วงที่สองจากโปรเจกต์ Cinema Sessions พบกับ The Chairs วงโฟล์กผู้เติมสีสันให้กับแนวดนตรีของตัวเอง รวมถึงชวนชมเบื้องหลังการทำอัลบั้มและเทคนิคสุดพิเศษที่พวกเขาใช้ใน Cinema Sessions ครั้งที่ 2 นี้ พร้อมแล้วก็ไปพบกับพวกเขากันเลย

“ชอบ 100 มากกว่า 98 ไหม?”

บ่ายวันอาทิตย์ของ control room ที่ YuChen Studio สมาชิกวง The Chairs อย่าง YunJin (นักร้อง, กีต้าร์) Zhong (นักร้อง, กีตาร์) Benson (เบส) และโปรดิวเซอร์ Eazie Huang กำลังคุยกับ mixing engineer Andy Baker เกี่ยวกับค่า bpm ของเพลง ซึ่งแม้จะต่างกันแค่ 2 bpm แต่มันจะส่งผลต่อความรู้สึกต่าง ๆ ของเพลงอย่างมาก

Andy เสนอให้ใช้เสียงซินธิไซเซอร์จาก Roland SH-2000 ยุค 70s สุดคลาสสิกที่เคยฝากผลงานไว้กับเพลงที่เขาทำกับศิลปิน Blondie, Human League และ Fatboy Slim ซึ่งเมื่อทุกคนได้ลอง Roland ก็ทึ่งกับเสียงสุดเสน่ห์จนลืมไปเลยว่าพวกเขาต้องอัด live sessions กันต่อ

Lovely Sunday อัลบั้มเต็มชุดที่สองของพวกเขาซึ่งเต็มไปด้วยสำเนียงป๊อปสุดคลาสสิกในภาษาต่าง ๆ เช่น จีนกลาง ไต้หวัน อังกฤษ และญี่ปุ่น อัลบั้มนี้มีกลิ่นอายย้อนยุคเบิกบานตามสไตล์ดนตรีอินดี้ของไต้หวันที่เป็น ‘เทรนด์ใหม่ของเพลงโรแมนติก’ อย่างดนตรีที่มีจังหวะสนุก ๆ และเนื้อหาที่เบิกบานมากขึ้น ตามรอยวงอย่าง Sunset Rollercoaster, Angel Baby, Deca Joins และ The Fur.

ทั้งสามคนเจอกันที่ชมรมกีตาร์สมัยเรียนมัธยมและพวกเขายังเคยร่วมการแข่งแต่งเพลงด้วยกันตอนมหาวิทยาลัย ทำให้อัลบั้มแรกของพวกเขา Cheers! Land อวลไปด้วยเสียงของกีตาร์อะคูสติก ซึ่งถึงแม้ซาวด์ในอัลบั้มต่อมาจะฟังดูสดใส แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาเกือบเคยจะยุบวงไปก่อนที่จะเริ่มทำอัลบั้ม

แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Newcomer (Band) ในสาขา Best Folk Album Award และ Best Folk Single จากรายการ Golden Indie Music Awards Taiwan แต่สมาชิกวงก็จำเป็นต้องออกจากมหาวิทยาลัย YunJin เข้ารับราชการทหาร Zhong เริ่มชีวิตวัยทำงาน ส่วน Benson ก็ต้องเร่งทำวิทยานิพนธ์เพื่อให้จบการศึกษาได้ทัน ทำให้ไม่พวกเขาไม่มีเวลาร่วมกันสำหรับการทำเพลงเลย อีกทั้งความเหนื่อยล้าก็ครอบงำทุกคนไว้

นับเป็นโชคดีของวงที่ได้ร่วมงานกับ Eazie Huang ผู้เสนอแนวทางใหม่เพื่อให้วงเดินต่อไปได้ ทำให้วงได้กลับสู่กระบวนการทำอัลบั้ม Lovely Sunday โดย Eazie คือผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานหนักกว่าหนึ่งปีสู่การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ไอเดียต่าง ๆ ได้เติมเต็มให้ตัวเพลงสมบูรณ์มากขึ้น ความปราณีตในท่วงทำนองทำให้เพลงติดหูขึ้นอีกด้วย ทำให้เพลงจากอัลบั้มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Indie Music Awards (TW) ในสาขา Best Folk Singles

“เราใส่องค์ประกอบบางส่วนของเพลงเก่า ๆ เข้าไป โดยมีศิลปินมากมายมีอิทธิพลต่ออัลบั้มนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นยุค 60s และ 70s ผมชอบวง The Beatles แล้วก็ฟัง Lou Reed และ David Bowie เช่นเดียวกับที่ผมเพลงอินดี้ป็อป ส่วนผสมเหล่านี้ก็มารวมอยู่ในอัลบั้มของเรา” YunJin เสริมว่า “ตอนทำอัลบั้มนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ มันเลยทำให้งานของพวกเราค่อย ๆ เดินหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน”

Yunjin และ Zhong เปรียบเสมือน John Lennon และ Paul McCartney วัยเยาว์ ทั้งคู่ร่วมทำงานเพลงในอัลบั้มและสลับกันร้องเหมือน The Beatles เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่นของ Benson ในเพลง Through The Lens of Life มาจากงานเขียนและความชอบอนิเมะญี่ปุ่นของเขาซึ่งเดาไม่ยากเพราะทุกครั้งที่พักอัดเพลงเขาจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่นเกม เขาพูดติดตลกว่า “ความจริงแล้วมือของผมไม่ได้อยู่ที่เบสเลย มันคือกายละเอียดต่างหาก”

Cinema Sessions ครั้งนี้ The Chairs นำสองเพลงใหม่ที่พวกเขาภูมิใจนำเสนอมาเล่น เพลงแรกคือเพลงภาษาไต้หวันที่ Zhong แต่ง In Liquor ตอนนั้นสมาชิกวงหลงรักเพลงซิตี้ป๊อป พวกเขาจึงลองใส่เสียงแซ็กโซโฟนเพื่อให้เพลงฟังดูเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในเพลงอินดี้ไต้หวันที่ฟังเพลินที่สุดตอนนี้ เพลงที่สอง Rollin On ผลงานชิ้นเอกของ Yunjin กับความฮิปปี้มากที่พวกเขาใช้ภาษาสันสกฤตเหมือน John Lennon ในเพลง Across The Universe ตอนเป็นศิลปินเดี่ยว

“วันนี้เป็น Live Session ที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม” Yunjin บอก ก่อนโปรดิวเซอร์ Eazie จะเล่าว่า ใน Cinema Sessions ครั้งนี้ Justin Liao มือกลองและมือแซ็กโซโฟนก็มาเสริมทัพด้วย ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้เพลงด้วยเสียงเปียโนจริง ๆ และซินธิไซเซอร์อนาล็อก จากเดิมที่ซาวด์ในอัลบั้มใช้แซมป์ในโปรแกรมอัดเพลง

ที่โต๊ะกาแฟทุกคนเห็นด้วยกับค่า bpm ก่อนปิด sessions Lovely Sunday ของพวกเขาในคืนนี้

อ่านต่อ

‘I Mean Us’ เบื้องหลังจาก YuChen Studio สู่เบื้องหน้าที่คุณจะได้สัมผัสใน Cinema Sessions
Cinema Sessions ส่งตรงวงไต้หวันสุดเจ๋ง ผ่านโชว์สุดเนี้ยบในสตูดิโอโรงหนังเก่า

• Twitter
• Line