรียบ ความเหลื่อมล้ำของสังคม มายำใส่เพลงนี้
ไปทำ official music ของงานอีสานเขียวปีล่าสุดได้อย่างไร
ผมไปงานอีสานเขียวมาเมื่อปีก่อน เป็นปีที่สองที่ผมไป พอไปก็ไปเจอสาวที่เคยคุยกัน แต่ยังไม่เคยเห็นตัวจริง พอเจอแล้วเราก็ช็อตอ่ะ พอกลับจากงานก็เขียนเพลงดีกว่า เรื่องมันปะทะกับเรา ‘สายตาฉับพลัน เหลือบไปพบเธอ สุขใจล้นเอ่อ’ เราก็ช็อตอยู่ในภวังค์เลย กลับจากงานมาก็เขียนเพลงที่ขอนแก่น น่าจะเสร็จในวันนั้นเลย พอกลับมากรุงเทพ ฯ ก็มาใส่กีตาร์ อัดลงเฟสบุ๊ก ผ่านไปซักพัก ก่อนถึงงานอีสานเขียว ผมก็เลยส่งเพลงไปที่เพจอีสานเขียวว่าเรามีเพลง อยากให้ใช้ในงานอีสานเขียว ผมขอบัตรฟรีตลอดชีวิตก็แล้วกัน ขอแค่เนี้ย (หัวเราะ) เขาก็ชอบ แล้วบอกว่าลองแก้อีกซัก 10% เขาให้คีย์เวิร์ดมา เราก็เอามาแต่งเพิ่ม แล้วก็ได้ไปเล่น เป็นงานที่เราดีใจมาก เพราะตอนไปเราก็คิดว่าปีหน้ากูต้องไปเล่นให้ได้ แล้วก็ได้ไปเล่นจริง ๆ
แล้วได้บัตรฟรีตลอดชีวิตหรือยัง?
เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้นะ (หัวเราะ)
จากจุดเริ่มต้นของการทำเพลงเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึก ตอนนี้บางเพลงของคณะขวัญใจมีคนฟังไปแล้ว 3-5 แสนครั้ง รู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจครับ มันไม่ได้มาพรวดเดียวนะ มันค่อย ๆ ขึ้น น่าจะเป็นช่วงที่เพลงนอกกระแสมานะ แล้วเพลย์ลิสต์เราก็เด้งขึ้นไปด้วย ก็ไม่ได้หวังรายได้จาก YouTube ด้วย แต่ถ้ามีก็ดี (หัวเราะ)
ออกเพลงมาก็เยอะแล้ว จะมีอัลบั้มเต็มเมื่อไหร่
กำลังทำอยู่ครับ อยากทำหลาย ๆ อย่าง ทั้งเทป แผ่นเสียง อาจจะไม่คิดว่าทำขาย แต่ทำเป็นศิลปะ เพลงของผมตอนนี้ที่แต่งไว้น่าจะมากกว่า 150 เพลง คิดว่าอัลบั้มน่าจะออกไม่เกินเดือนกรกฎาคม อยากให้เป็นไปได้ เพราะเราจะได้ทำอัลบั้มต่อไป มันยังมีเพลงต่อคิวอีกเยอะมาก ไม่ได้มีแต่เพลงรัก เพลงโฟล์ก อาจจะมีเพลงร็อก ลูกทุ่ง อะแคปเปล่า เราไม่ได้จำกัดกรอบของเพลง สร้างสรรค์ไปเรื่อย ๆ ไม่ให้มันน่าเบื่อ จะว่าพิเรนท์ก็ว่าได้ (หัวเราะ)
มีที่ไหนบ้างที่ไปเล่นแล้วประทับใจเป็นพิเศษ
น่าจะประทับใจทุกที่นะที่ทุกคนตั้งใจมาฟัง บางคนนั่งรถมาไกลเพื่อมาคุยกับเรา มันเป็นเรื่องที่มีความสุขดี แต่บางทีผมก็อารมณ์ไม่ค่อยดี เหวียง ๆ วีน ๆ พวกคนเสียงดัง ไร้มารยาท อะไรแบบนี้เพราะบางทีเราเห็นเพื่อน ๆ เล่น ก็บอกเลยว่า ‘มึงไม่ฟัง ออกไปข้างนอก’ แต่ส่วนใหญ่ก็ประทับใจหลายที่ อย่างน้อยมีคนฟังซัก 2-3 คน ก็โอเคแล้ว อย่างล่าสุดเราไปขึ้นรถเมล์แล้วมีคนมอง เราก็สงสัยว่ามันจะกระทืบเราหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) เขาก็เข้ามาทัก เป็นเรื่องที่ประทับใจ
ทราบว่าเพิ่งแคล้วคลาดจากการเกณฑ์ทหารมาไม่นาน
ครับ ล่าสุดไปคัดเลือกทหารมา ก็คิดว่าถ้ากูไม่ติดจะทำอะไรดี ซึ่งผมไม่ได้จับใบดำ-ใบแดงนะ เขาให้ผมเป็นคนประเภทสอง เขาบอกว่าผมตาเหล่ (หัวเราะ) โอเค รีบเดินไปเลย พอไม่เป็นทหารแล้วเราก็คิดว่าจะจัดงาน มีเพลงอีกมากมายที่อยากให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง และพูดคุยกัน เพราะถ้ารอให้ผมทำจนเสร็จมันน่าจะนานเกินไป เลยชวนมารวมกันก่อน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง อยากรู้อะไรถาม แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ ไปเล่นด้วยกัน
(ชื่องาน คณะขวัญใจมีเรื่องมาโม้ จัดในวันที่ 15 มิถุนายน 2562 รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/events/1105896396265417/)
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ของคณะขวัญใจซักหน่อย
ขอบคุณที่รับฟัง และไม่เปิดหนีไปไหน เพราะในฟังใจมีเพลงเยอะมาก เขามาเจาะจงฟังเพลงเราก็รู้สึกดีและประทับใจ ไม่มีคำอื่นใดนอกจากคำว่าขอบคุณ ก็ฝากติดตามกันเรื่อย ๆ บางเพลงอาจจะเป็นเดโม่อยู่ ก็จะพยายามขนเพลงไปอัดให้ทุกท่านได้ฟัง
ฟังเพลงของ คณะขวัญใจ บน ฟังใจ ได้ที่ https://www.fungjai.com/artists/cheewin22
ติดตามข่าวสารของ คณะขวัญใจ ได้ที่ https://www.facebook.com/KhanaKwanjai/