คุยกับ Ellie และ Theo สองสมาชิกจากวงสุดจี๊ดแห่งยุค Wolf Alice
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Tunlaya Dunnvatanachit
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก Wolf Alice เจ้าของเพลงร็อกสุดเดือดที่แอบซ่อนกลิ่นอายดนตรีป๊อปพร้อมเนื้อหาโดนใจวัยโจ๋ทั่วโลก ตอนนี้เราอยู่กับ Ellie และ Theo พวกเขาพร้อมตอบทุกข้อสงสัยของเรากันแล้ว
สมาชิก
Ellie Rowsell (ร้องนำ, กีตาร์)
Joff Oddie (กีตาร์)
Theo Ellis (เบส)
Joel Amey (กลอง)
มาถึงสิงคโปร์เมื่อไหร่ อะไรคือสิ่งแรกที่คุณสังเกตเห็นหลังจากที่ได้มาสัมผัสเมืองนี้
ธีโอ: เมื่อวานนี้ครับ ได้ไปเดินเที่ยวนิดหน่อย คิดว่าน่าจะเป็นต้นไม้ ต้นไม้สวยและมีเยอะมาก ๆ แล้วก็รถเมล์เยอะ มันมีสองชั้นเหมือนบัสแดงที่บ้านผม แต่มันไวมากนะ นั่งจากสนามบิน 45 นาทีก็มาถึงที่นี่แล้ว
แล้วกับสภาพอากาศล่ะ วันนี้อุณหภูมิสูงถึง 31 องศา พวกคุณได้เตรียมใจมารับมือกับสิ่งนี้มาก่อนหรือเปล่า
เอลลี่: มันเป็นสิ่งแรก ๆ ที่เรานึกถึงเหมือนกัน มันทำให้เรารู้สึกว่ากำลังมาพักร้อน
เราอยากถามคุณในฐานะคนที่มางานเฟสติวัล จำครั้งแรกที่ได้ไปเทศกาลดนตรีได้ไหม ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง
เอลลี่: ของฉันคืองาน Glastonbury แล้วฉันอายุแค่ 17 เองมั้ง ตอนนั้นไปกับเพื่อนอีกสองคน ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะได้เจอกับอะไรบ้างในงาน ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปยืนดูหลาย ๆ วง ตั้งใจดูมาก ฉันชอบงานนั้นนะคะ
วันนี้อยากดูวงไหนเป็นพิเศษ
ธีโอ: ผมอยากดู Aldous Harding มากครับ เธอเจ๋งสุด ๆ แล้วก็ Rolling Blackouts Coastal Fever
เอลลี่: ใช่ ๆ แล้วก็ ฉันชอบ Moses Sumney
แล้วในฐานะที่คุณกำลังจะขึ้นเล่นบนเวที Laneway ที่สิงคโปร์นี้ล่ะ
ธีโอ: ไม่รู้ว่าจะต้องคาดหวังอะไรเลยครับ เป็นครั้งแรกที่เรามาเล่นที่สิงคโปร์ แทบจะเป็นเฟสติวัลแรก ๆ ในต่างประเทศของพวกเราเลยด้วยมั้ง
คุณเคยไปเล่นที่ออสเตรเลียมาแล้ว ครั้งนี้คุณก็จะได้ไปเล่นที่ Laneway ที่นั่นอีก รู้สึกยังไงบ้าง เบื่อหรือยัง
เอลลี่: เราเคยไปเล่นเฟสติวัลที่ออสเตรเลียมาครั้งสองครั้ง เราชอบออสเตรเลียมาก แต่ตอนนั้นเรายังเด็กและรู้สึกว่ายังเตรียมตัวไม่ดีพอ ก็อยากจะกลับไปแก้มือ
ธีโอ: ใช่ ตอนนั้นเรากากมาก แต่ตอนนี้เรามีอัลบั้มใหม่ที่เพิ่งออกมา ก็อยากจะเอาเพลงใหม่ไปโชว์ ค่อนข้างมีความพร้อมประมาณนึง ก็รู้สึกดีมากครับที่จะได้เล่นเฟสติวัลที่นั่นอีก แล้วเราก็ได้ไปออกรายการที่สถานีวิทยุด้วย เราชอบสถานีนั้นมาก ขอบคุณครับ
รู้สึกยังไงกับการทัวร์ข้ามทวีปครั้งนี้
ธีโอ: สำหรับเราการมาเล่นที่นี่ถือเป็นสิ่งใหม่มากครับ เราเคยไปเล่นที่ออสเตรเลียอย่างที่บอก มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วเดี๋ยวอีกสามวันเราก็จะไปเล่นที่อินเดียต่อ สำหรับเราปีนี้เป็นปีที่เยี่ยมมากครับที่ได้มาเปิดโลก รู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวเลย (หัวเราะ)
เวลาทัวร์คอนเสิร์ต คิดถึงอะไรที่สุด
ธีโอ: คิดถึงเพื่อน ๆ ครับ
เอลลี่: คิดถึง… (นึกนาน) คิดถึงการมีชีวิตแบบคนปกติค่ะ เดี๋ยวนี้เดินไปไหนคนก็จำได้ หรือเวลาที่เราเล่นโชว์ มันเป็นช่วงเวลาที่เรานึกขึ้นได้ว่า โอ้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ
ธีโอ: อย่างในเฟสติวัลเราก็ตั้งใจจะมาแฮงเอาต์กับเพื่อน ดูวงดนตรีที่เล่นแนวคล้าย ๆ กัน ชีวิตช่วง 20 ต้น ๆ ของผมมันแปลกนะ วัน ๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่กับการทัวร์คอนเสิร์ต ความทรงจำของผมมีอยู่แค่เรื่องนี้ ชีวิตได้ทำอะไรไม่กี่อย่าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่ดีครับ รู้สึกว่าผมโชคดีด้วยซ้ำ
ทำไมอัลบั้มใหม่ Visual of Life มีหลายแนวเพลงมาก ๆ
เอลลี่: สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีคือไม่มีใครมาบอกว่าเราต้องทำอะไร พวกเราเองก็สนใจในทิศทางของดนตรีที่หลากหลาย ชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นใน 12 เพลงในอัลบั้มก็เลยจะมีความแตกต่างกัน แต่ว่ามันยังมีความต่อเนื่องกันอยู่
เวลาเขียนเพลงนึงขึ้นมา มีวิธีตัดสินใจว่าจะให้มันออกมาเป็นแนวทางประมาณนั้น ประมาณนี้ ยังไงบ้าง
เอลลี่: มันเหมือนเป็นการหาความรู้สึกในเพลงนั้นมากกว่าว่า เพลงแบบไหนที่เราเล่นแล้วจะสนุกที่สุด แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ถึงกับต้องมานั่งตัดสินใจตรงนั้นแล้ว เราชอบเพลงป๊อป ถ้าเราอยากเขียนเพลงป๊อปเราก็ลองเขียนดู ถ้าชอบเพลงแบบนั้นแล้วจะไปฝืนทำไม แม้ว่ามันจะเป็นแนวเพลงที่ต่างไปจากที่เราเคยทำก็เถอะ แต่ไม่คิดจะลองทำมันออกมาหน่อยหรอ
ธีโอ: หรืออย่างบางเพลงทำออกมาก็รู้สึกว่า เออ มันต้องเขียนเป็นเพลงรักว่ะ เพราะมันสามารถสะท้อนบรรยากาศหรืออารมณ์ดนตรีของเพลงนั้นได้ดี หรืออย่าง Yuk Foo เราก็เขียนเนื้อเพลงตามดนตรีที่มันดูเป็นพังก์ที่มีสีสันจัดจ้าน
แล้วแฟนเพลงรู้สึกยังไงบ้างที่แนวดนตรีมันเปลี่ยนไปจากงานชุดก่อนพอสมควร
ธีโอ: ตอนที่ปล่อย Yuk Foo ถือเป็นอะไรที่ฉีกไปเลยนะ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ทำ บางคนถึงกับไม่ชอบไปเลย แต่มันก็เป็นเพลงที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวของพวกเราในช่วงเวลานี้ได้ดี ตอนแรกก็กลัวแหละว่าคนจะชอบไหม แต่ส่วนใหญ่เขาก็โอเคกับมันนะ
ถ้าให้พูดถึงอัลบั้มใหม่ของคุณโดยใช้คำอธิบายแค่คำเดียว จะเป็นคำว่าอะไร
เอลลี่: Wicked! (ในที่นี้จะขอแปลเป็น ‘ร้ายกาจ!’ แบบที่ รอน วีสลีย์ พูด แต่ความหมายจริง ๆ น่าจะเป็น ประมาณว่า ‘แจ่มแมว’ อะไรก็ตามที่เป็นสแลงที่สามารถแปลได้ว่า ‘เจ๋ง’ แหละจ้า—Fungjaizine)
มี feedback ไหนที่คุณยังจำได้จนถึงทุกวันนี้
เอลลี่: บางทีมันก็ยากนะที่จะตอบคำถามเวลามีคนถามถึงเพลงของเราว่าซาวด์มันเป็นยังไง แต่พอเราได้อ่านรีวิวที่คนเขียนถึงเรา เขาก็เขียนถึงดีมาก ๆ บางอันนี่เขียนเก่งมากจนเรานึกภาพออกว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นอย่างนี้ แบบบางทีก็ดีเกิ๊น อ่านแล้วอยากจะวิ่งเอาไปให้แม่ดูบ้างเลย (หัวเราะ)
ธีโอ: แต่มันก็มีอันที่เขียนว่า ‘แม่งห่วยว่ะ’ แล้วก็ไม่เขียนอย่างอื่นอีกเลย ผมก็แบบ… (หัวเราะ)
คุณได้รับเสนอชื่อเข้าชิงหลายการประกวดมาก คุณคิดว่าการได้รางวัลเป็นเรื่องจำเป็นกับศิลปินไหม
ธีโอ: ถ้าสมมติว่าคุณเป็นศิลปิน ผมไม่รู้ว่ามันสำคัญไหมนะเพราะงานที่คุณทำมันเป็นศิลปะ แต่การได้เข้าชิงในหลายรางวัลมันก็เป็นโอกาสดีที่จะทำให้คนที่ไม่เคยฟังเพลงของเราเลยได้รู้จักเรามากขึ้น คนจำเราได้จากการได้มีชื่ออยู่ในงานนั้นนี้ จริง ๆ มันก็ดีนะครับ
วงได้รับผลกระทบจากการที่นักร้องนำเป็นผู้หญิงไหม คนที่นั่นปฏิบัติกับคุณยังไง
เอลลี่: พูดยากเหมือนกันนะคะ เพราะฉันก็ยังไม่เคยโดนอะไรตรง ๆ การที่อยู่ในวงนี้ทุกคนมองฉันว่าเป็นนักดนตรีคนนึง ก็คิดว่ากับคนอื่นมันคงมีผลกระทบบ้างนะ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตมันจะเปลี่ยนไปค่ะ
กว่าแปดปีที่ผ่านมาจากวันแรกที่ทำวงมาจนมาถึงตอนนี้ คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองและวงยังไงบ้าง
เอลลี่: เรามีความมั่นใจมากขึ้นเพราะเราโตขึ้นและมีประสบการณ์การเป็นนักดนตรีมากขึ้น แต่ในบางอย่างเราก็มีความมั่นใจน้อยลง จากการที่เราประสบความสำเร็จมาก ๆ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มันก็มีความกดดันที่เราจะต้องระมัดระวังในอะไรหลาย ๆ อย่างขึ้นด้วย ตัวเราเองก็เปลี่ยนไป
ธีโอ: แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ
แล้วตอนนี้วงมีแพลนในอนาคตยังไงบ้าง
เอลลี่: คงจะทัวร์อย่างเดียวเลยค่ะ ทัวร์หนัก ๆ ยันสิ้นปีเลย ตอนนี้ก็เริ่มเขียนเพลงใหม่แล้วเหมือนกันแต่ว่าคงไม่มีเวลาจริงจังกับมันมาก แล้วก็ยังไม่อยากคิดถึงอนาคตมากเท่าไหร่ ลุยกับตรงนี้ก่อนดีกว่าค่ะ
อยากไปทัวร์ที่ไหนอีกบ้าง
ธีโอ: ผมอยากไปเวียดนามมากครับ แล้วก็อยากไปอเมริกาใต้ด้วย ไอซ์แลนด์ด้วย
คุณจะเป็นยังไงในอีก 10 ปีข้างหน้า
เอลลี่: ฉันคงจะไปอยู่บนยอดตึกนั่น (Marina Bay Sands) ดื่มค็อกเทลสกายไดเวอร์ (หัวเราะ)
ธีโอ: อยากจะเป็นวงเฮดไลน์ของ Laneway ในปีสองพัน… สองพันอะไรวะ (หัวเราะ) บวกเลขแปป 2028 ครับ!
สุดท้ายแล้ว อะไรทำให้ Wolf Alice แตกต่างจากวงร็อกวงอื่น
ธีโอ: อันนี้ต้องให้พวกคุณไปหาคำตอบกันเองแล้วล่ะ
เอลลี่: คำถามนี้สำหรับพวกคุณค่ะ (ยิ้ม)