อีกครั้ง กับ dream pop วงโปรดของเรา The Radio Dept.
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Jaruphong Jarana
Fungjaizine ตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่า Have You Heard? ชวน The Radio Dept. กลับมาเล่นที่กรุงเทพ ฯ เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ใน SINGHA LIGHT Live Series Vol. 2 – THE RADIO DEPT. ที่คราวนี้จะได้ เยนา และHariguem Zaboy มาร่วมแสดงด้วย แต่ก่อนไปเจอกับพวกเขาคืนนี้ เราขอเสิร์ฟบทสัมภาษณ์ร้อน ๆ เมื่อช่วงบ่ายให้แฟน ๆ ได้อุ่นเครื่องกัน
รู้สึกยังไงบ้างที่กลับมาเล่นที่นี่ ทำไมตัดสินใจมาอีกเป็นครั้งที่ 3
มาร์ติน: ดีครับ คือก่อนหน้านี้เรามีเล่นที่มองโกเลีย แล้วทาง Have You Heard? ก็ติดต่อมาเราก็รับเล่น เพราะเมื่อหลายปีก่อนที่เราเคยมาก็เป็นช่วงเวลาที่ดีครับ ที่นี่เลยจะเป็นที่สุดท้ายสำหรับเอเชียทัวร์ของพวกเรา
2 ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง
มาร์ติน: รอบแรกปี 2008 อยู่ในช่วงที่เราทัวร์นานที่สุดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วเราก็ได้เล่นในงาน Tiger Translate ซึ่งเป็นงานใหญ่เราเลยตื่นเต้นมาก ๆ ตอนนั้นเราสนุกนะ แต่ไม่รู้ว่าเล่นดีหรือเปล่า (หัวเราะ) แบบ พวกเราเกร็งกันมาก
โยฮัน: เป็นโชว์แรก ๆ ที่เรามาเล่นในเอเชียด้วยมั้งครับ เลยตื่นเต้นมาก แต่รอบสองเมื่อ 3 ปีที่แล้วดีมากครับ คนไปกันเยอะมาก สนุกเลยแหละ
ตอนนี้กำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่
โยฮัน: เพิ่งเสร็จเลยครับ น่าจะปล่อยวันที่ 21 ตุลาคมนี้ครับ
ทำไมใช้เวลาห่างจากชุดล่าสุดที่ทำไว้ถึง 6 ปี
โยฮัน: เรามีปัญหากับต้นสังกัดนิดหน่อยครับ เรื่องสัญญาที่เราเซ็นไว้ตอนที่พวกเราเด็กกันมาก ๆ ถึงขั้นขึ้นศาลกันเลยแหละ แต่พวกเราแพ้คดีเลยเคว้ง ๆ อยู่ 2 ปี ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการทำเพลงเท่าไหร่ในช่วงนั้น แต่ก็ยังพยายามทำเพลงอยู่เรื่อย ๆ นะถึงมันจะช้าไปบ้าง แล้วเราก็ลองไปยื่นข้อตกลงใหม่กับทางค่าย ซึ่งนั่นก็ทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น ความสัมพันธ์ของเรากับค่ายก็ดีขึ้น แต่นี่ก็จะเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายที่เราจะทำกับค่าย Labrador Records ครับ
อะไรคือความแตกต่างของการทำงานแบบมีค่ายกับไม่มีค่าย
มาร์ติน: ผมว่ามันไม่ได้ต่างกันมากนะ เพราะเราทำอัลบั้มกันเองอยู่แล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการอัดเลย เพียงแต่ว่าทางค่ายเขาช่วยโปรโมต จัดจำหน่าย อัพโหลดไฟล์ดิจิทัลให้ แค่นั้น
โยฮัน: แล้วก็เรื่องลิขสิทธิ์ที่ตอนหลังเราก็โอนมาเป็นของเราทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายแล้วเพราะเราก็ทำเองหมดทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ DIY มาก ๆ แล้วเราก็คงจะยึดทางนี้กันต่อ
คิดยังไงกับการเข้ามาของยุคดิจิทัล
มาร์ติน: ผมว่ามันน่าเบื่อนะ เพราะเอาเข้าจริงไวนิลมันดีกว่ามากเลยแหละ ดิจิทัลมันอาจจะสะดวกสำหรับคนทั่วไป คุณสามารถปล่อยงานในวันเดียวกันกับที่คุณเพิ่งทำเสร็จ
โยฮัน: นั่นน่าจะเป็นข้อดีอย่างเดียวของมัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทางค่ายจะทำให้คุณได้เสมอไป มันน่าเศร้าด้วยซ้ำ เพราะค่ายจะอยากได้เพลงจากคุณอย่างน้อย 3 เดือนหรือ 6 เดือนกว่าที่เขาจะปล่อยเพลงให้ เพราะเป็นเรื่องการตลาดที่ต้องดูคิวปล่อยเพลงของศิลปินคนอื่น ๆ ด้วย มันเลยทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้รับความสนใจจากแฟนเพลงของวงนั้น ๆ ที่โดนดองอยู่ทั้งที่มีช่องทางที่รวดเร็วอยู่ในมืออยู่แล้ว เนี่ย ผมอยากทำมากนะ สมมติผมทำเพลงเสร็จตอนบ่าย ก็อัพโหลดให้คนได้ฟังกันคืนนั้นเลย
ดนตรีในอัลบั้มใหม่จะต่างจากชุดก่อน ๆ ไหม
มาร์ติน: รอบนี้ผมว่าจะต่างจากชุดที่แล้วมากครับ เพราะชุดนี้เราทำเพลงที่มีความเป็นอิเล็กทรอนิกมากขึ้น
โยฮัน: หม่นขึ้นด้วยครับ น่าจะหนักกว่าเพลง Occupied ด้วย
ทำไมถึงลองทำอิเล็กทรอนิกล่ะ
มาร์ติน: อยากลองดูครับ (หัวเราะ) น่าสนุกนะ
โยฮัน: ลืมบอกไปเลยครับ อีกอย่างที่ทำให้เราใช้เวลานานในอัลบั้มชุดนี้เพราะเราทำงานอีกชุดนึงไปพร้อม ๆ กัน อัลบั้มในอนาคตนี้จะเป็นงานที่เน้นซาวด์เบสมากขึ้น ชุดที่จะปล่อยนี้ก็มีกีตาร์นะ แต่จะน้อยกว่ามาก ๆ เน้นซาวด์อิเล็กทรอนิกมากกว่า
ยากมั้ยในการเก็บเกี่ยววัตถุดิบในการทำเพลง
โยฮัน: เนื้อเพลงนี่ผมงมกับมันนานเลย เพราะอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด ส่วนพาร์ทดนตรีไม่ยากครับ เรื่องการอาเรนจ์อาจจะพิถีพิถันแหละ แต่เรื่องไอเดียทำนองใหม่ ๆ นี่มันออกมาได้ตลอดเลย
แต่ละชุดนี่คิดธีมเอาไว้ก่อนไหม
มาร์ติน: เราพยายามทำงั้นนะ แต่มันค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน อัลบั้มนี้เราเลยเลือกจะกำหนดให้เป็นธีมอิเล็กทรอนิกไปเลย แล้วก็จะพูดเรื่องการเมืองด้วย
แล้วทำไมมีมิวสิกวิดิโอน้อยจัง
โยฮัน: เราไม่สามารถทำตามใจเราได้ เมื่อก่อนแฟนเพจเราก็ไม่มี แฟนคลับทำให้ทั้งนั้น ยกเว้นอันแรกสุดที่ทำ อันนั้นเราทำของเรากันเองกับเพื่อน แต่พอออกจากค่ายแล้วพวกเราจะลองกันดูครับ ที่ผ่านมาเรามีปัญหากับการสนองตอบรสนิยมของแต่ละคน (หัวเราะ) มันเลยเป็นการดีกว่าที่เราจะไม่ทำอะไรเลย
ทำไมถึงจะไม่ใส่ซิงเกิ้ลล่าสุด The Repeated Sodomy ในอัลบั้มชุดล่าสุด
โยฮัน: แนวดนตรีมันไม่เข้ากันน่ะครับ แต่ของ Occupied ผมเขียนเพลงนี้เสร็จเร็วมากนะ ตอนอัดก็ใช้เวลาแปปเดียว เราเลยขอให้ Labrador Records ปล่อยเพลงนี้ออกมาก่อนไว ๆ จะได้เป็นการเรียกน้ำย่อยอัลบั้มชุดใหม่ด้วย แล้วเขาก็ทำให้เรา (หัวเราะ) ส่วนเพลง Death to Fascism ถึงแนวเพลงมันจะไปได้กับชุดใหม่แต่มันออกมานานแล้ว เลยไม่เอามาใส่ด้วยครับ
แล้วใน The Repeated Sodomy ต้องการสื่ออะไร เห็นพูดถึงเศรษฐกิจของกรีซกับประเทศเยอรมนีด้วย
โยฮัน: คล้าย ๆ กับใน Occupied ครับ มันเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่เรากำลังต่อสู้กันอยู่ ถ้ามีความรู้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นที่สวีเดนก็น่าจะเก็ตเพลงนี้ครับ (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงกับผลโหวตของ Brexit
มาร์ติน: มันประสาทมาก
โยฮัน: ใช่ จริง ๆ ผมไม่ได้แฮปปี้กับ EU เท่าไหร่นะ แต่พอผลมันออกมาแบบนี้แล้วจะกระทบกับความเป็นอยู่ของคนอังกฤษผมก็ไม่ค่อยโอเค แล้วพวกเราได้อ่านเรื่องที่คนอังกฤษเสิร์ชหาว่า EU คืออะไรหลังจากที่ตัวเองลงคะแนนเสียงไปแล้ว คือมันบ้ามาก แต่ก็นั่นแหละ ถ้าสหภาพยุโรปสามารถเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารภายในได้ดีกว่านี้คนอังกฤษก็คงไม่ต้องขอลงประชามติเพื่อแยกตัวออกมา
มาร์ติน: แต่มันเหมือนเป็นโปรเจกต์ neo-liberal ที่ไม่ค่อยได้ผล เพราะประเทศส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรปเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่การตัดสินใจโหวตว่าจะให้อยู่ต่อ (Bremain) หรือ แยกออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของแต่ละพื้นที่มันขัดแย้งกันมาก แม้ว่าผลของเสียงส่วนใหญ่จะออกมาเป็นให้แยกออกก็เถอะ ซึ่งมันก็ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเขาถึงออกมาเรียกร้องให้ลงประชามติกันใหม่
แล้ว Brexit มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมดนตรีสแกนดิเนเวียนมากน้อยแค่ไหน
โยฮัน: เราไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับวงการดนตรีภายในของเราเท่าไหร่ อาจจะมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น หรือถูกลง ถ้าเราเดินทางไปแสดงที่อังกฤษ แต่สวีเดนกับอังกฤษมันใกล้กันมากนะ คงไม่เอฟเฟกต์มากหรอก เดี๋ยวคงได้รู้กัน ส่วนเรื่องการแสดงสดเนี่ย มันก็ดีนะที่ได้ไปเล่นที่อังกฤษ แต่ช่วงแรก ๆ คนดูจะไม่ค่อยต้อนรับขับสู้วงหน้าใหม่ที่จะมาเล่นเท่าไหร่ เพราะอังกฤษเนี่ยก็เป็นประเทศที่โด่งดังเรื่องประวัติศาสตร์เพลงป๊อป และร็อก อยู่แล้ว ใคร ๆ ก็อยากมาเล่นที่นี่ มันก็เลยมีวงดัง ๆ เป็นพรวนที่เขารอจะมาดูกัน วงไม่ค่อยดังนี่จ๋อยไปเลย จนพวกเรามีชื่อขึ้นมาหน่อยเขาถึงจะทำตัวน่ารักกับพวกเรา แต่คนดี ๆ ก็มีนะครับ พ่อผมเป็นคนสก๊อตแลนด์ผมเลยมีความรู้สึกดี ๆ กับคนในสหราชอาณาจักรบ้างแหละ โดยเฉพาะกับสก๊อตแลนด์นะ มันก็น่าเศร้าเหมือนกันที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้
แสดงว่าทุกคนตระหนักเรื่องการเมืองกันประมาณนึง เคยได้รับผลกระทบจากเรื่องการเมืองบ้างไหม
มาร์ติน: ตลอดเวลาครับ ผมเชื่อว่าทุกคนบนโลกเจอผลกระทบทางการเมืองกันหมด มันโดนทั้งพ่อผม แม่ผม ลูก ๆ ของผมที่ทุกวันนี้เขาต้องไปโรงเรียน
โยฮัน: ทุกอย่างมันเป็นการเมืองหมดเลย แต่เราโชคดีมากที่เกิดมาในช่วงที่สวีเดนยังไม่เจอกับปัญหานี้กันหนัก ๆ ตอนนั้นพวกเรารู้สึกเท่าเทียมกันมาก ชีวิตง่ายกว่านี้ มันดูแย่ลงเรื่อย ๆ
มาร์ติน: ทุกวันนี้ทุกอย่างมันไปไวมาก ค่านิยมฟาสซิสมันเข้ามาในประเทศเรา เหมือนว่าพรรค Sweden Democrats ที่เป็นรัฐบาลอยู่นี่เขาเป็น neo-facist แถมยัง racist มาก ๆ ตอนนี้คนก็พากันโทษพวกผู้อพยพที่เข้ามาในสวีเดน เหมือนอย่างอเมริกาที่ตอนนี้ก็มีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกอย่างคือทุนนิยมมันทำให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจของแต่ละคนเพิ่มมากขึ้น คนรวยก็ยิ่งรวย คนจนก็ยิ่งจน ตอนนี้หลายประเทศในยุโรปเจอหมด
พักเรื่องเครียดไว้ดีก่อน รู้จัก Last Dinosaurs ไหม เราเคยสัมภาษณ์พวกเขาแล้วถามว่าชอบวงดนตรีวงไหน พวกเขาตอบว่า The Radio Dept. ล่ะ รู้สึกยังไงเวลาวงดนตรีหรือศิลปินคนอื่น ๆ ยกให้เราเป็นไอดอล
มาร์ติน: ไม่รู้จักครับ แต่รู้สึกดีใจมาก ๆ เลย
โยฮัน: ผมว่ามันเป็นคำชมที่เป็นกำลังใจชั้นดีของเราเลยครับ เพราะผมเข้าใจเลยว่าการที่เราชอบวงไหนแล้วเรามีพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง ทำให้เราเติบโต แล้วได้ก้าวไปอยู่ในจุดเดียวกับพวกเขา มันดูเกินฝันมาก เป็นสิ่งที่งดงามสำหรับผมครับ
แล้วอะไรคือสิ่งที่คุณสนใจในช่วงนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องดนตรีนะ
โยฮัน: น่าจะเป็นเรื่องการเมือง กับศิลปวัฒนธรรมครับ อย่างพวกภาพยนตร์ ศิลปะแขนงต่าง ๆ แล้วก็ได้อยู่กับเพื่อน ๆ มากขึ้น นี่ล่ะมั้งครับ ไม่รู้สิ
มาร์ติน: ผมมีลูกครับ เอาเวลาว่างของผมไปหมดเลย สูบเอาเงินไปด้วย (หัวเราะ) มันยากแหละการเป็นพ่อคน แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ดีและเป็นสิ่งที่วิเศษที่ผู้ชายคนนึงจะเป็นได้ ผมมีความสุขมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเขา
กลับมาที่คอนเสิร์ตคืนนี้ เราจะได้ฟังเพลงอะไรบ้าง
โยฮัน: เราจะเล่นเพลงใหม่แน่ ๆ ครับ เผื่อว่าพวกคุณจะชอบกันนะ แล้วก็มีเพลงจากอัลบั้มชุดก่อน ๆ ด้วย
มาร์ติน: พวก side B นี่จะหยิบมาเล่นเหมือนกัน
โยฮัน: พวกเราขี้เขินนะ คงไม่ได้เต้นหรือพูดอะไรเยอะ แต่ก็คาดหวังจะให้ออกมาเป็นโชว์ที่ดีครับ
ได้ฟังวงที่จะเล่นเปิดวันนี้แล้วหรือยัง เยนา กับ Hariguem Zaboy
โยฮัน: ยังครับ แต่ผมเชื่อเสมอว่าเพลงของวงของประเทศที่เราไปเล่นต้องดีอยู่แล้ว แต่เรากะว่าจะไปหาฟังหลังเล่นเสร็จ เพราะตลอด 15 ปีที่ผ่านมาที่เราไปโชว์ร่วมกับวงอื่น ๆ พวกเราจะไม่ออกมาดูโชว์ของพวกเขาก่อนที่จะถึงคิวตัวเอง เพราะมันทำให้เราเครียด ประหม่า กลัวทำออกมาได้ไม่ดีเท่าพวกเขา (หัวเราะ) แต่เดี๋ยวจะหาฟังแน่ ๆ ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง
ฝากอะไรถึงแฟนเพลงที่มารอดูหน่อย
โยฮัน: ถ้าคุณเป็นคนสวีเดน อยู่บ้านไปครับ เพราะบางทีเวลาไปเล่นต่างประเทศแล้วเจอคนสวีเดนบางคนที่หยาบคาย เขาจะแหกปากในความภูมิใจในความเป็นสวีดิชตั้งแต่ช่วงกลางเพลง ซึ่งมันไม่สุภาพมาก ๆ กับคนดูคนอื่น ๆ ด้วย
มาร์ติน: ส่วนมากก็เป็นพวกผู้ชายขี้เมานั่นแหละ เราจะพยายามส่งต่อเพลงขอเราให้กับผู้ชมน่ารัก ๆ ครับ แต่กับคนพวกนี้เหรอ ฝันไปเถอะ (หัวเราะ)
โยฮัน: เขาทำให้ตัวเองน่าอาย แล้วยังทำให้พวกเราอายด้วยที่เป็นคนร่วมชาติกับเขา ถ้าเป็นงั้นก็อยู่บ้านไปเถอะ แต่ถ้าทำตัวดีก็มาเจอกันได้ครับ (หัวเราะ) ส่วนแฟน ๆ ชาวไทย ขอบคุณที่ชวนพวกเรามาเล่นอีกครั้งครับ
มาร์ติน: แต่จะมีอีกครั้งต่อ ๆ ไปไหมก็รอดูกัน ขอบคุณมากครับ
นี่ก็ตื่นเต้นอยากจะดูทั้ง 3 วงแบบสุด ๆ แล้ว ใครที่ยังไม่มีบัตรไปจับจองได้ที่หน้างาน ราคา 1,500 บาท แล้วเจอกันที่ Voice Space ประตูเปิด 2 ทุ่มตรงนะ
ขอขอบคุณ Have You Heard?