Import

Two Door Cinema Club เพราะชีวิตเหมือน Gameshow

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Nattanich Chanaritchai

หลังจากที่ Two Door Cinema Club ได้มาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาหลังจากที่รอคอยมาสามปี (หรือมากกว่านั้น) ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงแบบที่ตอนนี้ยังอินกันอยู่ เราเลยขอหยิบเรื่องราวที่พูดคุยกับพวกเขาก่อนเริ่มการแสดงมาให้ทุกคนได้ฟินกันต่อแบบยาว ๆ

โปรดฟังเพลงของพวกเขาประกอบการอ่านเพื่อสร้างอรรถรส

ระหว่างที่บรรดาสื่อกำลังรอที่จะสัมภาษณ์ อเล็กซ์ เควิน และแซม ก็เดินตรงเข้ามาพร้อมทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง ซึ่งก่อนจะเจาะลึกเรื่องราวต่าง ๆ พวกเขาได้พูดเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ Gameshow ที่กำลังจะออกมาในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ กับ 10 บทเพลง ที่มีสไตล์แตกต่างออกไปจากงานที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงกลิ่นอายเอกลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับสองชุดแรกไว้บ้าง ซึ่งตอนนี้เราสามารถหาฟังสองเพลงทั้ง Are We Ready? (Wreck) และ Bad Decisions ที่ปล่อยออกมาแล้วบน YouTube

ข้อสังเกตอย่างนึงคือ หนึ่งในซิงเกิ้ลที่พวกเขาปล่อยมาให้ได้ฟังได้ชมกันอย่าง Are We Ready? (Wreck) กับมิวสิกวิดิโอล้อเลียนโฆษณาผลิตภัณฑ์สุดกวน แน่นอนว่าทั้งสามคนกำลังแขวะวัฒนธรรมบริโภคนิยมในตะวันตกที่พวกเขาเชื่อกันว่ากำลังเข้าขั้นวิกฤติ อเล็กซ์บอกว่าที่ไอร์แลนด์ตอนนี้โฆษณาก็ได้ครอบงำความคิดของคนรุ่นใหม่ไปมาก ทุกคนอยากทีจะมีคอลเลกชันล่าสุดไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรือแกดเจตต่าง ๆ การที่ต้องตามกระแสให้ทันจนเกินไปมันไม่ใช่เรื่องดีนัก คงจะดีกว่านี้ถ้าเราตามโลกให้ช้าลง เพราะในความเป็นจริงมันไม่ได้มีความสำคัญกับเราขนาดนั้น

อีกความน่าสนใจที่ทำให้เราอยากฟังอัลบั้มเต็มของพวกเขาเหลือเกิน ก็เพราะเพลง Bad Decisions นี้ก็มีกลิ่นอายของดนตรี 70s ขั้นรุนแรง เลยอยากรู้แล้วว่าแนวทางดนตรีชุดใหม่จะเป็นยังไงกันแน่ อเล็กซ์บอกกับเราว่าพวกเขาฟังเพลงหลายแนวมาก แล้วยังสนใจด้านโปรดักชันและเทคนิกการทำเพลง หรือแม้แต่เครื่องดนตรีที่ใช้เพื่อให้เกิดเสียงต่าง ๆ ก็เป็นความสนใจส่วนตัวของเขาที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ประกอบกับที่อัลบั้ม Gameshow นี้ได้โปรดิวเซอร์มือดีอย่าง Jacknife Lee ที่มีความสนใจทางนี้อยู่เหมือนกัน เลยกลายเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะสร้างสรรค์งานที่ต่างไปจาก TDCC ในแบบที่เราคุ้นเคย และเพราะการเติบโตขึ้นก็ทำให้พวกเขาไม่กลัวที่จะออกจากกรอบ การได้ฟังเพลงที่หลากหลาย ได้ค้นพบเพลงใหม่ หรือแนวเพลงแปลก ๆ ก็จะเป็นอิทธิพลที่ส่งผลมาถึงอัลบั้มนี้ เขายังบอกอีกว่าไม่ค่อยเครียดกับเพลงว่าจะต้องออกมาให้ดีหรือให้คนชอบแบบเมื่อก่อนแล้ว เพราะพวกเขาเลือกในสิ่งที่ชอบและสนุกกับมันมากกว่า และมันจะออกมาเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน

“คือพวกเราชอบฟังเพลงที่มาจากยุคนั้น อย่างดิสโก้ก็เป็นเพลงที่เกือบจะถูกลืมไปแล้ว นี่คงจะเป็นเวลาที่เราจะทำให้เพลงพวกนั้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยเราจะใช้เทคนิกเก่า ๆ ด้วยวิธีของเราในการทำซาวด์ต่าง ๆ อย่างการใช้เครื่องดนตรีเก่า หรือไมโครโฟนเทคนิก การอัดแบบต่าง ๆ มาใช้กับทุกเพลงในอัลบั้มนี้ สิ่งที่สำคัญมากในการทำอัลบั้มคือ ไม่ใช่แค่การเขียนเพลงให้ออกมาดีอย่างเดียว แต่เราต้องทำมันออกมาให้ได้เหมือนกับที่เราต้องการจะให้มันเป็นแบบไหน”

นอกจากสองเพลงนี้แล้ว เราจะได้ฟังเพลงจากชุด Gameshow ก่อนที่อัลบั้มเต็มจะปล่อย โดยน่าจะออกมาก่อนช่วงอัลบั้มวางแผงสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เพลงนั้นจะมีชื่อว่า Fever ที่เควินยังพูดติดตลกว่า “คุณจะเกลียดมันหรือเปล่านะ นี่พวกเราเครียดแล้วเนี่ย”

ย้อนกลับไปช่วงต้นปี ก่อนที่จะเริ่มทัวร์ พวกเขาได้จัดคอนเสิร์ต comeback ในโรงภาพยนตร์ “Tudor Cinema” สถานที่ที่แซมออกเสียงเพี้ยนจนนำมาใช้เป็นชื่อวงจนทุกวันนี้

“ด้วยความที่พวกเราห่างหายจากเวทีไปสองปีกว่า คงจะดีถ้าได้จัดงานเล็ก ๆ ที่จะได้เจอคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่มาดูโชว์ของพวกเราตั้งแต่ที่ยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งเราเองก็อยากที่จะเริ่มต้นการกลับมาครั้งนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่กดดัน เลยเลือกจะกลับไปหาแฟน ๆ ที่ยังสนับสนุนพวกเขาเสมอมา ก็คงจะรู้สึกอบอุ่นดีครับ”

ตอนนี้เรามาถามตอบกับพวกเขากันต่ออีกเล็กน้อยดีกว่า

ย้อนไปไกลนิดนึง TDCC เป็นวงไอร์แลนด์ แต่ทำไมไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงฝรั่งเศส (Kitsuné)

เควิน: เพราะคนบางคนในอังกฤษเขาไม่อยากฟังมั้ง (หัวเราะ) จริง ๆ เราไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตอนนั้นมีค่ายเพลงหลายเจ้าที่ได้ดูโชว์ของเราเข้ามาติดต่อ แล้วตอนนั้นมันมีเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์เยอะทางค่ายก็ค่อนข้างระมัดระวังกับการเซ็นสัญญา เราก็โอเค แต่บางทีมันก็มีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างในการทำงาน แต่ก็ดีที่พวกเขาชอบเพลงของเราจริง ๆ และอยากช่วยทำเพลงให้เรา นั่นก็เลยทำให้เพลงเรามีความเป็นยุโรปมากขึ้น เป็นส่วนช่วยที่ทำให้เพลงเราเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในทุกวันนี้

ทำไมถึงใช้ชื่ออัลบั้มว่า Gameshow

อเล็กซ์: อันนี้มาจากชื่อเพลงในอัลบั้ม ที่เราเลือกชื่อนี้เพราะเรากำลังนึกถึงชีวิตที่มันเหมือนเกมโชว์ บางทีเราก็จะรุ่งสุด ๆ โดยลืมไปว่าต่อจากนี้เรากำลังจะต้องพบเจออะไรในวันข้างหน้าที่ไม่แน่นอน ซึ่งชีวิตจริงเราควรจะระมัดระวังกว่านี้ การทำเพลงหลายชุดของเราทำให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ คือช่วงสองปีแรกมันพุ่งมาก ๆ แล้วต่อมาเราก็พบช่วงเวลาที่ยากลำบาก Gameshow ก็น่าจะเป็นคำที่เหมาะที่จะใช้เป็นชื่ออัลบั้มใหม่หลังจากที่เราค้นพบสัจธรรมข้อนี้

อะไรทำให้เพลงของ TDCC แตกต่างจากเพลงกระแสหลัก แต่ก็ติดหูได้ในเวลาเดียวกัน

แซม: ในความเป็นจริงเราก็ไม่ได้อินกับเพลงป๊อปขนาดนั้น อาจเป็นเพราะพวกเราก็ฟังเพลงป๊อปที่ต้องผ่านหูอยู่แล้ว เพลงที่ออกมาก็เลยบังเอิญได้อิทธิพลจากตรงนั้น ส่วนสไตล์เพลงที่ออกไปทางอัลเทอร์เนทีฟอินดี้คงเพราะเราไปเน้นที่กลอง เพราะก็พยายามลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอด แต่เมโลดี้ที่ทำออกมาก็ต้องเพราะด้วย นี่เลยทำให้เพลงของเราติดหูและดูอินดี้ในเวลาเดียวกัน

เรื่องอะไรที่แปลกที่สุดที่เคยนำมาเขียนเพลง

อเล็กซ์: มีแปลก ๆ เยอะมากตั้งแต่ที่ทำเพลงกันมา อย่างในอัลบั้มใหม่มีเพลงที่เราเขียนอุทิศให้กับดอกลาเวนเดอร์ มันเป็นพืชที่มหัศจรรย์สำหรับผม ก็เลยเขียนถึงซะเลย

การเล่นสดในเอเชียต่างกับในยุโรปยังไง

แซม: แน่นอน แฟนเพลงที่นี่ต่างจากที่นู่นมาก คือไม่ว่าจะยุโรปหรืออเมริกาพวกเขาจะได้ดูคอนเสิร์ตกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะวงอินดี้หรือวงป๊อป มันเป็นวัฒนธรรมของเรา แต่พอมาที่นี่เรารู้สึกว่าคนที่นี่ตื่นเต้นที่จะเจอเรา แล้วเราก็ดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้มาเล่นที่ไทยสักที เรารู้สึกว่าพวกเขาสนับสนุนเราดีมาก ก็คาดว่าจะมีช่วงเวลาที่ดีจากนี้ จะทำโชว์ออกมาให้ดีที่สุดครับ

ได้เรียนรู้อะไรจากการได้ไปทัวร์รอบโลก

อเล็กซ์: เราได้เรียนรู้หลายอย่างมาก อย่างแรกเลยก็การช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งเราต้องใช้เวลามากกว่าจะจัดการกับตรงนี้ได้เพราะเราไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง มันก็ได้เจอความลำบากอะไรต่าง ๆ ส่วนช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้หยุดพักจากทัวร์ ก็มีเวลาที่ทำให้เราได้เห็นว่าเคยเพิกเฉยละเลยอะไรไปบ้าง แต่ตอนนี้เราก็ได้ใช้เวลากับตัวเองจนสามารถจัดการกับชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น และก็ได้เรียนรู้ว่าจะสนุกกับชีวิตยังไง

เควิน: แล้วมันก็ทำให้เราแพ็กกระเป๋าเก่งขึ้นด้วยนะ (หัวเราะ) แค่ 20 นาทีก็เสร็จแล้ว

คิดยังไงที่ TDCC วงต้นแบบของวงดนตรีรุ่นใหม่หลายวง

อเล็กซ์: นั่นเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเรา ผมว่าการที่เราอยู่ในวงการนี้มาได้ในช่วงเวลานึงก็เพราะเราก็ทำในสิ่งที่ถูกควร ในตอนนั้นเพลงของพวกเราไม่เหมือนวงไหน ๆ ที่ออกมาก่อนหน้าเรา ก็เลยเป็นเรื่องดีที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของอนาคตวงการเพลง ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกเราไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นแบบนั้นนะ ก็แค่พยายามที่จะเป็นตัวเอง คงไม่มีใครชอบที่จะทำงานออกมาซ้ำกับที่คนอื่นเคยทำมาก่อนหรอก

ในตอนนี้ Tattoo Colour เริ่มแสดงแล้ว สิ้นสุดเวลาสิบห้านาทีกับการพูดคุยกับทั้งสามคนก็ถึงคิวที่พวกเขาต้องไปเตรียมตัว อ่านถึงตรงนี้คงอิ่มอกอิ่มใจกันถ้วนหน้ากับคำตอบของหนุ่ม ๆ Two Door Cinema Club ไว้คราวหน้าจะมีวงอะไรมาเปิดการแสดงที่บ้านเราอีก เราจะตามไปเจอพวกเขาตัวต่อตัวแล้วนำบทสัมภาษณ์มาฝากกันอีกแน่นอน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้