Interview

ช่วยกันสานฝันของ ภูมิ วิภูริศ ให้เป็นจริง กับ Debut Album แรกในชีวิตของเขา

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

หลายคนคงเคยเห็นหน้าค่าตาและได้ฟังเพลงของ ภูมิ วิภูริศ ศิลปินหน้าใหม่จากค่าย Rats Records ด้วยวัย 20 ปี แต่เขาสามารถสร้างสรรค์งานเพลงที่มีความโดดเด่นน่าสนใจในสไตล์ alternative folk จนกำลังเป็นที่จับตามอง ตอนนี้เขามีแคมเปญที่ต้องการการสนับสนุนจากแฟนเพลงในการทำอัลบั้มแรกของเขาให้เสร็จลุล่วงออกมาอย่างสวยงาม กับ PHUM VIPHURIT: THE LANKY LIMBED LYRICIST ที่ตอนนี้ยอดสนับสนุนยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เราเลยชวนเขามาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น เผื่อว่าใครสนใจและลองฟังเพลงของเขาจนเกิดอยากช่วยขึ้นมา เชื่อเถอะว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

 

เริ่มทำเพลงตั้งแต่ตอนไหน

สมัยตอนอยู่นิวซีแลนด์เป็นคนที่ active มาก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องทำดนตรีมากขนาดนั้น คือเป็นแค่คนฟัง อยู่บ้านก็ดู MTV ดู music video ไปเรื่อย ๆ แม่ก็ชอบเปิดซีดีฟัง ภูมิไปอยู่ที่นู่นตั้งแต่ 9 ขวบ อยู่จน 18 ก็เรียนครับ ใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาที่นู่น ชอบเล่นฟุตบอล เทนนิส เล่นกีฬาตลอดเวลา เรียนเสร็จกลับบ้าน เล่นวินนิ่ง (หัวเราะ) แล้วช่วงม.ปลายผมได้เข้าเรียนวิชา music technology เพราะเราสนใจด้านนี้ มีวันนึงเราคิดว่า นี่ก็ได้ฟังของเขาแล้ว ทำไมเราไม่ลองทำเพลงของเราเองบ้าง แล้วพอเราทำได้ก็กลายมาเป็นคนเล่นดนตรีเลย ช่วง ม.ปลายนั่นแหละครับที่เริ่มมาสนใจ เล่นกีตาร์ เล่นกลอง ฟอร์มวง หัดเองหมดครับ

เคยเล่นให้เพื่อนที่นู่นฟังไหม

มีครับ ก็เริ่มแสดงตั้งแต่ ม.ปลาย เริ่มได้ไป creative fair ที่จัดตามสวนสาธารณะ ตามเฟสติวัลในเมืองเล็ก ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ เหมือนท่ี่นู่นเขาสนับสนุนเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ เขาก็จะมีพื้นที่ให้เราได้แสดงงานอยู่ตลอด คือสามารถเดินเข้าไปสมัคร ขอเล่นได้เลย ก็เลยได้คุ้นเคยกับเวทีมาประมาณนึง แล้วได้เล่น gigs ที่นู่นด้วย เรารู้สึกพิเศษนิดนึงตรงที่เราก็ไม่ใช่คนที่นู่น แล้วเขาเชิญเราไปเล่นก็รู้สึกดีใจครับ เพราะเราได้เล่นเพลงที่เราแต่งเป็นภาษาอังกฤษให้ฝรั่งฟัง แล้วเขาชอบและเข้าใจมันจริง ๆ พอเล่นเสร็จเขาก็เข้ามาถามเราว่าที่แต่งอย่างนี้หมายความว่ายังไง เราก็ชอบที่ทำผลงานออกมาให้คนลองไปคิดต่อได้

เพลงส่วนใหญ่ที่แต่งเป็นเชิงอุปมาอุปไมย ไม่พูดตรง ๆ

ใช่ครับ คงเพราะได้อิทธิพลจากการไปอยู่ที่นู่นด้วย ทำให้เราแต่งอะไรที่ไม่อยากให้ชัดเจนเกินไป อยากให้คนฟังสงสัย อยากให้เขาฟังแล้วตามหาความหมายของมัน ให้มันมี poetic meaning

วงการอินดี้ที่นิวซีแลนด์เป็นยังไงบ้าง

อินดี้เขาดีมากเลยครับ แต่พูดถึงความ active ว่ามีกิจกรรมให้ศิลปินทำเยอะเท่าเมืองไทยไหม ก็ไม่มีครับ เพราะว่าคนมันน้อยกว่า แล้วตลาดมัน niche กว่านิดนึง เมืองนอกส่วนใหญ่ 5-6 โมง ห้างก็ปิดแล้ว คนเขากลับบ้านกินข้าวกับครอบครัว เมืองไทยมันจะเฮฮามากกว่า ศิลปินที่นี่ก็มีโอกาสออกไปเล่นงาน แล้วมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูมากกว่า ที่นิวซีแลนด์ไม่ใช่ดนตรีไม่ดีนะครับ วงระดับโลกแบบ Unknown Mortal Orchestraหรือ The Naked and Famous ก็มาจากที่นี่ ซึ่งดีมาก แต่ที่จะให้เขาไปโชว์มันมีน้อยกว่า ส่วนใหญ่จะไม่มีศิลปินนิวซีแลนด์ที่ดังที่บ้านแล้วอยู่รอดได้ ต้องไปออสเตรเลีย ไปข้างนอกแทน พวกคนดูก็มีน้อยมาก ๆ ที่จะไปตามดูอะไรแบบนี้ ส่วนฝั่งไทยสำหรับตัวภูมิเองคิดว่ามันดีกว่า มีคนอยากดูอะไรพวกนี้มากกว่า เราก็ได้ไปเล่น ได้เจอคนอยากฟังเรา ที่นู่นนี่จะนาน ๆ ที อาจจะเพราะเราอยู่เมืองเล็กด้วย

คิดว่าเราเป็นอัจฉริยะไหม

(หัวเราะ) ไม่คิดเลยครับ เพราะภูมิรู้จักเด็กหลายคนที่เก่ง มีพรสวรรค์ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำผลงานในพื้นที่แบบที่ภูมิมี รู้สึกโชคดีมากกว่าที่ได้มาอยู่ในจุดนี้ มีช่องทางให้คนได้ดู ได้ฟัง ได้ให้คำแนะนำเรา ก็รู้สึกว่าเราเป็นแค่คนทำเพลงคนนึงครับ

การที่อายุน้อยมาก ๆ ในวงการแล้วเริ่มมีชื่อเสียง รู้สึกยังไง

ดีนะครับ ตอนที่มาแต่งเพลงภูมิไม่ได้คิดว่าจะได้เป็นที่รู้จัก ภูมิแค่เห็นว่ามีโอกาส เขาสนใจจะมาโปรดิวซ์เพลงกับเรา ไม่คิดว่าจะได้เป็นศิลปินที่เขาชวนไปเล่นงาน Cat Festival

แล้วการที่อายุน้อยเป็นอุปสรรคบ้างไหม

ก็มีบ้างครับ คือรู้สึกกดดันเหมือนกัน ตอนนี้ศิลปินหน้าใหม่ก็ขึ้นมาเยอะ แล้วมันมีหลายช่องทางที่จะนำเสนอตัวเอง เทรนด์ alternative มันเริ่มมาแล้ว เราจะต้องทำยังไงให้เราพิเศษไม่เหมือนคนอื่น มันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเราตลอดเวลาตอนที่เราแต่งเพลง สำหรับภูมิเองภูมิคิดว่าเราต้องทำให้ของเราไม่เหมือนคนอื่นแล้วต้องเป็นตัวของตัวเองที่สุด

ใครเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงของเรา

ก่อนหน้าที่จะทำเพลงก็เดินผ่านร้านทีวีแล้วเขาเปิดคอนเสิร์ต Jason Mrazอยู่ เราก็ยืนดูแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย ผู้ชายคนนี้เจ๋ง แต่แรงบันดาลใจของผมจริง ๆ จะเป็นศิลปินฝั่ง alternative มากกว่าครับ ช่วงแรก ๆ เลยจะฟัง Young the Giant, Foster the People ที่เมโลดี้แปลก ๆ แต่มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง

เพลงของภูมิมีจุดเด่นยังไง

จริง ๆ ภูมิไม่ได้เป็นคนมองว่าแนวตัวเองต้องเรียกว่า alternative folk ครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเรียกแบบนั้นหรอกครับ แต่ในการที่เราเล่นกีตาร์อะคูสติกมาใส่กับองค์ประกอบอื่น ๆ เล่นคอร์ดเยอะ ๆ แล้วมันน่าสนใจดี มันสร้างซาวนด์ที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองได้เยอะ ในกระบวนการทำเพลงของภูมิส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยกีตาร์อะคูสติกก่อน เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่ถนัดที่สุด จากนั้นถึงจะหาองค์ประกอบอื่น ๆ มาใส่ จนมันกลายเป็นเพลงที่เสร็จ คือจุดนี้มันไม่เหมือนใครตรงที่มันเริ่มจากสิ่งที่ basic และเป็นอะไรที่ authentic มาก ๆ แล้วถึงเอาแนวอื่น ๆ ที่ชอบมาเพิ่มเข้าไป อย่างภูมิชอบฟัง psychedelic, dream pop เอามาผสมกัน เพลงก็อาจจะได้อิทธิพลมาจากเพลงหลายแนวอย่างละนิดอย่างละหน่อยครับ แต่ก็คิดอยู่ตลอดครับว่าอยากทำแนวแปลก ๆ อย่างตอนจะส่งเดโม่ไปให้ที่ค่ายก็จะมีอะไรแปลก ๆ ส่งไปด้วย ก็ลองคุยกับโปรดิวเซอร์ว่าเวลามาสเตอร์เพลงจะออกมาเป็นอย่างนี้นะ คือภูมิจะมีการทดลองอยู่ตลอด ไม่อยากสร้างกรอบให้ตัวเองทำอะคูสติกอินดี้โฟล์คเท่านั้น

มารู้จักกับ Rats Records ได้ยังไง

ก่อนมาเมืองไทย 2 ปีที่แล้วเคยได้ดู mv ของ Part Time Musicians ตอนอยู่ที่นิวซีแลนด์แหละครับ ตอนนั้นหาเพลงไทยฟังใน YouTube แล้วเห็นว่าเพลงนี้มันขึ้น suggestion มาพอลองฟังแล้วซาวนด์มันอินเตอร์มาก แต่พอดูชื่อเป็นคนไทยก็ดูน่าสนใจดี ไม่คิดว่าเมืองไทยมีวงการดนตรีที่ทำเพลงสากล ตอนกลับมาเรียนมหิดลก็ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มาเป็นศิลปินเร็วขนาดนี้ เพราะภูมิก็ไม่ได้โฟกัสที่การทำดนตรีขนาดนั้น เพราะเพิ่งสอบติดแล้วก็เข้าไปเรียน ก็กะจะใช้ชีวิตสนุก ๆ แล้วพอดีพี่เติ้ล The Whitest Crow เขาไปเจอเพลงของภูมิที่คัฟเวอร์ใน YouTube เลยลองเสนอไปที่ค่าย แล้วพอค่ายติดต่อมาภูมิก็ลองเข้าไปคุย คือภูมิชอบแนวคิดกับมุมมองของค่าย ก็เลยลองมาทำเพลง

ปล่อยมา 3 เพลงแล้ว ผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง

โอเคเลยครับ อย่างที่บอกว่าภูมิไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะภูมิก็เป็นเด็กคนนึงที่แต่งเพลงในหอ (หัวเราะ) คือทุกอย่างมันอยู่ในหัวของภูมิ จินตนาการว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แล้วพองานเสร็จ มี mv มีคนมาชอบ มีคนชวนมาเล่น แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับ feedback โอเคนะ

แฟนเพลงส่วนใหญ่เป็นใคร

ก็เป็นเด็กม.ปลายเลย คน 30 ขึ้นไปที่เข้าลึกถึงเพลงก็มี หวังว่าจะมีทุกวัยนะครับ (หัวเราะ)

ปล่อยเพลงมาตั้งแต่ปี 2014 ตอนนี้เกือบ 2 ปีแล้ว เห็นพัฒนาการตัวเองยังไงบ้าง

ในมุมมองของการเขียนเพลงของภูมิเปลี่ยนไป ภูมิไม่ได้คิดแล้วว่าท่อนฮุคมันต้องป๊อป มันต้องทำให้คนจำได้ตลอดเวลา ตอนนี้ภูมิพยายามพัฒนาไปทางด้านเนื้อหาว่าสิ่งที่เรากำลังจะสื่อสารมันออกมาจากเราจริง ๆ หรือเปล่า มันเกี่ยวข้องกับชีวิตเรามั้ย มากกว่า ผลงานเราจะได้ออกมาเป็นตัวของภูมิจริง ๆ

ทำไมถึงปล่อยเพลงทิ้งช่วงห่างกันเป็นปี

ภูมิเป็นคนทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันไม่ค่อยเก่งครับ (หัวเราะ) ช่วงที่แต่งเพลงส่วนใหญ่จะเป็นช่วงปิดเทอม คือภูมิเรียนมหิดลมันก็จะมี 3 เทอม เทอมนึงก็ประมาณ 3 เดือน ซึ่งมันเป็นช่วงพัก แล้วภูมิก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดเพลง คือพอมีเวลาก็ต้องมาเข้าสตูดิโอ ไปอัด ทำมิกซ์ ภูมิอยากใช้เวลากับเพลงเพลงนึงจริง ๆ ไม่ได้อยากออกให้มันถี่ เหมือนตัวภูมิเองยิ่งเล่นแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ ไม่เนี้ยบเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็แต่งเพลงที่สี่อยู่ น่าจะได้ฟังเดือนหน้าครับถ้าตัวภูมิเองไม่ทำให้มันช้าไปกว่านี้ (หัวเราะ)

ได้ไปเล่นหลาย ๆ งาน ชอบที่ไหนมากที่สุด

มีสองงานที่ประทับใจที่สุด งานแรกคือ Cat Festival ปีที่แล้ว เป็นงานแรกที่ได้ขึ้นเฟสติวัลใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนรู้จักเราไหม ขึ้นไปก็มีคนมาฟัง มีคนร้องเพลงเราได้ ก็ดีใจมาก อีกงานก็ Indie Inspiration ปีที่แล้วเหมือนกัน มีคนชอบฟังเพลงอัลเทอร์เนทิฟจริง ๆ ก็ได้คุย แล้วบรรยากาศดีมากครับ ตอนนั้นผมเลือกเพลงของ Mac DeMarco มี Ben Howard แล้วก็ Bob Dylan ครับ ศิลปินในดวงใจ (ยิ้ม)

ชอบอะไรในวงการดนตรีบ้านเรา

ชอบที่มันมีโอกาสให้เราไปเจอคนฟัง ประทับใจมากครับ ตอนนั้นออกไปเพลงเดียวก็ไม่คิดว่าจะได้ไปเล่นโชว์ทันที แล้วมีคนสนใจเพลงเราจริง ๆ เราก็ได้ทำงานต่อเนื่อง ถ้าเราอยู่นู่นคงต้องรอครึ่งปีกว่าจะได้ออกเฟสติวัล แต่ที่นี่เหมือนถ้ามีคนอยากดูจริง ๆ เราก็จะได้ไปเจอเขา อย่างฟังใจ Cat Radio ก็เปิดโอกาสให้ไปร่วมกิจกรรม งานเตะบอล คอนเสิร์ตอะไรแบบนี้

ศิลปินคนไหนน่าสนใจสำหรับภูมิ

ใหม่สุดที่ฟังก็ De Flamingo ซาวนด์ดีครับ เป็นพี่ ๆ ที่มหิดลด้วย น่าสนับสนุนครับ (หัวเราะ) แล้วเดี๋ยวจะได้ไปเล่นด้วยกันในงานเปิดตัวอัลบั้มของ The Whitest Crow ด้วย คือเวลาภูมิไปเล่นงานที่เป็น full band ก็จะมีพี่ ๆ The Whitest Crow มาช่วยเล่น ก็เลยสนิทกันครับ

อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในวงการดนตรีบ้านเรา

อยากเห็นดนตรีไทยเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องดังระดับโลก แต่ให้เขาได้รู้ว่าเพลงแบบนี้คือเพลงของคนไทยนะ ไม่ใช่เราต้องแต่งเพลงเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลา เหมือนแค่มีความเฉพาะตัวแล้วพาตัวเองไปข้างนอกได้ว่าเป็นประเทศที่ทำเพลงมีคุณภาพเหมือนกันนะ

แล้วภูมิไปรู้จักกับ Asiola ได้ยังไง

ภูมิมารู้จักกับพี่กิจาก Have You Heard? ครับ แล้วก็เป็นคนที่สนใจภูมิ มาดูโชว์ตั้งแต่แรก ๆ เลย พี่กิก็เลยชวนภูมิไปทำแคมเปญกับ Asiola

ทำไมถึงเลือกออกอัลบั้มกับวิธี crowdfunding

จริง ๆ วิธีการมันไม่ได้เปลี่ยนไปนะครับ เหมือน crowfunding เป็นการให้คนฟังช่วยศิลปินเบอร์เล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงนัก ทุนน้อย แล้วคนเขาชอบงานเราจริง ๆ มาช่วยสนับสนุน จะได้เป็นโปรเจกต์ร่วมกัน ทำความฝันเราให้เป็นจริง มันยังใหม่มากในเมืองไทย ไม่ค่อยมีใครได้ทำด้วย ก็สนใจว่าศิลปินหน้าใหม่อย่างภูมิจะได้ลองทำอะไรแบบนี้ ผลออกมาจะเป็นยังไง

ทำไมเราต้องช่วยภูมิให้โปรเจกต์นี้สำเร็จ

ภูมิไม่ได้มองว่ามันต้องถึง target ที่ตั้งไว้ เพราะภูมิก็ตั้งใจจะทำให้อัลบั้มนี้เสร็จแหละ ในการที่คนได้มาสนับสนุนนี่ก็ช่วยภูมิได้เยอะ คือคนก็ชอบคิดแหละว่าทำไมศิลปินต้องมีคนมาช่วย บางคนจะรู้ว่ามันใช้เวลานานมากในการคิดเพลง สำหรับภูมิเองคือนานมากกว่าจะทำเพลงออกมาแล้วตัวภูมิเองพอใจ พอเราใช้เวลากับมันเราก็ไม่ค่อยได้ไปทำอย่างอื่น แล้วการที่เขาเข้ามาช่วยมันก็จะซัพพอร์ตเราหลาย ๆ ด้าน ทั้งการจัดจำหน่าย สนับสนุนเวลาที่เราทำงานด้วย ส่วนความพิเศษในอัลบั้มนี้คืออยากให้รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำจากตัวเราจริง ๆ ครับ

ในอัลบั้มนี้จะออกมาเป็นเพลงแบบไหน

ถ้า crowdfunding ไม่ถึงเป้าขนาดนั้นก็จะออกมาเป็น mini album ไม่ก็ EP ตอนนี้เล็ง ๆ ไว้น่าจะ 5 เพลงครับ ถ้ามีเวลามากกว่าที่แคมเปญกำหนดไว้ก็อาจจะทำเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง แต่ตอนนี้ก็ตั้งใจทำทีละเพลงให้ออกมาน่าพอใจมากกว่า แล้วก็น่าจะมีทั้ง 3 เพลงแรกที่ออกไป

แล้วทำไมใช้ชื่อแคมเปญว่า The Lanky Limbed Lyricist

ถ้าตั้งชื่อว่า Phum Viphurit’s Debut Album มันก็อาจจะไม่มีอะไร พี่กิก็เลยให้คิดชื่อมาใหม่ เวลาเรามองตัวเองเป็นยังไง ก็เลยออกมาเป็น The Lanky Limbed Lyricist ซึ่งมันแปลว่า นักเขียนเนื้อเพลงที่เก้งก้าง (หัวเราะ)

คนที่มาซัพพอร์ตจะได้อะไรจากเรา

ก็จะได้มาปาร์ตี้ด้วยกัน แล้วก็ ในนั้นก็มี reward จากอะคูสติกโชว์ที่ภูมิไปเล่นครับ เป็นเสื้อยืด ก็อยากจะชวนให้มาช่วยกันครับ เพิ่ง 6% เอง

เร็ว ๆ นี้จะมีงานที่ไหนอีกบ้าง

Cat T-Shirt สิ้นเดือนนี้ครับ มีเสื้อไปขายด้วย แล้วก็มีงาน The Whitest Crow Album Launch ครับ

ฝากผลงานหน่อย

ใครที่ชอบหรือเคยฟังผลงานของภูมิแล้วอยากเห็นว่าเด็กคนนี้จะมีอะไรให้ ก็อยากชวนให้ซัพพอร์ตใน Asiola ครับ เพราะมันเป็นหน่ึ่งในความฝันของเด็กธรรมดาคนนึงที่รักในการทำดนตรีจริง ๆ ถ้าเข้ามาช่วยก็จะทำให้อัลบั้มนี้เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ก็อยากจะมอบให้ทุกคนที่ชอบจริง ๆ ครับ

 

อ่านจบแล้วก็ตามไปสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงคนนี้กันได้ที่ http://asiola.co.th/campaign/phum-viphurit-lanky-limbed-lyricistและติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของเขาที่ https://www.facebook.com/PhumViphurit/ ได้เลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้