KESHI ศิลปินอารมณ์ดีมากความสามารถ มาพูดคุยกับแฟน ๆ ฟังใจแบบสด ๆ
- Writer: Montipa Virojpan
- Photos: Universal Music Thailand
ครั้งแรก ที่ Fungjaizine และ Universal Music Thailand ได้จัด virtual interview กับศิลปินที่กำลังมาแรงสุด ๆ Keshi เจ้าของเพลง 2Soon และ Less of You และอีกหลายเพลง ซึ่งนอกจากจะได้พูดคุยกับเขาสด ๆ ผ่าน Zoom แล้ว แฟน ๆ ของ Keshi ส่วนหนึ่งยังได้ meet and greet และได้ฟังเขาเล่นเพลงจาก EP ล่าสุด Bandaids ในเวอร์ชันอะคูสติกแบบจุใจผ่าน Instagram เมื่อเช้าวันนี้ (23 เมษายน 2563)
Casey Luong นักร้อง นักแต่งเพลง อเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ที่เคยเป็นเด็กหนุ่มคนนึงที่เริ่มทำเพลงใน bedroom studio ของตัวเอง และอัพโหลดลง Soundclound จนเพลงของเขาถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์ ความน่าสนใจในดนตรีที่มีส่วนผสมของ lo-fi hiphop ในช่วงแรกของเขาทำให้เขากลายมาเป็นศิลปินสังกัด Island Records (Elton John, The Specials, Fall Out Boy, The Killers) เขาปรับเปลี่ยนสไตล์ดนตรีของตัวเองโดยได้แรงบันดาลใจจากศิลปินดัง John Mayer และเพลงฝั่ง blues, r&B, hiphop และ electronic จนกลั่นกรองส่วนผสมทั้งหมดออกมาเป็น Keshi ที่ปัจจุบันเพลงของเขามียอดสตรีมกว่า 150 ล้าน และมีแฟนคลับทั่วทุกมุมโลก
Keshi’s Fungjai Exclusive Interview with Acoustic Live From his Studio in Houston, Texas
และตอนนี้เรากำลังอยู่กับ Keshi
สวัสดีครับ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า ๆ ผมอยู่ใน home studio ที่ Houston, Texas มีเครื่องดนตรีบ้างประปราย เปียโนอยู่ข้างหลัง มีกีตาร์ด้วย (แพนกล้องให้ดู) เวลาว่าง ๆ ก็ชอบมาขลุกอยู่ที่นี่แหละครับ
ในช่วงกักตัวแบบนี้ทำอะไรบ้าง
ผมเล่นเกมเยอะมาก ๆ ปกติก็เยอะอยู่แล้วนะ แต่พอเจอ quarantine มันยิ่งให้ความรู้สึกแบบ ‘ต้องหาอะไรทำ แต่จะทำอะไรดีวะ’ ซึ่งมันก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่จะเล่นเกม นึกออกไหม แบบ มันจะมีอะไรดีไปกว่าการเล่นเกมอีกล่ะ! ผมก็เลย socialize กับเพื่อน ๆ ผ่านการเล่นเกมเนี่ยแหละ เพราะผมมีเพื่อนอยู่กันคนละที่ คนละเมือง เกมประเภท first person shooting เนี่ยเป็นอะไรที่เหมาะมาก แล้วคุณเล่นเกมอะไรมั้ย (FJZ: Animal Crossing) เออ! ผมก็เล่น แต่นึกออกปะ ผมเก็บหญ้าไม่ได้มา 7 ชั่วโมงแล้ว แล้วผมเป็นพวกที่ต้องมีอะไรให้ขยับ ๆ ตลอด รอไม่ได้อะ ก็เลยชอบเล่น ‘Valorant’ ตอนนี้ฮิตมาก มันคล้าย ๆ เกม ‘CS:GO’ คือเป็น FPS เหมือนกัน
หรือบางทีผมก็ดูซีรีส์ แต่ผมดูรายการอเมริกันไม่ได้ มันชอบยาวเป็นชั่วโมง แล้วผมก็เป็นคนอยู่ไม่สุขอะ รู้สึกว่าต้องไปทำงานอย่างอื่น แล้วถ้าผมนั่งดูรายการพวกนั้นยาว ๆ ก็จะรู้สึกผิด เลยจะไม่ดูอะไรที่ยาวเกินครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้ติด ‘OZARK’ ใน Netflix มาก ๆ โคตรดี! เพิ่งดูไปซีซันแรก 3-4 ตอน คือเวลาผมไปบ้านพ่อแม่ก็ชอบเจอพวกเขานั่งดูกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เลยลองมาดูบ้าง ปรากฎว่าติดว่ะ แล้วก็ชอบดู ‘Terrace House’ เป็น reality show
หลายคนคงคิดว่าผมจะขลุกอยู่แต่ในสตูดิโอแล้วทำเพลง เอาจริง ๆ มันเป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะหาแรงบันดาลใจในช่วงเวลาแบบนี้ ผมออกจากบ้านไม่ได้อะะะะ ไม่งั้นผมก็จะเขียนแต่เรื่องเกี่ยวกับการที่ผมอยู่ในบ้าน มันก็ค่อนข้างเป็นการต่อสู้กับตัวเองนิดนึง ดังนั้น ผมก็เลยต้องเล่นเกม OZARK แล้วก็ทำเพลงครับ
แล้วปกติได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
มาจากหลาย ๆ อย่างเลยครับ เวลาผมเขียนเพลงผมจะแบ่งเป็นสองก้อน คือก้อนเนื้อหา กับดนตรี ถ้าเป็นดนตรีผมจะคิดว่า อยากได้เสียงแบบไหน ชอบอะไร อย่างเวลาผมได้ฟังเพลงของ BROCKHAMPTON โห มันสุดยอดมาก เพลงเขาหลากหลาย มีพลังงานเยอะมาก หลายอารมณ์ด้วย แล้วโปรดักชันก็โคตรจริงจัง ผมรักพวกเขา ส่วนฝั่งเนื้อเพลง ผมเอามันมาจากประสบการณ์ชีวิต ไม่ก็คนใกล้ตัวผม เวลาเขียนจากเรื่องจริงมันดีกว่าการเติมแต่งขึ้นมา เวลาคนมาฟังก็จะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน
EP bandaids มีที่มาจากอะไร ทำไมชอบตั้งชื่อให้เกี่ยวกับการแพทย์ ชีววิทยา อย่าง skeletons ก็ใช่
(หัวเราะ) เออจริงด้วย ผมไม่ทันนึกเลย… จริง ๆ แค่เลือกชื่อเพลงจากใน EP นั้น ๆ มาเป็นชื่ออัลบั้มเพื่อสรุปใจความของ EP นั้น ๆ ครับ อย่าง bandaids เป็นเหมือนไดอารี สิ่งที่ผมกับเพื่อนต้องผ่านในช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิต การเสียเพื่อน การต้องแยกจากคนที่รักมาก ๆ แต่บางทีมันไปกันไม่รอด มันเป็น EP ที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผมเพราะผมเขียนเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ๆ
เพลงอะไรที่เขียนยากสุดใน EP bandaids
นานแล้วเหมือนกัน จริง ๆ ทั้งอัลบั้มมันไม่ได้ยากขนาดนั้น มันแค่ต้องใช้เวลาที่กว่าจะมีแรงบันดาลใจ แต่ alright เป็นเพลงที่ใช้เวลามากสุด
ชอบเพลงของตัวเองเพลงไหนที่สุด
คนถามเยอะมากกก ยากนะเนี่ย 2 soon ละกัน เพราะว่าผมทำเพลง lo-fi มาเยอะมาก ๆ แล้วพอผมเขียน 2 soon ผมอยากลองที่จะหนี lo-fi มาทำป๊อป ตอนที่จะปล่อยเพลงนี้ผมกลัวมาก คนอาจจะคิดว่าเพลงมันแย่ หรือคิดว่าตัวผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเลยว่าจะเก็บไว้ก่อน แต่ผมก็อยากลองเสี่ยงดู เลยปล่อยไป ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก โล่งเลยครับ
คุณเคยเป็นพยาบาลวิชาชีพมาก่อนด้วย อะไรทำให้เบนเข็มมาเป็นนักดนตรี
ผมโดนถามบ่อยมาก แล้วหลายคนชอบคิดว่าผมเป็นพยาบาล แล้วอยู่ดี ๆ ก็กระโดดมาเล่นนักดนตรีเลย ไม่ใช่นะครับ (หัวเราะ) ผมเล่นดนตรีมาตลอด และอยากเป็นนักดนตรีมาโดยตลอด แล้ว John Mayer ก็เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญของผม ผมได้ฟังเพลงของเขาตอนอายุ 14 แล้วทำให้ผมอยากแต่งเพลงขึ้นมา
อันที่จริงผมอยากเรียน Berkley มาก มันเป็นสถาบันดนตรีโดยเฉพาะ แต่พ่อแม่ผมก็ไม่อยากให้ไปเรียนตรงนั้น เขาก็รู้สึกไม่มั่นคงอะนะ ผมเลยเลือกว่าพอจะเรียนอะไรได้บ้าง ก็มาคิด ๆ ดูว่า พยาบาลมันก็เป็นอาชีพที่รายได้แน่นอน แล้วผมก็เข้ากับคนได้ง่าย เอาจริง ๆ ผมไม่รู้หรอกว่าพยาบาลเรียนอะไรบ้าง พอเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่า ‘กูมาทำอะไรที่นี่วะ’ แต่ก็เรียนไปเรื่อย ๆ
พอจบพยาบาลจาก University of Texas ใน Austin แล้วผมก็ทำงานอยู่ปีครึ่ง พอเลิกงาน เสาร์ อาทิตย์ ผมก็จะเอาเวลามานั่งทำเพลงในสตูดิโอ ปี 2017 ตอนนั้นผมรู้สึกว่า จริง ๆ ก็ทำได้ดีนี่หว่า ทำไมไม่มาทำเพลงจริงจังไปเลยวะ ผมเริ่มทำ Keshi เป็นโปรเจกต์เล็ก ๆ ใน Soundcloud เหมือนรอให้เสร็จงานเพื่อจะมาอยู่แต่ตรงนี้ จนปีที่แล้วผมได้ข้อเสนอจาก Island Records ผมตื่นเต้นมาก ก็บินไป ๆ กลับ ๆ นิวยอร์ก แต่ยังไม่ตกลงในทันที คือผมก็กลัวนะตอนเขามาเสนอ แบบ เราจะไม่ตกลงเซ็นสัญญาจริง ๆ หรอ นี่มันคือสิ่งที่อยากทำมาโดยตลอดในชีวิตเลยนะ ถึงมันจะไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยากลอง ทำซักปีนึงให้ได้รู้ว่าการเป็นศิลปินจริง ๆ มันเป็นยังไง
จนมันมาถึงวันที่ผมเพิ่งกลับจากนิวยอร์ก ผมต้องตื่นเช้ามากเพื่อไปทำงานที่โรงพยาบาล แล้วมันแย่ไปทั้งวันเลย ก็รู้สึกว่าพอละ เลยลาออกเลย ตอนไปยื่นใบลาออกผมก็รู้สึกแบบ ‘คิดดีแล้วหรอวะ’ จนตอนออกมาแล้วจริง ๆ ก็ ‘เออ คิดถูกแล้วแหละ’ เลยมาอยู่ตรงนี้แบบทุกวันนี้นี่แหละครับ
เพลง John Mayer ที่ได้ฟังตอนนั้นคือเพลงอะไร
Stop This Train มันเป็นเพลงแบบนี้ (เล่นกีตาร์ให้ฟัง) คือผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้กับกีตาร์มาก่อน พอฟังเนื้อเพลงแล้วผมชอบมาก มันซื่อสัตย์มาก ๆ เลย เหมือนเป็นข้อความที่กลั่นออกมาจากใจ ไม่เหมือนคนที่ทำเพลงป๊อปแล้วพยายามเค้นเนื้อออกมาเขียน เขาร้องเกี่ยวกับชีวิตและการเติบโต ผมไม่เคยได้ยินอะไรที่ลึกซึ้งแบบนี้ มันมี effect กับผมมากและทำให้อยากเขียนเพลงแบบนั้นให้ได้
Keshi เคยเขียนเพลงเกี่ยวกับชีวิตและการเติบโตบ้างไหม
เคยนะ เพลงชื่อ No Fair เป็นอะไรขยุก ๆ ขึ้นมา ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันครับ ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วไม่รู้
ถ้าย้อนเวลาได้ อยากเข้าไปเรียนสาขาอะไรที่ Berkley
โหหห เขียนเพลงมั้งครับ ผมไม่ใช่คนร้องเพลงเก่ง เล่นกีตาร์ก็ไม่ได้เก่งมาก อาจจะพอเขียนเพลงได้ ผมว่าการเขียนเพลงมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำเพลง
เคยคิดว่าจะทำอย่างอื่นไหมนอกจากพยาบาลกับนักดนตรี
ตลอดชีวิตผมรู้สึกว่าเดินผิดทางมาตลอด จนกลับมาเจอสิ่งที่ชอบแล้ว ให้ไปงมหาอีกก็ยากแล้วครับ เหมือนกำลังตอบกวน ๆ นะ แต่ผมคิดว่าคงอยากเปนโปรดิวเซอร์ ผมไม่สามารถทำงานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีได้ครับ
อย่างที่รู้ ๆ กันมาบ้างว่าเมื่อก่อนคุณทำ lo-fi hiphop อะไรถึงทำให้พัฒนาสไตล์เพลงมาเป็น Keshi แบบตอนนี้
คนพูดถึงว่าผมทำ lo-fi hiphop กันเยอะเพราะเดิมที Keshi ทำออกมาแต่แนวนั้น แต่จริง ๆ แล้วมันมีงานที่ผมใช้ชื่อจริง แล้วผมทำแต่อะคูสติก จน lo-fi hiphop มันมา ผมก็อยากจะลองโปรดิวซ์เพลงแบบนั้นดู จะได้รู้ว่าโปรดักชันในการทำเพลงแบบนั้นมันต้องทำอะไรบ้าง จนไป ๆ มา ๆ Keshi มันเลยรวมเอา lo-fi production ผสมกับอะคูสติก มีวิธีการเขียนเพลงแบบดั้งเดิม ว่ากันง่าย ๆ จะเรียกว่าเป็น alternative pop ก็ได้ครับ ผสมหลาย ๆ แนวที่ชอบเข้าไป
แล้วก็พยายามเรียนรู้การทำโปรดักชันจากศิลปินคนอื่น ๆ ทำให้ผมอยากทำซาวด์ที่ต่างออกไปจากที่คนอื่นไม่เคยทำ ตอนนี้ทำ EP ใหม่อยู่ ทำไปครึ่งนึงแล้ว ทุกคนน่าจะชอบชุดใหม่นี้แบบที่ผมชอบนะ มันจะมีเปียโนเพิ่มเข้ามา ผมเพิ่งหัดไปได้ 3 เดือนก่อนเอง มันทำให้ผมเข้าใจดนตรีขึ้นมากกว่าตอนเล่นแค่กีตาร์
เห็นว่ากำลังทำเพลงกับ Rich Brian ด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาทำ Instagram Live แล้วผมเข้าไปดู จำไม่ได้ว่าพิมพ์อะไรไป แค่ใส่อีโมจิ เข้าไป แล้วแฟน ๆ เห็นผมก็พิมพ์ว่า ‘เฮ้ย Keshi อยู่ในไลฟ์ด้วย’ แล้ว Rich Brian ก็แบบ ‘เฮ้ย Keshi มาว่ะ’ เลยให้ผมเข้าไปไลฟ์ด้วยกัน ก็เลยได้คุยกัน แล้วผมก็เอาเพลงผมส่งไปให้เขาฟัง เขาก็เลือกเพลงที่เขาชอบไปทำต่อ ทำงานกันส่งไปส่งมาเหมือนตีปิงปองอะครับ ตลกดี เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อ 10 วันก่อนเอง
อยากเขียนเพลงให้ใครอีก
จริง ๆ ผมเขียนให้ใครก็ได้ครับ แต่ผมเข้าใจว่าศิลปินหลายคนคงอยากจะเขียนเพลงด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เลือกก็อยากเขียนให้ DEAN ครับ อีกคนก็ No Wrong ผมเป็นแฟนเพลงเขาเลย ถ้าได้เขียนให้ขึ้นมาจริง ๆ ก็เหมือนฝันเป็นจริงครับ
Keshi มาจากอะไร คุณเป็นคนเชื้อสายเวียดนาม แต่คนชอบคิดว่าเป็นคนญี่ปุ่น
คือผมมีเพื่อนตอนเด็ก ๆ ที่ผมชอบไปบ้านเขา ตอนนั้นผมน่าจะ ป.6 พ่อแม่เขาเป็นคนญี่ปุ่น แล้วเวลาเรียกชื่อผม จาก ‘Casey’ เขาออกเสียงเป็น ‘Keshi’ ครับ ตอนนี้ก็ยังเรียกผมแบบนั้นอยู่ (FJZ: แล้วพูดภาษาเวียดนามได้บ้างไหม) ไม่ได้เลย สกิลผมแย่มาก ได้แค่นับ 1-10 เคยเรียนเมื่อตอนเด็กมาก ๆ แต่พ่อแม่อยากให้ผมพูดอังกฤษเป็นหลัก ตอน 2 ขวบเขาเลยเลิกสอนเวียดนามไปเลย เขาไม่อยากให้ผมมีสำเนียงติดมา เพราะตอนเด็ก ๆ เราจะซึมซับภาษาไวมาก ก็เลยได้ภาษาอังกฤษแต่ลืมเวียดนามไปหมดเลย… ถามว่าอยากเรียนไหม ม่ายยยย อะ การออกเสียงมันยากไปหมดเลย ผมรู้ว่าการเรียนภาษามันลำบากยังไง
งั้นไหนลองพูดว่าผมรักคุณซิ
‘ผมรักคุณ’ (พูดชัดมากกกก) แบบนี้พอได้มั้ย ได้หรอ เยส! คำอื่นที่ผมรู้ก็คือ ‘สวัสดีครับ’
มีแผนจะมาเมืองไทยไหม รู้มาก่อนไหมว่ามีแฟนเพลงไทยเยอะมาก
เพิ่งรู้เร็ว ๆ นี้แหละครับ แล้วมันทำให้ผมไปไม่ถูกเลย ผมเป็นแค่เด็กเท็กซัส ทำเพลงในบ้านตัวเอง แล้วการที่ผมได้เสียงตอบรับจากทั่วโลกมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ส่วนตอนนี้ยังไม่มีแผนจะไปไหน แต่ผมอยากไปมาก ผมต้องไปให้ได้อะ เพราะรู้ว่ามีคนรอเจอผมอยู่
อยากลองชิมอาหารไทยเมนูไหน
ไม่ได้รู้จักอาหารไทยมากขนาดนั้น แต่เวลาไปร้านอาหารไทยจะชอบสั่งปลาทอดกับซอสพริก มันมีสิ่งนั้นมั้ยนะ (FJZ: ปลาราดพริก)
ฝากอะไรถึงแฟนเพลงหน่อย
ขอบคุณมาก ๆ นะครับทุกคน คอนเสิร์ตเลื่อนไปเยอะมาก ผมหวังว่าสถานการณ์จะกลับมาเหมือนเดิมเร็ว ๆ ผมรอจะออกไปเล่นดนตรีให้แฟน ๆ ได้ฟังไม่ไหวแล้วครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้ รักษาตัวด้วยครับ
ในระหว่างการสัมภาษณ์เขาก็เล่นเพลง Less of You, alright, right here, bandaids และแถม 2Soon ในช่วงท้าย ให้แฟน ๆ ได้ฟินกันไปเป็นแถบ ๆ กับความน่ารักและมากความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้
ขอบคุณ Universal Music Thailand ที่ติดต่อ Keshi ให้มาพูดคุยกับชาวฟังใจ ได้อย่างราบรื่น สำหรับ live video ยังสามารถเข้าไปดูได้ที่ @hellofungjai ส่วน Fungjai Instagram Live ครั้งต่อ ๆ ไปจะได้พบกับใคร ต้องรอติดตามกันให้ดี ๆ นะ