อุ่นเครื่องก่อนให้ร้อน เตรียมฟังอัลบั้มเต็มจาก The Ginkz ปลิงดอง เร็ว ๆ นี้
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Jarupong Jarana
ปลายปี 2010 วงการดนตรีอินดี้ถึงกับสั่นสะเทือนเมื่อได้ยินเพลง ปลิงดองและได้รู้จักกับพวกเขา The Ginkz
“ตอนนั้นทำกับ ยู กันแค่ 2 คน จากโปรเจกต์ทำเพลงเล่น ๆ ก็มีคนมาชวนไปเล่น จนต้องชวนเพื่อน ๆ คนอื่นมาฟอร์มวงด้วย เรามีความคิดตั้งต้นแค่จะทำเพลงที่มีทำนองสละสลวย แต่อยากเขียนเนื้อเพลงให้เป็นประโยคแปลก ๆ เพราะอยากแกล้งคน และพิสูจน์ความเชื่อที่ว่าคนไทยฟังเพลงแค่ที่เนื้อหา ถ้าเนื้อโดนก็จบ ดนตรีช่างมัน เราก็เลยทำพาร์ตดนตรีให้โอเค แต่ร้องไม่เป็นภาษา จะได้รู้ว่าคนฟังดนตรีกันจริง ๆ หรือเปล่า” วินพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ส่วนดนตรีมันคือการผสมสิ่งที่ชอบในเพลงเพลงเดียว อยากใส่อะไรก็ใส่ แต่ว่ามันมีแกน มีหัวใจของมันอยู่ในเพลง คือร็อก ไม่ได้เละเทะ มั่วออกมา เวลาทำเพลงผมก็จะขึ้นโครงก่อน บางทีก็ได้จากจุก”
แต่กลายเป็นว่าคนติดกับเนื้อเพลงแผลง ๆ ของพวกเขาไปซะอย่างนั้น แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีเพลงทยอยปล่อยออกมาทั้ง จ๊อบเดโม่ วันนั้นของเดือน โน้ตที่ใช้ในวันที่ช้ำ และเอกรักจอย
“หรืออย่าง โน้ตที่ใช่ในวันที่ช้ำ ผมทำกับนิก สมาชิกเก่าผู้ล่วงลับไปแล้ว มันมีท่อน ‘โอ้โหว่ว โน่ว’ คือมีโน้ตมา แล้วหลังจากนั้นค่อยหาหัวข้อว่าจะพูดเรื่องอะไรกันดี คือมีเรื่องนี้อยู่ เราจะระบายสีมันต่อยังไงให้เข้ากับเรื่องนี้ แล้วเราไม่ได้กำหนดทิศทางเพลง ไม่จำกัดแนว มันเลยออกมาเป็นแบบนี้” วินเล่าต่อ
“เป็นการสร้างอารมณ์โดยไม่มีกรอบ สำหรับเรามันจำเป็นที่เพลงจะต้องไปในแนวอย่างนั้น เลยทำให้วงของเรามีกรอบน้อยมาก” อ๊อฟเสริม
จนในเพลง เอกรักจอย ที่มีคนผ่านมาเจอของดี หยิบไปทำเพลงประกอบภาพยนตร์ เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ ในชื่อเพลง แค่เธอคนเดียว ร้องโดย โจ๊ก So Cool หรือ บร๊ะจ้าวโจ๊กนั่นเอง
“ส่วนตัวผมไม่ได้คิดอะไรครับ เพราะว่า ได้ตัง (หัวเราะ) ก็รู้สึกดีแหละครับที่ได้ไปอยู่ในหนัง เอกรักจอย เป็นเพลงที่ทำมากวนประสาทเพลงตลาดเฉย ๆ เหมือนจิกกัดเนื้อเพลงรักทั่วไปที่เนื้อร้องจะประมาณนี้ ไม่ได้จะทำให้มันดัง” วินเล่า
“ทำออกมาขำ ๆ ครับ แต่ละเพลงที่ออกมาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเชื่อมโยงกัน แต่ต่อไปในอัลบั้มจะมีการวางแผ่นให้เรื่องราวเกี่ยวเนื่องกันแล้ว”
ใช่ ทุกคนไม่ได้อ่านสิ่งที่อ๊อฟพูดผิดซักนิด The Ginkz กำลังจะมีอัลบั้มเต็ม แต่ในอัลบั้มนี้จะไม่มีหลาย ๆ เพลงที่เคยปล่อยออกไป แล้วมันจะเป็นเพลงแบบไหนล่ะ
“ตอนแรกคุยกันเล่น ๆ ว่าจะชื่อ ข้าวสาร ไม่ก็ชื่อ เอิบ คือข้าวสารเป็นที่เล่นดนตรีประจำของนิกผู้ล่วงลับ ส่วน เอิบ เป็นเสียงเรอของนิกครับ แค่อยากระลึกไอ้นิกเฉย ๆ ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเอาชื่ออะไร ทั้งหมดมี 10 เพลง ที่ทำอัลบั้มเพราะเราไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที ปล่อยแต่เพลงเดี่ยว ๆ ออกมาเลยคิดได้ว่า เออ ลืมทำอัลบั้มว่ะ (หัวเราะ) แล้วคนจะคิดว่ามันเป็นแนวสะเปะสะปะ ถ้าออกมาเต็ม ๆ คนจะได้พอเข้าใจว่าโทนของวงคืออะไรกันแน่ นี่ก็กำลังทยอยอัดทั้งหมดอยู่” วินเล่าให้เราฟังถึงที่มาของอัลบั้ม “The Ginkz คือการที่ทุกคนเอาส่วนที่ตัวเองมีมาผสมกันจนกลายเป็นหนึ่งเพลง ใน 10 เพลงอาจจะมีแนวไม่เหมือนกัน จะหมอลำ จะป๊อปร็อก แต่ใน 10 เพลงนั้นมันจะมีความกิ๊ง มีกลิ่นที่เป็น The Ginkz อยู่
แล้ว คำว่า กิ๊ง มันคืออะไร
บูม: ผมไปโบสถ์กับเพื่อนสมัยเด็ก แล้วในโบสถ์มีคนที่สติเกินมาก ๆ เขาก็นั่งรออาหารอยู่ แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีเหรียญหล่นจากกระเป๋าเขา เสียงดัง กิ๊ง
วิน: กิ๊ง เลยเป็นคำนิยามของคนที่เกิน หรือไม่เต็มบาท แต่คนในวงเราน่าจะเกิน (หัวเราะ)
อ๊อฟ: คือเพลงของเราเนี่ย พอคนฟังแล้วจะไม่สามารถจับทางได้เลยว่ามันคืออะไร มันคือความสนุกตรงนี้ เราอยากทำเพลงที่เคยทำไว้ให้เสร็จสมบูรณ์ มันคือความเต็มที่ในความประหลาด ไม่มีเรื่องเล่าที่ธรรมดาสักเพลง
วิน: มีเพลงนึงชื่อ ยามอ่อนล้า คอนเซปต์มันคือเราไปเจอยามคนนึงที่หน้าฟู้ดแลนด์ กำลังหลับอยู่ (หัวเราะ) ก็หยิบมาเล่นในเพลงประมาณว่า ยามที่คุณอ่อนล้า ยามที่คุณไม่มีแรง พรุ่งนี้ยังมีแสงอาทิตย์บนท้องฟ้าให้รู้ว่าคุณยังได้ไปต่อ แต่ความจริงแล้วเราพูดถึงแค่ ยามจริง ๆ หลับ เป็นป๊อปร็อก เพื่อชีวิต ชีวิตของยาม
บูม: อีกเพลงก็ชื่อ โลลิค่อน ตีแผ่ความเป็นโลลิค่อน แบบผู้ชายชอบเด็ก เด็กเลย เป็น pedophile อะแบบ ผมเธอหอมจังเลย อยากดมซอกคอ เหมือนมันก็แค่เรื่องอายุ สิ่งสำคัญคือฉันรักเธอ อะไรประมาณนี้ แบบโลลิค่อนก็มีหัวใจ ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป ที่เหลือไม่สปอยล์ละกันครับ ไปตามฟังกันดู
เหตุผลที่ทุกคนควรจะฟังอัลบั้มนี้
บูม: นวัตกรรมใหม่ แห่งวงการอินดี้ไทย ทุ้ย (หัวเราะ)
อ๊อฟ: มันอาจจะไม่ใหม่สำหรับเรา แต่ก็น่าจะใหม่สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้ เราต้องทำให้สำเร็จให้ได้ภายในปลายปีนี้
วิน: ไม่ได้หวังอะไร แต่เราอยากทำให้มันสุดขอบเพื่อจะได้รู้ว่าเราเต็มที่กับมันได้แค่ไหนโดยที่ไม่ต้องมีคนมากดเราว่า เฮ้ย ทำแบบนี้เดี๋ยวไม่มีคนฟังนะ อยากทำเพลงให้มันดีเท่าที่คิดว่าทำได้
นอกเรื่องนิดนึง คิดว่าวงการดนตรีบ้านเราเป็นยังไงบ้าง
บูม: เหมือนมีสูตรที่ตายตัวว่าทำแบบนี้แล้วคนจะชอบ
อ๊อฟ: การที่เราเอาเพลงไปส่งค่ายนี่เราต้องแก้นู่นแก้นี่หลายอย่าง เหมือนกับเขาให้เราปรับเพื่อให้มันเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าจะขายได้ แล้วพอออกมามันก็เหมือน ๆ กัน มันเลยขาดสเน่ห์ ถ้าเขาเปิดใจมากกว่านี้มันก็อาจจะมีอะไรใหม่มากกว่านี้ก็ได้ เหมือนเขาเดินทางด้วยความรอบคอบมากเกินไป ในความที่กลัวจะเจ๊ง เลยกลายเป็นดนตรีที่รอบคอบ ตามฟอร์ม จนมันไม่ใช่ศิลปะแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ใหม่ ๆ มาบางทีเขาก็เปิดมากขึ้น นักดนตรีรุ่นใหม่ก็ดันอะไรใหม่ ๆ ออกมาเยอะเหมือนกัน
โปรเจกต์ส่วนตัวของแต่ละคน
บูม: ถ้าอยากรู้จักร้านอะไรอร่อย ๆ มาถามผมได้นะครับ จะบอกตามความเป็นจริง ที่ Wongnai ครับ
อ๊อฟ: ฝากวง พะแพง AF ด้วยครับ ผมเป็นโปรดิวเซอร์ครั้งแรก วง Rubicครับ
วิน: ฝากพี่แรปเอก กับพุฒิ เดชอุดม แล้วก็ จ้อม อาร์สยอง ด้วยครับ เป็นความหวังใหม่ของวงการ ตอนนี้เป็นนักล่ากิ๊งครับ ว่าง ๆ ก็ดูเน็ตหาคนเทพ ๆ มาทำเพลงรับใช้เขาครับ เพราะบางทีเขาไม่มีดนตรี เราไปทำให้เขา เป็นผู้รับใช้เทพ กับเพจ แปลงซะเสีย ครับ
ฝากอัลบั้มกันหน่อย
จุก: ก็ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
บูม: ขอบคุณที่ซื้ออัลบั้มของเราครับ (วิน: ยังไม่มี !) ขอบคุณล่วงหน้าก็แล้วกันครับที่ยังติดตามพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ พวกเราจะยังคง กิ๊ง กันต่อไปครับ มาซัพพอร์ตเรา มาดูเรากันเยอะ ๆ
อ๊อฟ: ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยครับแฟน ๆ ของเรา น้อยจริง ๆ ชนกลุ่มน้อยสุด ๆ ถ้าอัลบั้มออกมาได้จริง ๆ ก็ต้องฝากติดตามกันด้วยนะครับ
วิน: เดี๋ยวอัลบั้มคงจะมีปล่อยให้ฟังฟรี ๆ กันก่อนบางเพลง ถ้าเกิดชอบก็ซื้อได้ครับ
เร็ว ๆ นี้จะมีโชว์เดือด ๆ ของพวกเขาในงาน Craft Beer Rock พบกับ กล้วยไทย และ BrandNew Sunset อย่าลืมไปมันกับพวกเขาได้ที่ Rockcademy สุขุมวิท 26 วันที่ 9 กรกฎาคมนี้