Article Import

ครั้งที่สามในไทยที่เราจะได้ดู The fin. แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกับพวกเขาแบบฟิน ๆ

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Montipa Virojpan and The fin. official fanpage

The fin. วงอินดี้ร็อก/ ซินธ์ป๊อปจากญี่ปุ่น ที่ทำซาวด์ดนตรีได้อินเตอร์จนติดอกติดใจคนทั่วทุกมุมโลก จะมาเล่นที่กรุงเทพ ฯ เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ที่พิเศษคือเขาได้ไปเล่นที่ขอนแก่นเป็นครั้งแรกด้วย และเราจะมาพูดคุยถึง There อัลบั้มเต็มชุดล่าสุดของพวกเขากัน

img_0502

สมาชิก
Uchino Yuto (
ร้องนำ, ซินธ์)
Odagaki Ryosuke (
กีตาร์)
Nakazawa Kaoru (
เบส)

อัลบั้มเต็มชุดที่สอง ‘There’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

ยูโตะ: อัลบั้มนี้ไม่มีคอนเซปต์นะครับ ผมเริ่มเขียนเพลงในชุดนี้เมื่อประมาณสามปีก่อน เป็นช่วงที่เราเริ่มทัวร์รอบโลก เราไปที่อเมริกาที่แรกเพื่อเล่นเทศกาล SXSW แล้วเราก็ไปทัวร์ที่เมืองอื่น จากนั้นก็ไปฝั่งเอเชีย ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย แล้วก็ได้ไปเล่นในอังกฤษด้วย จริง แล้วอัลบั้มชุดแรก กับ EP ผมเขียนจากประสบการณ์ในญี่ปุ่นของผม แต่ชุดนี้ผมเขียนเพลงขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้รับจากแต่ละที่ในโลกที่ได้ไป มันก็จะมีความลุ่มลึก หลากหลายมากกว่าครับ

เพลงก็มีความโตขึ้นด้วย อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้ออกมามีความ groovy ขึ้น นิ่งขึ้นขนาดนี้

ยูโตะ: ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้มันดูต่างจากอัลบั้มก่อน ขนาดนั้นครับ มันออกมาตามธรรมชาติเลย คือผมพยายามจะให้เพลงของผมมีความเพียวที่สุด ผลลัพธ์เลยออกมาเป็นแบบนั้น ซาวด์ที่ออกมาก็เหมือนเป็นสภาวะอารมณ์ ขณะนั้นของผม

1994 ที่อยู่ในชื่อของแทร็คสุดท้ายมีที่มาจากอะไร

ยูโตะ: มันเป็นปีที่ผมอายุ 3 ขวบครับ เพลงนั้นเกี่ยวกับความทรงจำแรกของผม ตอนนั้นผมอยู่ในบ้านที่บ้านเกิด แล้ววันนั้นไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย จนเวลาผ่านไปห้องก็มืดลงเรื่อย และผมรู้สึกเหงามาก มันแทบจะเป็นประสบการณ์แรกที่ผมจำได้ก็เลยอยากจะหยิบมาถ่ายทอดผ่านเพลง ก็เลยเขียนมาน่ะครับ

ได้อิทธิพลจากเพลงไซคีเดลิกมาด้วยหรือเปล่า

ยูโตะ: ใช่ครับ ตอนผมทำอัลบั้มนี้ผมฟังเพลงไซคีเดลิกเยอะมาก อัลบั้มที่ผมชอบคือ Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ชุด Revolver ผมก็ชอบ ปีที่แล้วผมก็ได้ฟังวง Temples เราได้ดูพวกเขาเล่นที่ SXSW จริง ได้เล่นงานเดียวกันที่ Fuji Rock ด้วย แต่ไม่มีโอกาสได้ไปดูครับเพราะเราต้องเดินทางไปเล่นอีกงานที่เกาหลีใต้พอดี แต่ตอนที่บินไปเกาหลีใต้เราได้ไปไฟลต์เดียวกับ Gorillaz ด้วย (หัวเราะ)

เรียวสึเกะ: แต่ไม่ได้นั่งติดกันนะ เขาน่าจะนั่ง first class

img_0510

ทาคายาสุ มือกลองหายไปไหน

ยูโตะ: อยู่ที่ญี่ปุ่นครับ เขาเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วตอนอยู่ที่อังกฤษ คิดว่าเขาต้องปรับตัวมากกับสภาพสังคมวัฒนธรรมที่นู่นแล้วเขารับมันไม่ไหว เขาก็เริ่มป่วยเลยต้องพักรักษาตัวที่ญี่ปุ่นครับ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาไปเล่นกับเราไม่ได้อีกเพราะเรามีทัวร์เยอะมาก

เรียวสึเกะ: เราก็หานักดนตรีมาเล่นแทนไปก่อนครับ เลยไม่มีปัญหาอะไร

ยูโตะ: อันที่จริงคาโอรุเคยเป็นมือกลองวงเรามาก่อน แต่ก่อนที่เขาจะมาเล่นวงเราเขาก็เป็นมือเบสอยู่ก่อนด้วยเหมือนกัน พอได้เข้ามาอยู่วงเราก็เลยเหมือนกลับสู่สภาพปกติน่ะครับ (หัวเราะ)

แสดงว่าตอนนี้สมาชิกวงอยู่กันที่อังกฤษเป็นหลักหรอ

ยูโตะ: ใช่ครับ เราเช่าบ้านหลังใหญ่อยู่ด้วยกันที่เมืองเคนท์ ห่างจากลอนดอนไปประมาณชั่วโมงนึง ซึ่งเราก็ทำสตูดิโออยู่ในนั้น ผมเลยจะอัดเพลงเมื่อไหร่ก็ได้ ทำเพลงเมื่อไหร่ก็ได้

เรียวสึเกะ: ทำเสียงดังแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครว่า แต่เรากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้วเพราะมีคนอื่นมาซื้อบ้านไปแล้ว เราเลยต้องย้ายออก แล้วก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน

ยูโตะ: มีนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาซื้อบ้านทั้งหลังไปน่ะครับ แต่ตอนนี้เราทัวร์อยู่ในเอเชีย เราเลยกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่พอทัวร์เสร็จหลังพฤษภาเราก็จะกลับไปครับ ลองหาที่ใหม่ดู แต่ที่นั่นเราเล่นฟุตบอลในบ้านตัวเองได้ด้วย จริง ผมก็เพิ่งเจ็บตัวจากที่ไปเตะบอลมาเนี่ย (หัวเราะ)

ดูเหมือนว่าวงจะให้ความสำคัญกับปกอัลบั้มกับมิวสิกวิดิโอเหมือนกันนะ ดูสวย ดูมีอะไรทุกงานเลย

29176981_1734017179970650_4207469693964910592_n

ยูโตะ: จริง ทุกงานเราทำงานกับ art director, ดีไซเนอร์ครับ บางครั้งเราต้องพูดคุยกับเขาเยอะมากว่าเราอยากจะได้งานออกมาเป็นแบบไหน แต่บางทีก็ไม่ต้อง อย่างเช่นตอนทำงานกับ โคไซ เซกิเนะ ผู้กำกับมิวสิกวิดิโอ Night Time, Shedding, Through the Deep เขาเป็นอัจฉริยะครับ เขาเข้าใจทุกอย่างง่ายมากทำให้เราไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ ส่วนปกอัลบั้ม There เราต้องบอกกับช่างภาพเกี่ยวกับอัลบั้มนี้เยอะมาก ส่งข้อความไปคุยกันเยอะมาก (หัวเราะ) แต่สนุกดีครับตอนได้ร่วมงาน สร้างงานใหม่ กับเขา ธีมหลักคือการสะท้อน’ (reflection) เหมือนเป็น alter ego

แล้วเรื่องราวในมิวสิกวิดิโอ Shedding เกี่ยวกับอะไร งานของเขาดูลายเซ็นชัดมาก

ยูโตะ: เป็นผู้หญิงคนนึงที่เหมือนมีสองบุคลิกครับ มีร่างดำ ร่างขาว แล้วก็ผม ส่วนผมก็พยายามจะไล่ตามร่างขาว แต่สุดท้ายกลายเป็นผมที่ถูกร่างดำของเธอวิ่งไล่ เหมือนเป็นการเปรียบเปรยกับเพลงของผม มีความเซอร์เรียลน่ะครับ (FJZ: ร่วมงานกับริสะ นางเอกมิวสิกวิดิโอ เป็นยังไงบ้าง) เธอเยี่ยมมากครับ เพิ่งเข้าวงการเมื่อเร็ว นี้เอง แต่เธอจะต้องดังแน่นอน

ใน EP Through the Deep คุณได้ร่วมงานกับ The Field และ All We Are ด้วย ไปไงมาไง

ยูโตะ: All We Are นี่เป็นเพื่อนเราครับ เราได้ทัวร์ด้วยกันที่ญี่ปุ่นเมื่อสองปีที่แล้ว แล้วพวกเขาก็ชอบเพลงของเรามากก็เลยอยากมาทำให้ ส่วน The Field นี่ผู้จัดการวงเราที่อังกฤษชอบวงนั้นมาก แล้วก็ส่งข้อความหาวงว่าอยากมาทำเพลงให้วงเราไหม (หัวเราะ) ซึ่งผมชอบเพลงของพวกเราที่พวกเขาทำให้มาก

เรียวสึเกะ: ของ The Field นี่เซอร์ไพรส์เรามาก เลย เรารู้จักเพลงของพวกเขา ซึ่งมันจะออกเป็นอินดี้ร็อกหน่อย แต่พอทำออกมาแล้วมันดูลึกมาก แปลกใจมากเลยครับ ชอบมาก

จะเขียนเพลงภาษาญี่ปุ่นบ้างไหม

ยูโตะ: คงไม่น่าจะเขียนละครับ มีแฟนเพลงคนญี่ปุ่นอยากให้ผมเขียนเหมือนกันเพราะมันก็ค่อนข้างเข้าใจยากสำหรับเขา แล้วก็เหตุผลนั้นน่าจะเป็นเพราะคนญี่ปุ่นชอบคิดว่าภาษาของตัวเองดีที่สุด (หัวเราะเพราะ J-pop เป็นอะไรที่ใหญ่มาก ที่นู่น วัฒนธรรมตะวันตกก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ไม่มีใครสนใจเลยครับ มันก็แปลก นะ แต่สำหรับผม ผมว่าผมใช้ภาษาอังกฤษคล่องกว่า มันก็มีผลกระทบกับวงของเรานิดหน่อยแหละ แต่เราคงไม่เป็นไรหรอก (หัวเราะ) เราก็คงไปได้แฟนเพลงจากที่อื่นแทน ผมรู้สึกว่าตอนมาทัวร์เอเชีย อังกฤษ อเมริกา เราได้การตอบรับที่ดีกว่าในญี่ปุ่นเองอีกนะ

จากวันนั้นจนวันนี้พวกคุณเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง

ยูโตะ: เปลี่ยนเยอะนะครับ เราย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แล้วก็เพื่อนมือเบสของเราต้องออกจากวงไป ผมทำเพลงเสร็จไปหลายอัลบั้ม เราเริ่มทำเพลงกันตอนอายุ 21 แต่ตอนนี้เราอายุ 26 กันแล้ว 5 ปีมาแล้วนะครับ ดังนั้นสิ่งที่เปลี่ยนคงจะเป็นเราแก่ขึ้นมั้งครับ (หัวเราะ) แต่เราก็ยังรู้สึกเด็กอยู่เลย ยังมีพลังงานล้นเหลือ เราก็คงเปลี่ยนไปในทุก วันแหละครับ แล้วมันก็ดีมากสำหรับเราที่ได้ทัวร์หลาย ที่ในโลกเพื่อที่เราจะได้เห็นอะไรหลาย อย่าง แล้วนำสิ่งเหล่านั้นที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ประสบการณ์ ความรู้สึกต่าง มาใช้ทำเพลงได้ มันช่วยผมมาก ซึ่งผมก็รู้สึกขอบคุณกับการเปลี่ยนแปลงนั้นของพวกเราครับ

เรียวสึเกะ: ตอนนี้เราย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เราอาศัยอยู่ด้วยกัน มันทำให้ผมได้เห็นว่าเพื่อน ให้ความสำคัญกับดนตรีมากขนาดไหน ซึ่งมันทำให้ผมได้รับพลังจากพวกเขาและมีกำลังใจในการทำเพลงด้วยกันต่อ ไป

ยูโตะ: คือเขาตกใจมากที่ผมอินกับการทำเพลงมาก เขาเคยเดินมาเจอผมนั่งทำงานอยู่แล้วก็แบบ ‘เฮ้ย ยูโตะ ยังทำเพลงอยู่อีกหรอวะ’ (หัวเราะ)

นั่งทำเพลงนานสุดกี่ชั่วโมง

ยูโตะ: ปกติก็น่าจะ 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็ไม่ได้ดูนานขนาดนั้นเนาะ บางทีก็ทั้งวันทั้งคืน บางทีก็นอนไม่หลับเลยเพราะเพลงที่เพิ่งคิดได้มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ทำมัน จะได้เล่นมัน

img_0503

พวกคุณดูสนิทกันมาก เล่าความทรงจำสมัยเด็กที่มีร่วมกันให้ฟังหน่อย

เรียวสึเกะ: ของผมคือตอนที่ได้ไปต่างประเทศครั้งแรก ผมก็ไปกับพวกมันเนี่ย ตอนอายุ 21 เราไปอังกฤษกับฝรั่งเศสด้วยกัน เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก ครับ ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศพวกนั้นมาก่อน แล้วตอนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย

ยูโตะ: ผมเจอคาโอรุตอนเราอายุ 4 ขวบที่โรงเรียนอนุบาลน่ะครับ ผมจำได้แม่นเลยว่าเขาชอบต่อยครู ต่อย ๆๆๆ อยู่นั่น จนผมคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิต (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ดีขึ้นละหรือแย่ลงก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ส่วนตอนผมเจอเรียวสึเกะ เขาเงียบมาก มันพูดภาษาคนไม่เป็นหรอวะ

เรียวสึเกะ: ผมเพิ่งย้ายไปที่เมืองที่ยูโตะอยู่ตอน 6 ขวบครับ ผมไม่รู้จักใครเลย ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับใครเลยกลายเป็นคนเงียบ ขี้กังวล

ยูโตะ: แม่งไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะเลย ผมเลยไปบอกมันว่า ‘เฮ้ย ยิ้มดิวะ’ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเยอะละ อย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ

อะไรที่เป็นประเด็นสังคมในญี่ปุ่นที่คุณกังวลอยู่ในตอนนี้

ยูโตะ: น่าจะเป็นเรื่องประชากรในญี่ปุ่นมั้งครับ คนสูงอายุเยอะขึ้น คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมก็น้อยลง เราเองก็ควรทำอะไรเพื่ออนาคตของเรา แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจตรงนั้น นั่นน่าจะเป็นปัญหาหลัก เลยครับ แต่ผมไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็เลยดูจะไม่ได้ช่วยอะไรเขา (หัวเราะ) ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ค่าจ้างต่ำลง ก็น่าห่วงครับ

เรียวสึเกะ: ส่วนผม ไม่รู้ครับ มันเป็นเรื่องหนักไปสำหรับผม (หัวเราะ)

งั้นอะไรคือสิ่งที่คุณสนใจ

ยูโตะ: ทำไมคางมันถึงใหญ่ขนาดนั้น

เรียวสึเกะ: อ่า น่าจะเป็นเรื่องคางของผมเนี่ยแหละครับ

ยูโตะ: เราชอบล้อเรียวสึเกะว่า ‘ทำไมคางมึงยาวจังวะ’

เรียวสึเกะ: แล้วตอนไปเล่นที่จีน ล่ามก็บอกว่า ผมน่าจะบอกคนดูเป็นภาษาจีนนะว่าคางของผมใหญ่มากแต่คนดูดูจะไม่เก็ตมุขผมอะครับ (หัวเราะ)

ยูโตะ: เงียบฉี่เลย

img_0511

เล่นในเฟสติวัลกับเล่นโชว์ของตัวเองในเวนิวแตกต่างกันยังไง ชอบแบบไหนมากกว่า

ยูโตะ: เล่นที่เฟสติวัลยากกว่านะครับ ไม่มีเวลาให้เซ็ตเครื่องเท่าไหร่ ทุกคนต้องเร่งมือก่อนเล่น แต่ว่ากลุ่มคนดูจะน่าตื่นเต้น ออกแนวบ้าคลั่ง พลังล้นเหลือด้วยซ้ำ ซึ่งผมชอบนะครับ แต่ผมคงชอบโชว์ในเวนิวมากกว่าเพราะรู้สึกว่าเป็นมืออาชีพมากกว่า ควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า แต่ในเฟสติวัลนี่พอเล่นเสร็จก็ชอบไปเดินเล่นในงานนะ คนดูมีชีวิตชีวาดีครับ

ชอบเล่นที่ไหนที่สุด

ยูโตะ: ไทยครับ (หัวเราะ) จริง นะ คนไทยนิสัยดีกว่าที่ญี่ปุ่นอีกอะ สาบานเลย ยิ่งในโตเกียวคนที่นั่นไม่ค่อยเปิด แล้วก็ดูเย็นชา แต่คนไทยดูใจกว้างกว่ามาก

เรียวสึเกะ: คนไทยกล้าแสดงอารมณ์ความรู้สึกระหว่างโชว์มากครับ แต่คนญี่ปุ่นไม่ค่อย

ยูโตะ: จริง เขา (เรียวสึเกะ) เคยเป็นคนแบบนั้นนะ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ไม่เป็นละ

อะไรคือสิ่งที่คุณชอบที่สุดในระหว่างที่ทัวร์

เรียวสึเกะ: การที่เราได้แชร์อะไรหลายอย่างร่วมกันมั้งครับ แต่ที่ชอบที่สุดคือการได้เล่นสดด้วยกันเนี่ยแหละ ได้กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับผมมันเจ๋งมากครับกับการที่ได้มาทัวร์ด้วยกัน

ชอบกินอะไรที่สุด

เรียวสึเกะ: ยากจัง รอบก่อนเราไปจีน แล้วเราลองกินหม้อไฟ แต่กินอันที่เผ็ดไม่ได้เลยสั่งแต่ไม่เผ็ด

ยูโตะ: มันฝรั่งอร่อยมากครับ

ไปเล่นที่ขอนแก่นมา เป็นยังไงบ้าง

ยูโตะ: ดีมากเลยครับ บรรยากาศก็ดี คนดูก็ดูสนุก ชอบมากครับ

เรียวสึเกะ: เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ไปเล่นนอกกรุงเทพ ครับ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมาก แล้วก็ชอบมาก ด้วย

29513239_1744896312216070_7207580226977306435_n

วันนี้จะได้เล่นที่กรุงเทพ เป็นครั้งที่สามแล้วนะ คาดหวังอะไรกับโชว์ครั้งนี้บ้าง

ยูโตะ: พลังงานที่จะได้รับจากคนดูที่มากขึ้นมั้งครับ

เรียวสึเกะ: นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เล่นในที่ที่ใหญ่ขนาดนี้

ยูโตะ: รอบก่อนประมาณ 600 แต่รอบนี้ 1,500 คนได้มั้ง ใหญ่กว่าเดิม พลังงานน่าจะเยอะกว่าเดิม ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ

29541255_1746023255436709_8929429939485424172_n

รู้สึกยังไงที่ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงชาวไทยที่ดีเสมอมา

ยูโตะ: ขอบคุณมาก เลยครับ ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะได้มาเล่นบ่อยขนาดนี้ ประทับใจมากเลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้